"คุณกำลังมองหางานทำอยู่รึเปล่า...."
นี้คือจั่วหัวของอีเมลที่ถูกส่งเข้ามาหาผม หลังจากที่ได้ลองโพสต์ในเว็บไซต์หางาน มันเป็นอีเมลฉบับเดียวที่ถูกส่งมาในตอนเช้าของวันนี้
"หากคุณสนใจ ให้มายังที่อยู่นี้....."
ข้างในอีเมลมีข้อความบอกที่อยู่เพียงเท่านั้น มันเลยทำให้ผมลังเลนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลองไปที่นั่นดู มันห่างจากที่ที่ผมอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับไกลมาก เลยทำให้การเดินทางของผมไม่ได้ลำบากนัก
"หืม คุณใช่คนที่จะมาแทนลุงกิตติชั่วคราวรึเปล่า?"
ชายหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าเอ่ยทักผมทันทีที่เดินเข้าไปในเขตโรงเรียน เขากวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา ระหว่างที่ตัวเขาเองกำลังส่งเด็กนักเรียนกลับบ้าน
"หน่วยก้านดีเลยนะเนี่ย น่าเสียดายเลยที่ต้องมาทำงานแค่ชั่วคราว"
ผมตอบรับคำพูดของเขาด้วยการพยักหน้าเบาๆ เพียงเท่านั้น เพราะผมยังรู้สึกความประหม่านิดหน่อย
"โอเคๆ ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณพึ่งเคยมาทำงานเป็นยามมันจะลำบากนิดหน่อย แต่ถ้าทำตามกฎก็ไม่เป็นไรหรอก"
เขาพูดจบก็ชี้ไปทางป้อมยามที่อยู่ข้างหลังไปไม่ไกลนัก
"ไปนั่งอยู่ที่นั่นก่อน เดี๋ยวส่งเด็กเสร็จจะตามไป"
เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ผมเดินเข้ามาข้างในป้อมนี้ มันไม่ค่อยมีอะไรที่สะดุดตามากนักเลยทำให้ผมรู้สึกเบื่อๆ แต่ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามา
"ขอโทษที่ให้รอซะนานเลย ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมชื่อกันต์"
คุณกันต์เดินผ่านผมไปเพื่อหยิบอะไรบางอย่างบนชั้นวางด้านบน
"เอ่อ...ผมชื่อ.."
"ไม่เป็นไร ผมรู้จักคุณจากคนที่รับคุณเข้ามาแล้ว ชื่อไวท์ใช่ไหม"
ผมพยักหน้าตอบเพียงเท่านั้น ก่อนคุณกันต์จะเอาหนังสือยื่นให้กับผม
"อ่านซะ ตอนนี้พึ่งบ่ายสาม งานจริงๆ ของคุณจะเริ่มตอนหกโมง ระหว่างนี้ก็นั่งทำความเข้าใจกับมันไปก่อน"
ผมรับหนังสือเล่มนั้นมา ก่อนคุณกันต์จะพูดต่อ
"โอ้ ลืมพูดอีกอย่าง กฎที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนั้นคือของจริง แม้ว่ามันจะแปลกแค่ไหนมันก็คือของจริง เข้าใจนะ.."
"อา...ครับ"
ผมตอบกลับเขาไปเพียงเท่านั้น ขณะที่เขาก็ยิ้มตอบผมกลับมาเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปทำงานของเขาต่อ เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว ผมก็เลยมองไปยังหนังสือที่อยู่ในมือ "กฎในการเป็นยามตรวจตึกโรงเรียน" หน้าปกมันเขียนไว้แบบนั้น ก่อนผมจะเปิดอ่านมัน....
"สวัสดีคุณยามหน้าใหม่ ก่อนอื่นขอบอกคุณไว้เลยว่า การจะเป็นยามตรวจตึกในโรงเรียนของเรามันไม่เหมือนกับโรงเรียนทั่วไปหรอกนะ เพราะโรงเรียนของเราเปิดมานานกว่า 100 ปี และยังมีหลายสิ่งที่เก่ามากๆ อยู่ภายใน มันคือสิ่งที่เราปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานน่ะ แต่คุณไม่ต้องกังวล ขอเพียงคุณทำตามกฎที่ระบุไว้ มันจะไม่มีปัญหาใดๆ แน่นอน..."
