และหลังจากวันแรกที่เริ่มศึกษาดูงาน ตะวันก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับคนที่นี่ จากที่คิดว่ามีคนทำงานไม่กี่คนเธอต้องคิดใหม่เพราะทุกคนส่วนมากจะรวมตัวกันอยู่ที่ห้องวิจัย มีห้องสมุดขนาดใหญ่เพื่อทำงานด้วยกันแทน และตอนนี้เธอก็ชอบงานที่นี่มาก ทุกคนเป็นมิตรและช่วยแนะนำเธอหลายๆอย่าง จนตะวันเริ่มเข้ากับทุกคนได้
“ซันครับ วันนี้เรามีมีตติ้งกันที่ อ้อ คุณน่าจะไม่รู้เดี๋ยวไปรถผมกันดีกว่า”
หลังจากทำงานได้เข้าวันที่ 3 เกรย์ที่เดินเข้ามาหาตะวันเพื่อแจ้งเรื่องการสังสรรค์ประจำเดือนเมื่อทุกๆเดือนเจ้านายของพวกเขาจะจัดสรรงบให้กับพนักงานได้คลายเครียดกันอย่างเต็มที่
พอตกเย็นก็ดูเหมือนทุกๆคนจะพากันเลิกงานตรงเวลาและจุดหมายเดียวกันคือร้านอาหารกึ่งผับที่ถูกจองเอาไว้เพื่อพนักงานของที่นี่โดยเฉพาะ
“ทำไมเหมือนงานยังไม่เริ่มเลยล่ะคะ หรือว่ารอใครอยู่”
พอเข้ามานั่งในร้านได้สักพัก ตะวันที่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยหันไปถามเกรย์ที่นั่งอยู่ข้างเธอ
“อ้อ ผมลืมบอกใช่ไหมครับ ทุกครั้งที่มีมีตติ้งเราต้องรอบอสมาเปิดงานน่ะครับ ปกติเราจะได้เจอบอสก็วันมีตติ้งนี่แหละครับ น่าจะอีก...อ้อ นั่นไงครับ บอสมาแล้ว”
เกรย์อธิบายออกมา ก่อนจะมองไปทางประตูทางเข้าที่ตอนนี้ร่างใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายกำลังเดินเข้ามา ตะวันที่มองไปตามที่เกรย์บอกถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อคนที่เธอไม่เคยลืมอย่างเพชรภีระดันเป็นคนที่ทุกคนในนี้รอคอย
ส่วนเพชรภีระ เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้คือวันที่ต้องเผชิญหน้ากับตะวันทั้งๆที่เขาแอบมองเธอทุกวันตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่แต่แค่ไม่เคยปรากฏตัวให้เธอได้เห็นก็เท่านั้นเอง
“เชิญนั่ง ตามสบายกันเลย”
เขาบอกทุกคน ก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเธอ ทำเอาตะวันถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก
“ได้ยินว่าคุณเป็นทีมนักวิจัยที่มาดูงานที่นี่...ผมเพชรภีระ ยินดีที่ได้เจอครับ”
เพชรภีระยกยิ้มแล้วยื่นมือออกไปเพื่อทักทายตะวัน ทำเอาหญิงสาวแทบไปไม่เป็นมองจ้องหน้าเขาอย่างต้องการค้นหา เมื่อแน่ใจว่าคนตรงหน้าคือเพชรภีระที่เธอรู้จักอย่างแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่รู้จักเธอเสียอย่างนั้น
“อ่าว สงสัยตะลึงในความหล่อของบอสใช่ไหมครับเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
เกรย์ที่เห็นว่าตะวันนั่งนิ่งเลยรีบเอ่ยขึ้น ก่อนที่ตะวันจะยื่นมือเข้าไปจับทักทายเหมือนคนพึ่งรู้จักกัน ในเมื่อเขาไม่รู้จักเธอ เธอเองก็จะทำเหมือนว่าไม่รู้จักเขาเหมือนกัน
“ค่ะ ฉันตะวัน ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“..................”
พอเห็นว่าเธอเองก็เอ่ยทักทายเขาเหมือนคนพึ่งรู้จักกัน เพชรภีระก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบตึงทันที ส่วนตะวันพอทักทายเขาเสร็จเธอก็นั่งลงแล้วหันไปคุยกับเกรย์ทำเอาเพชรภีระยิ่งเดือดดาลเข้าไปอีก เมื่ออุตส่ามาด้วยความรู้สึกที่เป็นต่อแท้ๆแต่กลับต้องกลายเป็นเดือดดาลแทน
“ดูคุณสองคนจะสนิทกันมาก...”
เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อมองชายหญิงตรงหน้าที่พูดคุยหัวร่อต่อกระซิกเหมือนทั้งโต๊ะมีเพียงสองคน
“อ้อ เอ่อ ครับ พอดีเราค่อนข้างเข้ากันได้...แล้วอีกอย่าง...”
เกรย์ที่เห็นเจ้านายถามเลยหันมาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและมีความสุขอย่างปิดไม่มิดเมื่อเขานั้นชอบตะวันอย่างที่ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“หึ! อย่างนั้นเหรอ...ก็ดี เธอจะได้ไม่เหงา”
เพชรภีระบอกออกมาแค่นั้นก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มด้วยความโมโหหึง เมื่อตะวันไม่ได้ปฏิเสธแถมตอนนี้ยังทำเหมือนไม่รู้จักเขาอยู่อีก สองตาคมจับจ้องมองตะวันนิ่ง เขาดูทุกการกระทำของเธอด้วยความโกรธเคือง จนกระทั่งดึกดื่นเขาก็เอ่ยลาแล้วขอตัวกลับ
“เฮ้ออออ เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ทำไมอีตาบ้านั่นถึง...”
พอเห็นว่าเพชรภีระกลับไป ตะวันก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับถอนหายใจระบายเอาความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่มีออกมา เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่เลยสักนิดทั้งๆที่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ก็ตามที จนกระทั่งวันนี้ที่เขามาปรากฏตัว
“ทำไมเหรอ? ไม่คิดว่าจะเจอผมที่นี่รึไง”
“คุณ!!”
ขณะที่กำลังคิดเรื่องของเพชรภีระ อยู่ดีๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังแล้วเดินเข้ามาหาเธอ ทำเอาตะวันถึงกับรีบหันไปมอง สองตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
“หึ...ไม่กี่เดือนก็จำผมไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ...สงสัยต้องเตือนความจำสักหน่อยจะได้ไม่ลืมผมอีก”
เขาบอกขึ้นพร้อมกับเดินเข้าหา ทำเอาตะวันรีบถอยหนีด้วยความตกใจระคนหวาดกลัวเพราะตอนนี้ท่าทีที่เขาแสดงออกนั้นมันตรงข้ามกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอย่างสิ้นเชิง เธอมองหาคนช่วยแต่ดูท่าจะไร้หนทางเมื่อแทบไม่มีใครเดินมาทางหลังร้านเลยสักคน
“ออกไปนะ อย่าเข้ามา”
เสียงสั่นๆของตะวันรีบบอก
“ทำไม หรือจะรีบออกไปหาผู้ชายที่โต๊ะนั่น หรือว่าคุณกับมัน...”
“หยุดนะ!! หุบปากเน่าๆแล้วถอยไป ฉันไม่อยากคุยกับคุณ!”
“ใครบอกผมจะมาคุย ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
เขาไม่สนใจเดินเข้าไปจนชิด ก่อนจะรวบตึงมือของเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะยกขึ้นผลักเขา
“นี่! ปล่อยนะ!”
“จะไปกับผมหรืออยากอยู่ต่อตรงนี้”
เขาก้มลงมากระซิบบอกเธอพร้อมกับจับแขนของเธอเอาไว้แน่น ทำเอาตะวันถึงกับคิดหนัก เมื่อทุกอย่างในตอนนี้มันช่างดูเหมือนไม่เข้าข้างเธอเลยสักอย่าง
และสุดท้ายเธอก็ต้องจำยอมเดินตามเขาออกมาซึ่งจะให้พูดง่ายๆก็คือถูกเขาลากจูงออกจากร้านโดยไม่ได้ล่ำลาใครเลยสักคนมากกว่า
“ไปบ้านพักของเธอ”
พอขึ้นมาบนรถกันแล้ว เพชรภีระก็สั่งออกมา ซึ่งมันทำให้ตะวันยิ่งแปลกใจเมื่อเขารู้ว่าเธอมีบ้านพักอยู่ที่นี่แสดงว่าเขาก็คงรู้ถึงการมาเยือนที่นี่ของเธออย่างแน่นอน
“ทำไมยังไม่กลับมาอีก...เดี๋ยวผมไปดูซันก่อนนะ”
ทางด้านเกรย์ เมื่อเห็นว่าตะวันไม่กลับมาที่โต๊ะสักทีเลยเดินออกไปตาม และพอมาถึงห้องน้ำเขาก็ไม่เจอเธอชายหนุ่มเลยเดินตามหาไปจนทั่วร้านแต่ก็ยังไม่เจออีกเขาเลยเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ของก็อยู่นี่...แล้วเธอไปไหนกัน”
พอกลับมาก็เห็นว่ากระเป๋าของเธอยังอยู่แต่เจ้าตัวกลับหายไป เกรย์ที่เริ่มใจไม่ดีเลยตัดสินใจขอตัวกลับพร้อมกับเอากระเป๋าของตะวันไปด้วย
“ลงมา”
ทางด้านตะวันที่ถูกพามาจนถึงบ้านพักของเธอกำลังมองเขาอย่างตกตะลึง เขารู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าเธอพักอยู่ที่ไหน
“ทุกอย่าง...คุณรู้ทุกอย่างสินะ”
เธอถามออกมา
“จะลงมาเองหรือให้ผมอุ้มลง”
เพชรภีระไม่สนใจคำถามของเธอ เขาเดินลงไปแล้วทำท่าจะอุ้มเธออย่างที่พูดแต่ตะวันรีบลงมาจากรถแล้วเดินนำเขาเข้าไปในบ้านพัก เมื่อเธอเองก็ต้องการรู้ความจริงทั้งหมด เพราะคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
“มันเป็นแผนของคุณใช่ไหม?”
