“เฮ้อ...ถึงสักทีสินะ...”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นทันทีที่เดินลงจากเครื่องบินมายังบ้านเกิดเมืองนอนที่เธอจากไปเกือบๆสิบปี ซัน หรือศาสตราจารย์แพทย์หญิงตะวัน อัศวเหมันต์ บุตรสาวคนโตของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้เธอได้เรียนจบปริญญาเอกสาขาศัลยแพทย์ศาสตร์หัวใจจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่กลับมาเพราะอีกไม่นาน คุณประจักษ์ ผู้เป็นบิดาจะวางมือจากโรงพยาบาล และอยากให้เธอซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตเข้ารับช่วงแทน เมื่อ ตามฝัน น้องสาวคนเล็กยังเป็นแค่แพทย์ฝึกหัดอยู่เลย
“ซันลูก! ทางนี้ๆ”
เสียงของคุณประจักษ์และคุณรันนาผู้เป็นมารดาที่มารอรับบุตรสาวดังขึ้นพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างแสนดีใจและตื่นเต้น เมื่อนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันอย่างนี้
“คุณพ่อ! คุณแม่!”
ตะวันที่เห็นรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับโอบกอดบุพการีทั้งสองอย่างแสนรักและคิดถึง
“เหนื่อยไหมลูก”
คุณรันนา ผู้เป็นมารดาถามขึ้นพร้อมกับยกมืออันเริ่มเหี่ยวย่นลูบหน้าเรียวของบุตรสาว ปัดปอยผมที่บดบังความงามของตะวันออกแล้วจ้องมองด้วยความดีใจ
“อะไรกันคะ ร้องไห้ไม่ได้นะคะคุณแม่ ตะวันไม่กลับไปที่โน่นอีกแล้วค่ะ”
ตะวันมองหน้ามารดาที่สองตาเริ่มแดงก่ำ
“โธ่ แม่ก็แค่ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้...สิบปีก่อนแม่ยังมายืนร้องไห้ส่งเราอยู่เลย...”
คุณรันนาบอกออกมาพร้อมกับยกมือปาดน้ำตาทิ้ง
“อะไรกันสองแม่ลูก กลับกันเถอะ ยังมีอีกคนที่เราต้องเซอร์ไพรส์นะ”
ทำเอาคุณประจักษ์รีบชวนสองแม่ลูกกลับบ้าน เมื่อยังมีอีกคนที่ไม่รู้เรื่องที่พี่สาวสุดที่รักกลับมาแล้ว แต่พอกลับบ้าน ตามฝัน น้องสาวคนเล็กของบ้านกลับเรียนหนักจนต้องนอนที่โรงพยาบาลเพราะเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายแล้ว
“คุณพ่อจะให้ซันอยู่ในตำแหน่งนี้จริงๆเหรอคะ? อันที่จริงให้ซันพิสูจน์ฝีมือก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ ซันไม่อยากให้คนอื่นว่าเอาได้”
วันต่อมา ตะวันที่มาโรงพยาบาลพร้อมบิดาถามขึ้นเมื่อคุณประจักษ์บอกว่าจะยกตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมให้ ซึ่งเธอคิดว่ามันก้าวกระโดดไป แต่ผู้เป็นบิดากลับไม่คิดอย่างนั้นเมื่อมั่นใจและเชื่อมั่นในความสามารถของบุตรสาวอย่างเต็มเปี่ยมและยังไงในไม่ช้าตะวันก็ต้องขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของตนเองอยู่แล้ว
และพอเข้ารับตำแหน่ง ตะวันก็แทบหาเวลาว่างไม่ได้ เธอเข้าห้องผ่าตัดเป็นว่าเล่น ทั้งยังต้องสอนพวกนักศึกษาแพทย์อีก แต่เธอก็มีความสุขกับงานเมื่อมันทั้งตื่นเต้นและท้าทาย และอีกอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เลือกกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้คือ เพชรภีม เขาเป็นคุณหมอหนุ่ม ไฟแรง หน้าตาหล่อเหลาแถมหน้าที่การงานดีอีกทั้งยังมีชื่อเสียง ทำให้ตะวันรู้สึกว่าถ้าจะวางชีวิตไว้ในมือผู้ชายสักคน อาจเป็นคนดีๆแบบเขา เมื่อตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขา เพชรภีมไม่เคยล่วงเกินหรือจาบจ้วงเธอเลยสักครั้ง จนกระทั่งอยู่ดีๆ ตามฝัน น้องสาวของเธอก็เกิดตั้งท้องขึ้นมา ตะวันทั้งแปลกใจและตกใจ เมื่อตามฝันไม่ยอมบอกว่าใครกันที่เป็นพ่อของเด็ก