ค่ำคืนหมู่ดาวเปล่งประกายสาดแสงวับวาวบนท้องนภา จ้าวเฟิงฉีนอนหงายอยู่บนต้นไม้ ทอดกายทัศนาท้องฟ้า ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ ทว่าแววตากลับหงุดหงิดเหลือคณา หลังจากนั่งทำสมาธิขจัดความฟุ้งซ่านแต่เหมือนลมปราณจะแตกซ่านมากกว่า เขาจึงออกจากถ้ำในหุบเขาผนึกมารมาด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่านไร้สาเหตุ ยามนี้คงกำลังคุยกันหวานชื่นกับบัณฑิตหน้าขาวอยู่สินะ! จ้าวเฟิงฉีคิดในใจอย่างขุ่นเคือง ฮึ! มีความสุขดีหรือไม่เล่า เขายังไม่หยุด และยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าจะคิดทำไม ไฉนถึงเอาแต่คิดถึงสตรีโง่งมผู้หนึ่งตลอดเวลาเช่นนี้! ผู้หญิงที่แค่ทำอาหารได้เก่งกาจ เข้าใจศาสตร์ทุกแขนง แต่ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่แพ้นางมิใช่หรือ? ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นนับข้อหนึ่งแล้วต่อด้วยข้อสอง นางก็แค่เรียบร้อยอ่อนหวาน มีรอยยิ้มงดงาม ดวงตาฉ่ำโต แต่แม่นางทั้งหลายที่หมายปองเขาก็ล้วนเป็นเช่นนี้มิใช่หรือไร? จ้าวเฟิงฉียังไม่เข้าใจ จึงนับนิ้วต