พอเดินเข้ามาในบ้าน เธอก็เริ่มต้นคำถามทันที
“ก็...ประมาณนั้น”
เขาบอกอย่างไม่รู้สึกว่าทำผิดอะไร
“ทั้งเรื่องที่ฉันต้องมาดูงานที่นี่...ทั้งหมดเป็นแผนของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็...ใช่”
เขายอมรับทั้งหมดออกมาอย่างไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวต่างจากตะวันที่ตอนนี้กำลังโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอกำลังถูกหลอก ไม่สิ เธอถูกเขาหลอกมานานแล้วต่างหาก
“ทำไม คุณทำแบบนั้นทำไมห๊ะ!”
เธอตะคอกถามเสียงดัง
“เพราะคุณไง ผมต้องการคุณเลยทำเรื่องทุกอย่างขึ้นมา”
พอได้ยินที่เขาพูด คุณหมอสาวถึงกับพูดไม่ออก
“ผมขอโทษที่ไม่ได้กลับไปหา และผมก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผมทำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาก็เพราะคุณ...ทีนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“คุณมัน อื้อออออออ”
ปากที่กำลังจะต่อว่าถูกแทนที่ด้วยปากร้อนที่กดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว เรียวลิ้นสากตวัดลึกควานหาความหอมหวานที่เขาโหยหาอย่างบ้าคลั่งจนตะวันที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เมื่อความเร่าร้อนที่เขามอบให้ทำให้ความต้องการในกายของเธอถูกปลุกขึ้นมา
“อื้อๆๆๆ”
ปึก ปึก ปึก
สองมือเล็กเริ่มทุบตีเขาเมื่อเพชรภีระเริ่มลูบไล้มือลามไปบนร่างกายของเธอทั้งปากร้อนที่ตักตวงหนักหน่วงจนเธอแทบหายใจไม่ทันนั่นอีก
ผลัก!!!
เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก เมื่อดูท่าเขาจะไม่ได้แค่อยากจูบเธอเสียแล้ว
“หยุด!! นี่คุณทำบ้าอะไรห๊ะ!!”
พอผลักเขาออกได้ ตะวันก็ตะคอกถามเสียงดัง
“อ่าว ก็จูบไง แล้วจากนั้นก็จะทำ...”
“หยุด! หยุดพูดบ้าๆเดี๋ยวนี้นะ!”
“ก็จะทำอย่างอื่นก็ไม่ให้ทำ พอจะพูดก็ห้ามอีก”
ตะวันมองค้อนเขายกใหญ่ เมื่อเขาไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ
ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง
ยังไม่ทันที่จะได้โต้เถียงกันมากไปกว่านั้น เสียงกดกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ซัน...อยู่ที่นี่รึเปล่า...ซัน...”
เป็นเกรย์ที่เป็นห่วงเพราะตะวันหายตัวไปเลยลองมาดูที่บ้านพัก เขาตะโกนเรียกพร้อมกับพยายามมองเข้ามาด้านใน
“กะ...”
“หยุด!”
ตะวันที่กำลังจะตอบรับต้องหุบปากลงแทบไม่ทันด้วยเสียงขู่ของเพชรภีระ
“ซัน! หรือว่ายังไม่กลับ...แล้วไปไหนกัน ของก็ไม่ได้เอาไปจะไปไหนได้...”
เกรย์ที่สงสัยถึงการหายตัวไปของตะวันได้แต่เดินกลับออกไป ส่วนคนด้านในกำลังกัดฟันแน่นอย่างโกรธเคือง
“เป็นบ้าอะไรของคุณ! กลับไปเลยไปฉันจะพักผ่อน”
“ทำไม หรืออยากให้คนข้างนอกนั่นเข้ามาแทนอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณ!”
