แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง ภายใต้ม่านโปร่งบางสีขาวมีโฉมสะคราญผู้หนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ผีเสื้อน้อยบินเล่นเข้ามาในห้องนอนที่กว้างขวาง แล้วท้ายที่สุดก็บินไปเกาะอยู่ที่หน้าผากของคนที่หลับใหลแล้วผลุบหายเข้าไปราวกับมีเวทมนตร์
“มะ ไม่! ไม่จริง” ร่างบอบบางตะโกนเสียงดัง ตามไรผมของนางนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จึงผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว สตรีผู้นี้หอบหายใจถี่รัวคล้ายกับตื่นตกใจจากฝันร้ายอันยาวนาน
“พระชายาตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” นางกำนัลกำลังยกอ่างล้างหน้าเข้ามาปรนนิบัติตามปกติ
ถางเมิ่งหรูยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วก็หลับตาลง เหตุใดนางถึงได้ฝันร้ายเช่นนั้นได้กันนะ ฝันว่าตนเองให้กำเนิดบุตรีทว่ากลับพาบุตรีไปตายบนเขาเพราะถูกน้ำป่าไหลหลากมาไม่ทันได้เตรียมใจ น้ำใสไหลรินออกมาทางหางตาไม่ขาดสาย
ซ่งเอ๋อเดินเข้ามาดูพระชายาใกล้ ๆ ด้วยความเป็นกังวลใจ
“พระชายาเป็นอะไรไปหรือเพคะ” นางกำนัลเอ่ยขึ้น
ถางเมิ่งหรูถึงได้มีสติกลับคืนมา รีบหันไปมองนางกำนัลข้างกายที่ปรนนิบัติรับใช้มาหลายปี “ซ่งเอ๋อ...เจ้ายังไม่ตาย”
“คะ ใครตายหรือเพคะ...” ซ่งเอ๋อหันรีหันขวางด้วยความตื่นตระหนกทันทีที่ถูกพระชายาถามเช่นนั้น
ถางเมิ่งหรูกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตา จากนั้นก็รีบใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาออก จากนั้นก็หันมองไปรอบตัวนางก็ยังคงอาศัยอยู่จวนจวิ้นอ๋องในตำหนักเล็กท้ายจวนที่เงียบสงบ ไม่มีใครมารบกวนเหมือนอย่างเคย
“ข้าฝันร้าย ฝันว่าพวกเราจมน้ำ ไม่มีใครรอดเลยสักคนเดียว” ถางเมิ่งหรูไม่กล้าเล่าลงรายละเอียด ซ่งเอ๋อเลยเดินเข้ามาใกล้ ๆ ใช้มือแตะที่หน้าผากของพระชายาเหมือนอย่างที่เคยทำ
“ไม่มีไข้ พระชายาอาจจะคิดมากเรื่องท่านอ๋องก็ได้เพคะ” ซ่งเอ๋อยังคงทำตัวตามปกติ
ถางเมิ่งหรูนั่งคิดทบทวนอยู่สักพักถึงลุกมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วมานั่งให้ซ่งเอ๋อหวีผมให้ โฉมสะคราญนั่งมองเข้าไปในคันฉ่องดูเหมือนว่าใบหน้าของนางจะดูอ่อนเยาว์ลงไม่เหมือนในความฝัน
“หรือว่าข้าย้อนเวลากลับมากัน...” เพราะในความฝันเหมือนจริงมาก มือเรียวสวยเผลอลูบที่หน้าท้องโดยไม่รู้ตัว
ซ่งเอ๋อสังเกตเห็นอาการของพระชายาดูไม่เป็นปกติจึงทักขึ้นว่า “พระชายาหิวแล้วหรือเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันยกสำรับจัดเตรียมให้เลย” และนั่นถึงทำให้ถางเมิ่งหรูรู้ตัว นางรีบก้มมองที่หน้าท้องแบนราบก็รู้สึกโล่งอก เพราะถ้าหากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาท่านอ๋องก็จะทรงกริ้วไม่ยอมให้เก็บเด็กเอาไว้อย่างแน่นอน