"กฎในการเป็นยามตรวจตึกโรงเรียน"
1. กฎข้อแรกที่คุณควรจะรู้เอาไว้เลยก็คือ เวลาเริ่มงานของคุณคือ 18:00 เพราะมันเป็นเวลาที่ทุกคนจะออกมาจากโรงเรียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือบุคลากรโรงเรียนฝ่ายไหนก็ตาม พวกเขาจะออกมาจากโรงเรียนก่อนเวลานี้เสมอ แต่หากคุณพบว่ายังมีคนเดินเพ่นพ่านอยู่ในบริเวณเขตของโรงเรียน เราขอให้ไล่พวกเขาออกไปให้ไว การทำแบบนั้นก็เพื่อตัวของพวกเขาเอง
2. ก่อนจะเริ่มงาน ให้คุณสวมชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าที่แขวนอยู่ในป้อมยาม หลังจากนั้นให้หยิบไฟฉาย ธูป ไฟแช็ก และกุญแจหมายเลข330 มาด้วย คุณจะได้ใช้มันหากจำเป็น
เมื่อเริ่มงาน หน้าที่ของคุณเป็นเพียงแค่การเดินตรวจตึกหลักทั้งสามของโรงเรียน ตึกเหล่านี้มีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้นเสมอ และคุณจะเริ่มจากตึกไหนก่อนก็ได้ ขอแค่เพียงตรวจครบทั้งสามตึกก็พอ
3. ระหว่างเดินตรวจ หากพบเสียงผิดปกติหรือมีเงาโผล่ออกมาข้างในห้องเรียน ให้คุณเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกับเปิดไฟ แล้วเดินตรวจทุกซอกทุกมุมของห้อง หากคุณพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ให้ปิดไฟห้องและเดินตรวจต่อ
4. ต่อจากข้อที่ 3 หากเสียงที่คุณได้ยินเป็นเสียงดนตรีไทยแว่วมา ขอให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้หูฝาดหรือสติเพี้ยนไปเอง เพราะนั้นคงเป็นเสียงของเกศา เราเรียกเธอสั้นๆ ว่าเกศ เธอมีศักดิ์เป็นหลานของผู้อำนวยการรุ่นแรกของโรงเรียนนี้ แถมยังเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรกอีกด้วย
เธอมักจะมาเล่นเครื่องดนตรีไทยในห้องเรียนยามวิกาล เราไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่าเธอจะโผล่มาที่ห้องไหนและเมื่อไหร่ แต่คุณไม่ต้องกังวล หากคุณได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วมาเมื่อไหร่ ให้คุณรีบหันไฟฉายลงแล้วปิดมันซะ หลังจากนั้นเดินตรงต่อไปข้างหน้าจนกว่าเสียงจะจางหายไป และในระหว่างที่ยังได้ยินเสียงดนตรีไทย เราขอให้คุณอย่าหันเข้าไปมองในห้องเรียนเด็ดขาด คุณคงไม่อยากรู้หรอก ว่าเธอเล่นเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดด้วยวิธีไหน
5. หากคุณได้ยินเสียงผิวปากในระหว่างที่เดินตรวจชั้นสามของตึกที่สาม ให้คุณหันมองไปยังระเบียงของตึกทันที คุณจะได้เห็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสีแดงนั่งอยู่ตรงปลายระเบียง เขาชื่อนพพล เรียกเขาสั้นๆ ว่านพได้เลย
นพเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรกๆ เราไม่รู้ข้อมูลของเขามากนัก แต่รู้เพียงว่าเพราะอุบัติเหตุในตึกสาม ทำให้เขายังวนเวียนอยู่ที่นี่ หากคุณเจอเขา ฝากบอกด้วยว่าพวกเรายังคิดถึงเสมอ และคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยหากได้เจอกับนพ เขาทำอะไรคุณไม่ได้ เพราะแค่จะออกมาจากนอกระเบียงเขายังทำไม่ได้เลย
