"ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้นะ"
ผมจ้องมองไฟฉายสีขาว ที่กำลังส่องมายังใบหน้า พร้อมกับความหวังว่าตัวเองจะตื่นขึ้นจากความฝันนี่ได้
เมื่อคืนวันศุกร์ มีข้อความจากลุงกิตติส่งเข้ามาหาผม เขาบอกว่าอยากจะเจอผมเพื่อคุยอะไรบางอย่าง และมันมาจบลงที่ผมจะต้องมาทำงานแทนเขาในวันเสาร์ แต่ผมก็สงสัยนะว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้นรึเปล่า (อย่างเช่นมีใครบางคนต้องการให้ผมทำงานต่อ เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง)
18:00
ผมส่องไฟฉายไปยังตึกแรก มันมีเลข 3 เขียนอยู่บนนั้น ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจที่ตึกมันเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งล่าสุด แปลว่าการเรียงกันของตึกต่างๆ ในแต่ละคืน มันจะต่างกันงั้นสินะ
เหตุการณ์ทุกอย่าง ยังดำเนินไปอย่างปกติในชั้นแรก แต่ที่ไม่ปกติก็คงจะเป็น...แสงไฟที่ส่องมาข้างหลังผมในตอนนี้
มันแปลกมากๆ ที่คุณลุงอเนกส่องไฟมาหาผม ทั้งที่พวกเรายังไม่ได้เจอหน้ากันเลยในคืนนี้ ทำให้ผมคิดว่า กฎที่เขียนอยู่ในหนังสือ มันเอาไว้สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาทำงานใหม่เท่านั้น แต่มันก็ดีอย่าง เพราะแสงไฟของคุณลุง สามารถช่วยให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยละนะ
18:34
แสงจากไฟฉายของคุณลุงหายไป หลังจากที่ผมขึ้นมายังชั้นที่สาม แต่มันกลับแทนที่ด้วยเสียงดนตรีไทย
ปกติผมจะต้องได้ยินเสียงผิวปากของนพไม่ใช่รึไง...ไหงมันกลายเป็นเสียงดนตรีไทยของเกศแทน หรือจริงๆ ผมมองเลขตึกผิดไปกันนะ
ผมปิดไฟฉายของตัวเองลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเสียงดนตรีท่ามกลางความมืด จริงๆ ผมก็ยังกลัวเธออยู่นิดๆ จากเหตุการณ์ครั้งล่าสุด ภาพกะโหลกศีรษะสีขาวโพลนของเธอ มันยังติดตาของผมอยู่เลย....
00:00
ใช่...อย่างที่คุณคิดนั่นแหละ ผมเดินอยู่บนชั้นสามมาเกือบ 6 ชั่วโมงแล้ว ขอถอนคำพูดที่ว่าผมยังกลัวเธออยู่ เพราะตอนนี้ผมเริ่มอารมณ์เสียแล้ว
ถ้าให้เดา เธอคงอยากให้ผมไปหาเธออีกครั้ง เลยทำแบบนี้งั้นสินะ...พูดไม่ทันขาดคำ ก็ได้มีเงาของใครบางคนเดินออกมาจากห้องเรียน เด็กสาวในชุดนักเรียน เดินออกมารับผมที่หน้าประตู พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"เที่ยงคืนแล้วนะคุณยาม ถ้าไม่รีบเข้ามา จะโดนพวกมันจับตัวเอาได้นะคะ"
แน่นอน...ผมเดินผ่านเธอไป แล้วไขเปิดประตูหมายเลข 330 ก่อนจะออกไปนอกระเบียง
ผมเห็นเธอแสดงท่าทีผิดหวัง ก่อนจะกลับเข้าห้องไป มันก็แน่นอนอยู่แล้ว มีใครบ้างล่ะที่จะเข้าห้องไปกับเธอ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เธอทำตอนนี้...
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองไปรอบๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเดินออกมานอกระเบียงตึก บรรยากาศของที่นี่เย็นสบาย ผิดกับข้างในเอามากๆ แต่ความมืดภายนอกก็ทำให้วังเวงแปลกๆ เหมือนกัน
"เหมือนสองคนนั้นจะถูกใจคุณนะครับ.."
เสียงพูดอันอ่อนนุ่มดังขึ้นมาเบาๆ ผมค่อนข้างมั่นใจว่านั่นเสียงของนพนะ
เมื่อผมมองไป ก็ได้เห็นเขานั่งอยู่ที่ขอบระเบียง พร้อมกับหันหลังให้กับผม ท่าทีของเขาดูนิ่งมากๆ เมื่อเทียบกับเกศ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ต้องระวังเอาไว้
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก มานั่งตรงนี้สิ.."
เสียงเชิญชวนของนพทำให้ผมผ่อนคลายลง เหมือนกับเมื่อตอนนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นความสามารถของเขาก็ได้
ผมเดินไปนั่งข้างๆ พร้อมกับมองไปที่เขาตรงๆ ตอนนี้ผมเห็นสีเสื้อของเขาได้ชัดเจน มันเป็นสีแดงสดที่ราวกับว่า เขาเอาเลือดมาทาไว้บนเสื้อของตัวเองเลย
"คุณกลัวผมงั้นเหรอครับ แต่ก็ไม่แปลกหรอก..ก็รูปร่างของผมมันเป็นแบบนี้นี่นะ"
เขาพูดตัดพ้อขึ้นมาในระหว่างที่ผมกำลังมองเขาอยู่ เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็เริ่มสงสารเขาแล้วแหะ..
"เอ่อ...ไม่ใช่แบบนั้นหรอก.."