จนตะวันสังเกตเห็นความผิดปกติและกระวนกระวายใจของเพชรภีมที่มีต่อน้องสาวของเธอนั่นแหละ ความผิดหวังก็ถาโถมใส่ แต่แค่ไม่นานเธอก็ทำใจได้เมื่อเธอไม่เคยนอนกับเขาและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับเพชรภีมก็เหมือนกับเพื่อนกันมากกว่าคนรัก เมื่อเขาไม่เคยขอคบ บอกรัก หรือล่วงเกินไปในทางชู้สาวเลยสักครั้ง ซึ่งเธอก็เคยสงสัยแต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขาเองก็แค่รู้สึกดีกับเธอแต่ไม่เคยรู้สึกรัก หรือต้องการครอบครองเธอเลย
หลายเดือนต่อมา
“เฮ้อ...ใส่ดีไหม?...ถ้าเขาเห็นมันล่ะ...ไม่เอาดีกว่า”
ตะวันที่ยืนอยู่หน้ากระจกด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์เมื่อสุดท้ายตามฝันก็ตกลงแต่งงานกับเพชรภีม หลังจากตามง้อกันอยู่หลายเดือน (ติดตามอ่านได้ใน หมอร้าย สายสวาท) จนตอนนี้เด็กๆในท้องกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่วันแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของทั้งสอง เธอถูกเชิญมาให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวก็คือคนที่เธอไม่อยากเจอเป็นที่สุด
ตะวันค่อยๆวางสร้อยคอที่เคยได้รับจากเพชรภีระ น้องชายฝาแฝดของเพชรภีมเมื่อหลายเดือนก่อนลงที่หน้ากระจก เมื่อปกติเธอจะใส่มันติดตัวตลอดเวลาแต่วันนี้คงไม่ได้เมื่อเจ้าของของมันก็มาร่วมงานแต่งงานนี้ด้วย
“ซันลูก ออกไปได้แล้ว งานจะเริ่มแล้วลูก”
“ค่ะคุณแม่”
ตะวันรีบมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของเธอไป แต่พอเดินลงมา มารดาของเธอกลับใช้ให้ขึ้นไปเอาชุดเครื่องเพชรมาให้
“อ่าวหมอภีม ทำไมมาเดินอยู่แถวนี้ล่ะ ไปเตรียมตัวได้แล้วงานกำลังจะเริ่ม...ว่าแต่ นี่ชุดเจ้าบ่าวเหรอ?...ไม่ดูธรรมดาไปหน่อยเหรอ....”
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านห้องนอนของตามฝัน ร่างสูงของเพชรภีระที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเพชรภีมเดินออกมาเพราะเมื่อคืนเขานอนที่นี่ ส่วนตามฝันไปนอนอีกห้องกับเพชรภีมห้องนี้เลยเป็นห้องนอนเขา
“ก็ดูดีนี่”
เขามองชุดที่ตัวเองใส่อยู่ เมื่อใส่ชุดอะไรเขาก็ดูดีไปหมดอยู่แล้ว
“แต่มันดูธรรมดาไป...”
ตะวันที่ยังคิดว่ามันดูเรียบๆขมวดคิ้วมอง โดยไม่รู้เลยว่าเธอทักคนผิด เมื่อคนตรงหน้าเป็นแค่เพื่อนเจ้าบ่าว ถ้าแต่งตัวเด่นกว่านี้เห็นทีคงได้เป็นเจ้าบ่าวอีกคนแน่
“ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกว่าผมดูธรรมดาไป...หึหึ แบบนี้เรียกธรรมดา แล้วแบบไหนล่ะถึงจะดูดีสำหรับคุณ”
ไม่พูดเปล่า แต่เขายังก้าวเข้ามาประชิดร่างบางจนตะวันตกใจกับท่าทีจาบจ้วงนั่นรีบถอยหนี
“จะทำอะไร! นี่งานแต่งงานของคุณกับน้องสาว...ฝัน! เอ่อ มันไม่ใช่อย่างที่ฝันคิด...อ่าว หมอภีม แล้วนี่...เฮ้ย!”
เสียงร้อนรนของตะวันรีบบอกขึ้นพร้อมกับเอามือผลักเขาเอาไว้ พลันสายตาดันมองไปเห็นตามฝันในชุดเจ้าสาวท้องโตเต็มที่เดินออกมาจากอีกห้อง ด้วยความตกใจกลัวว่าน้องสาวจะเข้าใจผิดเธอรีบละล่ำละลักบอก แต่สิ่งที่ทำให้ตะวันตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ เพชรภีมตัวจริงเดินตามน้องสาวของเธอออกมาติดๆนี่สิ และมันก็ทำให้เธอรู้ว่าคนตรงหน้าคือฝาแฝดของเพชรภีม
“พี่ซัน เกิดเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
ตามฝันถามออกมาเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของพี่สาว
“ไม่...ไม่ๆๆๆ เอ่อ พอดีพี่...”