6. ระหว่างเดินตรวจ หากคุณได้ยินเสียงเดินอยู่ตรงหน้าของคุณพร้อมกับแสงไฟฉายที่ส่องเข้ามา ให้คุณเดินตรงเข้าไปที่แสงไฟนั่นช้าๆ เมื่อคุณเดินไปจนชนกับแสงไฟดวงนั้นแล้ว คุณจะได้พบกับลุงอเนก คุณต้องตั้งสมาธิให้ดีเพราะนี้คือจุดที่ยากที่สุดในการตรวจครั้งนี้แล้ว
คุณไม่จำเป็นต้องรู้ประวัติของเขาให้มาก รู้ไว้เพียงว่าเขาคือยามคนแรกของโรงเรียนแห่งนี้ หากคุณเจอเขา ให้เก็บอาการแล้วทำตัวเป็นธรรมชาติมากที่สุด แม้คุณลุงจะโผล่มาให้สภาพที่แหลกเละมากแค่ไหน เพราะมีเพียงคนที่ประสงค์ร้ายต่อโรงเรียนเท่านั้นที่จะตื่นกลัวต่อยาม หลังจากนั้นให้คุณแนะนำตัวอย่างสุภาพ คุณลุงจะรู้ได้ทันทีหากคุณสวมชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จให้เดินผ่านคุณลุงไปช้าๆ หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อแปลว่าคุณทำสำเร็จแล้ว แต่หากเจอแสงไฟอีกรอบให้ปฏิบัติตามนี้
- หากแสงไฟส่องมาตรงหน้าอีกรอบ ให้คุณทำเหมือนเดิม คุณอาจจะแนะนำตัวได้ไม่ชัดเจน ทำให้คุณลุงต้องมายืนยันอีกรอบ หากคุณโชคไม่ดีอาจจะได้เห็นคุณลุงทำแบบนี้อีกหลายๆ ครั้งเลยล่ะ
- หากแสงไฟส่องมาจากด้านหลัง แปลว่าคุณลุงไม่เชื่อใจในตัวคุณ และต้องการจะมาตรวจสอบอีกครั้ง หากคุณเจอเหตุการณ์นี้ อย่าพึ่งลนลานจนขาดสติและทำงานของคุณต่อไปอย่างปกติให้ได้มากที่สุด คุณลุงอเนกไม่ใช่คนใจร้าย เขาเพียงแค่มาดูว่าคุณทำงานอย่างถูกต้องรึเปล่าเพียงเท่านั้น
7. เหตุการณ์ในกฎที่ 4,5 และ 6 จะโผล่มาให้เห็นเพียงอย่างละรอบ และจะเกิดในลำดับเวลาที่ไม่แน่นอน คุณไม่อาจเดาได้เลยว่าพวกเขาจะมาตอนไหน แต่คุณจะได้เจอพวกเขาอย่างแน่นอน
8. ในระหว่างการเปลี่ยนตึก แม้จะมีโอกาสน้อยแต่คุณก็ควรจะระวังเอาไว้ หากคุณเห็นว่าจำนวนของตึกเพิ่มขึ้นจากสามเป็นสี่ตึก ให้คุณตั้งใจฟังเสียงหลังจากเดินเข้าไปข้างในนั้นให้ดีๆ ถ้าเสียงรอบๆ ตัวเริ่มเบาลง ให้คุณรีบเดินกลับออกมาจากตึกนั้นทันที และอย่าเข้าไปใกล้มันอีก มันไม่ใช่ตึกเรียน
พวกเราเรียกมันว่าอุโมงค์ ยิ่งคุณเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ คุณจะเดินออกมาได้ยากมากเท่านั้น เราบอกไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าหากออกจากอุโมงค์ไม่ทันและติดอยู่ข้างในนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่มันคงจะแย่กว่าความตายอย่างแน่นอน
9. การเดินตรวจของคุณควรจะจบลงก่อนเวลา 00:00 หรือเที่ยงคืน เพราะหากเลยเวลานั้นแล้ว บางสิ่งที่อยู่ภายในบริเวณนั้นจะก้าวร้าวขึ้น จนคุณไม่สามารถไล่พวกมันด้วยแสงไฟได้อีกต่อไป
เพราะฉะนั้น หากคุณเดินตรวจเสร็จทั้งสามตึกแล้ว ให้คุณรีบไปเปลี่ยนชุดที่ป้อมยามแล้วกลับบ้านได้ แต่ถ้าหากถึงเวลาเที่ยงคืนแล้วคุณยังตรวจไม่เสร็จ หรือออกมาจากตึกเรียนไม่ทัน อย่าออกมาจากตึกเรียนเด็ดขาด เพราะตอนนี้มีเพียงตึกเรียนเท่านั้นที่สามารถช่วยคุณได้