ให้ตายสิ ผมนึกคำพูดที่จะปลอบเขาไม่ออกเลย
"งั้นเหรอครับ แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ.."
ผมสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ เขาก็หันหน้ามาหาผม ใบหน้าของเขามันก็น่ากลัวจริงๆ ผิวหนังส่วนหนึ่งของใบหน้าด้านซ้ายของเขา มันขาดหลุดราวกับถูกบางสิ่งกระแทกจนแหลกเละ ทำให้มีเลือดสดๆ ไหลออกมาตลอดเวลา แต่ว่านะ...
"ถ้าเทียบกับลุงอเนก ฉันก็รู้สึกดีกับนายขึ้นมาเลย"
ทันทีที่ผมพูดประโยคนี้จบ นัยน์ตาของนพก็เหมือนจะลุกวาวขึ้นมา เขาดูแปลกใจกับสิ่งที่ผมพูดออกมามากๆ เลยนะนั่น
"คุณ...พูดจริงเหรอครับ"
เสียงของนพดูคาดหวังกับคำตอบของผมมากๆ แถมเขายังขยับใบหน้าของเขามาใกล้ผมอีก
"อ...อา ถ้าให้เทียบกันกับลุง ฉันคิดว่านายดูปกติไปเลย"
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เอาจริงๆ เขาก็ดูเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยนะ
02:00
เป็นตามที่กฎเขียนเอาไว้ นพเป็นเด็กที่ขี้เหงาจริงๆ ในสองชั่วโมงนี้เขาคุยกับผมไปหลายประโยค คอยถามเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวผม แถมยังทำตัวเป็นมิตรกับผมสุดๆ เขาชวนผมดูแม้กระทั่งลุงอเนก ที่กำลังจัดการกับเหล่านักล่าตรงถนนด้านล่าง
"ผมมักจะเห็นแบบนี้ทุกคืนเลยล่ะครับ คุณลุงอเนกมักจะจัดการพวกมันด้วยมือเปล่าเสมอ"
ผมก็จ้องมองไปที่คุณลุงเช่นกัน ผมนึกภาพออกเลยถ้าหากผมไปขอให้เขาช่วย นั่นคงจะเหมือนกับได้ดูหนังแอคชั่นในระยะเผาขนแน่ๆ
"ว่าแต่ ระเบียงชั้นนี้ไม่เห็นจะมีพวกนักล่าเข้ามาเลยนะ"
นพมองผมพร้อมกับยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะเอาอะไรบางอย่างมาใส่ในมือของผม
"ที่ไม่มีอะไรเข้ามา เพราะเลือดของผมครับ.."
เมื่อผมมองไป ก็เห็นว่านพได้เอาเลือดของเขามาใส่ไว้ในมือของผม
"งั้นก็แปลว่าถ้าอยู่ใกล้ๆ นายเอาไว้ก็จะไม่เป็นไรงั้นสิ"
"ไม่ทั้งหมดหรอกครับ เพราะถ้าถึงเวลาตีสามคุณก็จะโดนพวกมันจัดการอยู่ดี ร่างของคุณจะโดนฉีกทิ้ง เหมือนกับขนมปังเลยล่ะ"
เหมือนจะให้ความหวังกัน ใบหน้าแสนเป็นมิตรกับสิ่งที่เขาพูดออกมา มันช่างตรงข้ามกันซะจริง
"ถ้างั้นต้องทำยังไงถึงจะรอด ต้องดื่มเลือดของนายเหรอ ฮะๆๆ..."
ผมพูดเล่นกับเขาเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง แต่หน้าของเขากลับบอกว่า สิ่งที่ผมพูดนั้น...
"มันจะมีผลข้างเคียงนิดหน่อย แต่ขอให้ทำมันก่อนจะถึงเวลาตีสามนะครับ"
ให้ตายสิ...ผมดื่มเลือดที่อยู่บนมือก่อนจะกลืนมัน
"อั่ก..!!!"
ทันทีที่เลือดมันไหลผ่านคอของผมลงไป คอของผมก็ร้อนผ่าวราวกับโดนไฟเผา ผมจับที่คอของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของนพ เขาเผยรอยยิ้มแสนน่ากลัวก่อนจะพูด
"ให้ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณนะครับ..."
ผมสลบไปทันที หลังจากที่ได้ยินคำคำนั้น
04:00
ผมฟื้นขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวบนระเบียงชั้นสาม เป็นอีกครั้งที่ลุงกิตติส่องไฟมาหาผม เขาขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ เพราะทำให้ผมต้องมาลำบากแทนเขา แต่เพราะเงินก้อนจำนวนหนึ่ง ทำให้ผมหายโกรธเขาในทันที
ก่อนจะกลับบ้าน ผมเล่าเรื่องที่ผมได้เจอกับนพแล้วดื่มเลือดของเขาไป
คุณลุงทำหน้าแปลกใจ พร้อมกับบอกผมว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่นพจะทำ หากไปขอความช่วยเหลือจากเขา...
ผมสลัดความคิดหลายๆ อย่างในหัวออก ก่อนจะล้างหน้าตัวเองด้วยน้ำในอ่าง ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สะท้อนผ่านกระจก ทำให้ผมเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง ว่าทำไมนพถึงให้ผมทำแบบนั้น
ร่างเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสีแดงที่กำลังยิ้ม สะท้อนให้ผมเห็นผ่านกระจก ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดออกมาเบาๆ
"ทีนี้ผมก็จะได้ไม่เหงาอีกแล้ว ขอฝากตัวด้วยนะครับ...คุณยาม"