โฉมสะคราญพยักหน้าลง นางกำนัลจึงรีบไปตั้งสำรับพระกระยาหารเช้าให้ทันที และไม่นานโจ๊กกับผัดสองสามอย่างก็มาอยู่บนโต๊ะ วันนี้ยังคงเหมือนกับทุกวัน ถางเมิ่งหรูใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักหลังเล็กอย่างโดดเดี่ยว นางย้ายเข้ามาอยู่จวนจวิ้นอ๋องปีนี้ก็น่าจะเป็นปีที่สามแล้ว
ระหว่างที่เสวยอาหารเช้า คนของท่านอ๋องก็เดินเข้ามาที่ห้องโถงกลางแจ้งว่า “ท่านอ๋องให้พระชายาเสด็จไปพบที่ห้องทรงพระอักษรพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทว่ามือเรียวสวยกลับชะงักค้างไปในทันที เพราะเหตุการณ์นี้ดูคุ้นเคยมาก คล้ายกับว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ข้าเข้าใจแล้ว” แต่ถางเมิ่งหรูไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน ถ้าหากนางย้อนเวลาหรือว่ามาเกิดใหม่จริง ชาตินี้จะต้องไม่เหมือนกับชาติที่แล้วโฉมสะคราญครุ่นคิดไม่ตก แต่ก็ยอมลุกขึ้นทั้งที่เพิ่งเสวยอาหารเช้าไปได้ไม่กี่คำ
ซ่งเอ๋อมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะทุกครั้งที่ท่านอ๋องเรียกพบพระชายาก็มักจะบันดาลโทสะทุกครั้ง
“เจ้าไม่ต้องตามไปหรอก ไปต้มน้ำแกงให้ข้าเตรียมไว้เถิด” ถางเมิ่งหรูหันไปพูดกับนางกำนัลข้างกาย แม้ไม่รู้ว่าครั้งนี้ท่านอ๋องจะเรียกไปตำหนิเรื่องใด แต่นางก็สัญญากับตนเองไว้แล้ว ถ้าหากไม่ใช่เรื่องจริงก็จะไม่ปิดปากเงียบเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายปี
ขันทีเดินนำหน้าไปยังตำหนักใหญ่ โฉมสะคราญในชุดผ้าไหมสีขาวดูบริสุทธิ์และสูงส่งเดินตามหลังไป นางเหลือบมองไปรอบบริเวณ ทุกอย่างก็ยังเหมือนกับชาติก่อน แต่ทว่ารูปแบบการจัดสวนไม่เหมือนเดิม คิ้วเรียวสวยมุ่นเข้าหากันเดินไปตามทางเดินจนกระทั่งถึงหน้าห้องทรงพระอักษร
“พระชายามาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรายงานจวิ้นอ๋อง
ประตูห้องถึงได้ถูกเปิดออก นัยน์ตาหงส์มองเข้าไปด้านในด้วยความลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้าไป ขันทียืนเฝ้าอยู่หน้าห้องไม่ได้เข้าไปด้วยปล่อยให้พระชายาเสด็จเข้าไปตามลำพัง
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ” ถางเมิ่งหรูยอบกายลงไม่ช้าไม่เร็วแต่แสดงออกอย่างสุภาพ นางก้มหน้าเล็กน้อยไม่มองไปที่จวิ้นอ๋องด้วยซ้ำ
ร่างสูงที่กำลังอ่านตำราอยู่ไม่ได้ละสายตามามองร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล แต่ขยับปากพูดขึ้นว่า “วันนี้ในวังจะมีงานเลี้ยง เจ้าก็อย่าลืมเตรียมตัวด้วย”