ข้อสังเกตอีกอย่างหากคุณไม่มีนาฬิกาบอกเวลา เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ยินเสียงหมาหอนอย่างพร้อมเพรียงกัน แปลว่าคุณหมดเวลาสำหรับการเดินตรวจโรงเรียน เพราะยามเที่ยงคืนได้มาเยือนคุณแล้ว
10. กฎหลังจากนี้คือสิ่งที่คุณควรจะทำตาม หากคุณทำงานไม่เสร็จก่อนเที่ยงคืน อย่างแรกคือปิดไฟฉายของคุณลงซะ มันไม่จำเป็นแล้วสำหรับตอนนี้ แสงไฟในช่วงเวลาปกติสามารถไล่พวกมันได้ แต่หากเป็นหลังเที่ยงคืน แสงไฟอันบางเบาพวกนี้เป็นเสมือนตัวล่อให้ฝูงนักล่ามารุมทึ่งคุณ
11. คุณจะสามารถเห็นพวกมันได้ชัดเจนในเวลานี้ รูปร่างของพวกมันส่วนใหญ่จะคล้ายมนุษย์ที่มีร่างกายแหลกเละผิดปกติ พยายามทำตัวให้เงียบเข้าไว้ และห้ามส่งเสียงใดๆ ออกมาอย่างเด็ดขาดเมื่ออยู่ใกล้กับพวกมัน ถึงแม้คุณจะเห็นพวกมันได้ชัดเจนหลังเที่ยงคืน แต่ไม่ใช่ว่าพวกมันจะเห็นคุณได้ง่ายๆ ในเวลานี้หรอก เพราะฉะนั้นควบคุมสติของตัวเองซะ หากยังอยากจะรอดออกไปจากที่นี่
12. ในระหว่างที่คุณกำลังหลบหนีจากพวกมัน ให้พยายามตามหาผู้ช่วยเหลือทั้งสามให้เจอ ข้อมูลของผู้ช่วยเหลือถูกเขียนไว้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงคุณที่ต้องพยายามหาพวกเขาให้เจอก่อนจะถึงเวลา 03:00 เพราะหลังจากเวลานี้ พวกนักล่าจะตื่นอย่างสมบูรณ์ หากถึงเวลานั้นแล้ว คุณยังไม่สามารถหาตัวผู้ช่วยเหลือได้พบ มันจบแล้ว เราสัญญาว่าจะเก็บกู้ซากของคุณให้ดีที่สุด
- หากคุณอยู่ที่ตึก 3 ในเวลานี้ ให้เดินไปยังชั้นสามแล้วใช้กุญแจหมายเลข 330 ไขประตูที่มีหมายเลขตรงกับกุญแจดอกนี้ซะ เขาเป็นผู้ช่วยเหลือที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณในเวลานี้ เมื่อไขเสร็จให้เดินออกไปยืนตรงระเบียงสักพัก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีเด็กผู้ชายสวมชุดนักเรียนสีแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาคุณ แต่หากคุณมองมันอย่างถี่ถ้วน คุณจะรู้ได้เลยว่าสีเสื้อของเขามันคือสีของเลือดสดๆ และมันยังไม่แห้งสนิท
อีกสิ่งที่ต้องบอก ใบหน้าของผู้ช่วยเหลือคนนี้นั้นแหลกเละ ราวกับถูกบางสิ่งกระแทกเข้าที่ใบหน้าจนทำให้เป็นแบบนั้น ขอแนะนำว่าอย่าแสดงท่าทีใดๆ ที่บ่งบอกว่าคุณกลัวเขา หรือถ้าทนไม่ไหว จะหันไปมองทางอื่นก็ได้ถ้าคุณไม่อยากมองหน้าเขาตรงๆ เขาจะพูดคุยกับคุณด้วยน้ำเสียงของเด็กผู้ชายปกติ เราแนะนำให้คุณคุยกับเขาตลอดทั้งคืน เพราะเขาค่อนข้างจะเป็นเด็กที่ขี้เหงาเลยล่ะ
- หากคุณไม่ได้อยู่ที่ตึก 3 ให้มองหาแสงไฟตรงทางเดิน ถ้าโชคดี คุณจะได้เจอกับเจ้าของแสงไฟดวงนั้น เดินไปหาเขาพร้อมกับบอกว่าคุณกำลังหลงทาง หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะบอกให้คุณเดินตามเขาไป หลังจากนั้นให้ทำตามที่เขาบอกแล้วเดินตามเขาไปเงียบๆ คุณจะสามารถรอดจากพวกนักล่าได้หากเชื่อฟังเขา