ตะวันแทบคิดคำพูดไม่ออก
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่ทักทายกัน ตามประสาญาติ...”
เพชรภีระบอกขึ้นก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาตะวันที่ดันใส่สร้อยที่เขาให้ติดตัวถึงกับหน้าแดง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอย่างเขินอาย
“เอ่อ งานจะเริ่มแล้ว งั้นพี่ไปเอาเครื่องเพชรมาให้คุณแม่ก่อนนะ เราสองคนก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
ตะวันบอกอกมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของมารดา ส่วนเพชรภีมและตามฝันได้แต่มองหน้ากันอย่างงงๆ
จากนั้น งานแต่งงานก็เริ่มขึ้น ทั้งงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี จนกระทั่งเกือบจบงานแต่เจ้าสาวดันน้ำคร่ำแตกจนในงานเกิดโกลาหลวุ่นวาย และสุดท้ายเธอก็ได้หลานๆฝาแฝดท่ามกลางงานแต่ง จนคุณยายของเธอผู้เป็นเจ้าของไร่ต้องเปิดกรุไวน์ราคาหลายล้านบาทออกมาเพื่อเลี้ยงฉลองให้กับเด็กๆ
“อ่าววว...เจอกานอีกแล้วนะจ้าวบ่าววว...ยินดีด้วยจริงๆ...เอิ๊ก...แต่ว่า...ชุดนี้มัน...อีตาแฝดนั่นรึเปล่า...ไม่ใช่หรอก เห็นว่าพึ่งบินกลับบบบ...”
เสียงอันเมามายของตะวันดังขึ้น เมื่อวันนี้เป็นวันแห่งความยินดีปรีดาของคนทั้งบ้านรวมทั้งตัวเธอด้วยเพราะได้มีหลานแฝดมาให้เชยชมพร้อมกันถึงสองคน เธอเลยดื่มฉลองกับพวกเพื่อนๆด้วยไวน์ชั้นเลิศจนเมามายแทบไร้สติ ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นมาบนห้องและดันมาเจอเพชรภีระเข้า แต่เธอคิดว่าเป็นเพชรภีมอีกตามเคย จนเพชรภีระที่มองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วยุ่งด้วยความไม่พอใจ ขนาดตามฝันยังแยกเขากับเพชรภีมออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน นี่อะไรเจอกันก็หลายครั้งยังไม่เคยแยกเขากับพี่ชายของเขาได้เลยสักครั้งนี่สิปัญหา
“ผมมันจำยากนักเหรอ ห๊ะ!”
เขาถามขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อด้านนอกเหมือนฝนฟ้ากำลังจะเทลงมาทำให้เครื่องบินส่วนตัวของเขาไม่สามารถขึ้นบินได้ เขาเลยต้องกลับมาที่นี่
“โน่นนนน ปายอยู่กาบลูกกาบเมียโน่นนนน จามาเดินเพ่นพ่านทามมาย เอิ๊ก ไปล่ะน้องเขยยย”
หมับ!!
“ภีร์! ผมชื่อภีร์! เพชรภีระ! จำใส่สมองของคุณเอาไว้!”
“อ๊ะ! เจบบบบ อึ๊! อื้ออออ”
พูดจบเพชรภีระก็เอื้อมมือไปจับแขนเล็กกระชากเข้าหาตัวพร้อมกดจูบลงไปที่ปากอวบเต็มแรง ลิ้นสากตวัดเข้าไปเชยชิมความหวานหอมของไวน์ชั้นดีด้วยความกระหาย ทำเอาคนเมาถึงกับร้อนรุ่มทั้งกายสาวอย่างไม่ต้องปลุกเร้าให้มากมาย
“อื้ออออ จุ๊บๆๆๆ จุ๊บๆๆๆ อื้มมม”
เสียงครางพึงพอใจดังขึ้น เมื่อเธอไม่เพียงไม่ผลักไสแต่ยังจูบตอบเขาด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน จากที่ว่าจะแค่สั่งสอนนิดๆหน่อยๆ ตอนนี้ความต้องการที่ไม่ได้ปลดปล่อยมาร่วมอาทิตย์ถูกปลุกขึ้นมาเสียแล้ว เพชรภีระดันร่างบางให้เดินตรงไปที่ห้องของเขาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อยังไงไม่วันนี้ก็วันหน้าเธอต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน เมื่อเขาหมายหัวเธอเอาไว้มาร่วมปีแล้ว
แกร๊ก!! ปัง!
เสียงประตูห้องปิดลงและไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงครวญครางสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ เมื่ออีกคนเมาส่วนอีกคนขาดหายเรื่องบนเตียงมานานเกินไปบวกกับความต้องการกันและกันที่เก็บซ่อนเอาไว้ทำให้ไม่สามารถยับยั้งได้อีก