ถางเมิ่งหรูมีความรู้สึกว่าท่านอ๋องนั้นไม่ได้ต้องการพูดแต่เพียงเท่านี้ นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ความจริงเรื่องนี้ท่านอ๋องให้ขันทีมาแจ้งหม่อมฉันก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะได้ไม่ต้องลำบากเดินมาที่นี่” คำพูดที่ดูเหมือนกับว่าไม่เต็มใจนัก เผยออกมาให้เห็น สายตาคมจึงตวัดมองสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าไม่อยากขึ้นมาตำหนักใหญ่มากถึงเพียงนั้นเลย” หานเถิงซีพูดประชดประชัน เขาก็แค่ไม่ได้เห็นหน้านางนานหลายเดือนแล้วก็เท่านั้น
“ถ้าท่านอ๋องไม่มีอะไรจะตรัสเพิ่มแล้ว หม่อมฉันขอตัวนะเพคะ” ถางเมิ่งหรูหมุนเท้าหันหลังกลับกำลังจะก้าวเดินไปที่ประตูห้อง แต่จวิ้นอ๋องขัดขวางด้วยการกระแทกตำราลงบนโต๊ะทรงพระอักษรจนเกิดเสียงดัง
“เจ้าบังอาจนักนะ ความผิดของตระกูลถางมีท่วมหัว เจ้าคิดว่าข้าเป็นสหายหรืออย่างไรกัน” พอไม่ได้ดั่งใจหานเถิงซีก็มีอารมณ์เกรี้ยวกราด บุรุษผู้นี้มักหาเรื่องนางอยู่เสมอ เรื่องนี้ถางเมิ่งหรูไม่แปลกใจสักเท่าไรนัก
“ท่านอ๋องไม่เบื่อบ้างหรือเพคะ ทรงพูดแต่เรื่องความผิดของตระกูลถางของหม่อมฉัน” สตรีโฉมสะคราญหันเสี้ยวหน้าไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
หานเถิงซีได้เห็นสีหน้าเอือมระอาของถางเมิ่งหรูเป็นครั้งแรกก็มุ่นคิ้วขึ้น เขารีบลุกออกมาจากโต๊ะทรงพระอักษรเดินตรงเข้ามากระชากหัวไหล่ของพระชายาเพื่อให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“ทรงทำอะไรเพคะ” ถางเมิ่งหรูรีบก้าวถอยหลังหนีแต่ก็ไม่พ้น ร้อยวันพันปีจวิ้นอ๋องไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกันมาก่อน ต่อให้พวกเขาจะปะทะคารมกันมากเพียงใดก็ตาม
ฝ่ามือหนากุมไหล่ทั้งสองข้างของโฉมสะคราญแน่น เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขายืนใกล้นางมากเช่นนี้ “ถางเมิ่งหรู!”
พอถูกตะคอกใส่เช่นนั้นถางเมิ่งหรูก็ไม่ยืนนิ่งให้ด่าอีกแล้ว
“งานเลี้ยงคืนนี้หม่อมฉันไม่ไปด้วยแล้วเพคะ ท่านอ๋องอยากพาคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีไปแทน ก็แล้วแต่พระองค์เลย” พอพูดจบถางเมิ่งหรูก็สะบัดตัวเพื่อเดินหนี แต่ทว่าจวิ้นอ๋องไม่ยินยอม คล้ายกับว่าถูกตบหน้าต่อหน้าบ่าวรับใช้ทั้งหมด ร่างสูงจึงคว้าข้อมือร่างบางที่กำลังจะหนีออกจากห้องทรงพระอักษรไว้แน่น นางกำนัลที่มีหน้าที่เปิดประตูต่างตกใจจนหน้าถอดสี
“ปล่อยนะเพคะ” ถางเมิ่งหรูถูกดันตัวไปชิดติดที่ผนังห้องฝั่งหนึ่งใกล้กันกับประตูทางออกอย่างรวดเร็ว พวกนางกำนัลรีบก้มหน้าลงทันที