- หากคุณไม่ได้อยู่ที่ตึก 3 และยังหาแสงไฟไม่พบ แม้คุณจะเดินไปทั่วตึกแล้ว จุดธูปซะ ถึงเวลาที่หูของคุณจะต้องทำงานแล้ว ถือธูปที่จุดแล้วเดินไปทั่วตึก พร้อมกับพยายามฟังเสียงดนตรีไทยที่แว่วมา หากคุณได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วมาแล้ว ให้รีบตามหาห้องที่มีเด็กผู้หญิงนั่งเล่นเครื่องดนตรีไทยอยู่ เมื่อคุณเจอห้องนั้นแล้ว ให้รีบเข้าไปในห้องแล้วเข้าไปนั่งอยู่ข้างหน้าเธอซะ เธออาจจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณเข้ามา แต่เธอจะไม่ว่าอะไรหากคุณยังถือธูปนั่นเอาไว้
ในระหว่างที่ยังอยู่ในห้อง คุณจะต้องนั่งฟังเธอเล่นดนตรีไทยไปเรื่อยๆ อาจจะมีบางครั้งที่เธอชวนคุย คุณจะตอบเธอหรือไม่ก็ได้ แต่คอยมองธูปของคุณไว้ด้วย หากมันใกล้จะหมดให้จุดธูปอันใหม่ทันที เธอจะไม่มองคุณเป็นผู้บุกรุกหากยังทำแบบนั้น
แต่หากคุณอยู่ในห้องนี้กับเธอเวลาที่ไม่มีธูปให้จุดแล้ว ทางเราก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าเธอจะทำอะไรกับคุณบ้าง มียามหลายคนหายตัวไปและเหลือเพียงชุดยูนิฟอร์มไว้ดูต่างหน้า หลังจากที่ได้เข้าไปในห้องของเธอ เพราะฉะนั้นขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้าย ยามที่คุณจวนตัวจริงๆ ก็แล้วกัน
และใช่ อย่างที่คุณคิด ผู้ช่วยเหลือทั้งสาม ก็คือคนที่คุณจะได้เจอในกฎข้อที่ 4,5 และ 6 ถ้าคุณทำตามสิ่งที่เราเขียนไว้ในตอนต้น พวกเขาจะไม่มองว่าคุณเป็นตัวปัญหา และจะช่วยเหลือคุณในยามจำเป็นอย่างแน่นอน
13. อยู่กับผู้ช่วยเหลือจนกว่าจะถึง 04:00 และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าออกห่างจากตัวผู้ช่วยเหลือเด็ดขาด ถึงแม้ว่าพวกเขาดูจะเป็นตัวอันตรายสำหรับคุณ แต่พวกเขาก็คือหนึ่งในคนที่รักโรงเรียนนี้ และจะไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าหากมีตัวอะไรก็ตามมาทำให้โรงเรียนที่พวกเขารักเสื่อมเสีย
เอาล่ะ ถ้าคุณอ่านและทำความเข้าใจกฎทั้งหมดครบ คุณก็สามารถทำงานเป็นยามตรวจตึกได้แล้ว อย่าลืมคืนของทั้งหมดเมื่อจบเรื่อง และเมื่อทุกอย่างจบลง คุณจะได้เงินค่าจ้างที่มากพอจะใช้ทั้งปีเลยล่ะ ขอให้คุณโชคดี....
ผมนวดตาของตัวเองหลังจากอ่านกฎอันแสนน่าเหนื่อยหน่ายเหล่านี้จบ บิดขี้เกียจพร้อมถอนหายใจชุดใหญ่ออกมา คนที่อ่านแล้วเชื่อกฎเหล่านี้คงมีแต่พวกเด็กๆ เท่านั้นแหละ หรือจริงๆ แล้วมันเป็นแค่กฎที่เอาไว้หลอกเด็กไม่ให้กลับบ้านดึกกันนะ ผมยืนขึ้นก่อนจะมองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนห้อง และได้เห็นว่าเข็มสั้นกับเข็มยาวชี้ตรงกันไปที่เลข 6
วินาทีนั้นผมก็รู้สึกได้ถึงเสียงรอบๆ ตัวที่เงียบไป พร้อมกับแสงไฟบนอาคารที่ดับลง
และเมื่อผมเหลือบไปมองบนโต๊ะ ผมก็ได้เห็น ไฟฉาย ธูป ไฟแช็ก..
และกุญแจหมายเลข 330...