“ผมอยากได้คำตอบ”
“คำตอบ? ตอบอะไร?”
“หรือต้องให้ทวนความจำก่อนจริงๆคุณถึงจะจำได้”
“ไม่!...ไม่ต้อง...”
ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจะเดินเข้ามาหาเธออีก ทำเอาตะวันรีบบอกให้เขาหยุดเมื่อเธอนั้นจำได้อย่างแม่นยำถึงสิ่งที่เขาถาม
“คำตอบของฉันคือ ไม่ ฉันไม่ตกลง ฉันจะไม่ยอมเป็นอะไรกับคุณทั้งนั้น”
เธอบอกออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาคนฟังถึงกับเดือดดาลเมื่อไม่เคยคิดว่าจะถูกปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้เลยสักนิด
“อย่างนั้นเหรอ? แล้วผมต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้คุณปฏิเสธผมได้...บอกมาสิ...”
“ไม่...ไม่มีทาง คุณกลับไปเถอะ”
พูดจบตะวันก็ตัดสินใจหันหลังเพื่อจะเข้าห้องเมื่อเธอไม่อยากคุยกับเขามากไปกว่านี้แล้ว เขาหายไปนานหลายเดือนอยู่ดีๆก็โผล่มาแล้วพบว่าเธอกำลังถูกเขาหลอกอีก
หมับ!
“ผมลงทุนถึงขนาดนี้แล้ว คิดว่าผมจะปล่อยคุณไปแบบนี้เหรอ”
เขาเอื้อมมือไปดึงแขนของเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอได้เดินหนี
“ผมขอโอกาสอีกครั้ง 3 อาทิตย์...แค่ 3 อาทิตย์ที่อยู่ที่นี่ ผมจะทำให้คุณยอมรับผมให้ได้”
เขาขอร้องออกมาทำเอาตะวันถึงกับคิดหนักเมื่ออันที่จริงแล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันยังเด่นชัดจนการที่เธอได้เจอกับเขาอีกครั้งมันทำให้เธอทั้งตื่นเต้นแต่ก็โกรธเคืองเขามากจนไม่อยากเจอเขาอีก
“ก็ได้ ทีนี้ก็กลับไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย”
“ใครบอกว่าผมจะกลับ ในเมื่อผมต้องการโอกาสจากคุณ เพราะฉะนั้นผมจะอยู่ที่นี่ ผมจะทำให้คุณยอมเป็นของผมให้ได้”
“ห๊ะ...คุณ อ๊ะ อื้อๆๆๆๆ”
ตะวันที่ทั้งตกใจทั้งโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อถูกเขาดึงกระชากเข้ามาจูบอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยการจาบจ้วงเรียกร้องจนเธอไม่สามารถดินหนีหรือผลักเขาออกไปได้
ส่วนเพชรภีระ เขาเสียเวลามามากแล้วกับการโต้เถียงในครั้งนี้ ในเมื่อเวลาแค่ 3 อาทิตย์ที่เขามี เขาจะต้องทำให้เธอรักและยอมเป็นของเขาอย่างหมดใจให้ได้
“อึ๊...อื้อ...”
เสียงครางประท้วงเริ่มอ่อนลงเมื่อถูกเขาจูบจาบจ้วงหนักหน่วงจนสุดท้ายตะวันก็ค่อยๆเคลิ้มตามจูบสนองเขากลับอย่างลืมตัว
“จุ๊บๆๆๆ จ๊วบๆๆๆ จุ๊บๆ”
เสียงจูบซับดังขึ้นไม่หยุด เมื่อตอนนี้ทั้งสองคนได้หลุดเข้าสู่ห้วงเสน่หาของกันและกัน เพชรภีระดันร่างบางอ่อนระทวยเข้าไปในห้องนอนของเธอ ที่เขาเป็นคนออกแบบและตกแต่งมันเองกับมือ ก่อนจะดันให้เธอลงไปนอนราบบนที่นอนซึ่งก็เป็นเขาเองที่เลือกมันเพื่อจุดประสงค์พิเศษเมื่อมันเป็นเตียงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับบทรักอันเร่าร้อนและหนักหน่วงได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ตุ๊บ...
“อยะ...อย่า...”
พอจูบจนพอใจ เพชรภีระก็เปลี่ยนเป็นจูบซับลงมาตามสันกรามเล็ก ทำเอาปากที่พึ่งเป็นอิสระอดที่จะเอ่ยห้ามไม่ได้
“อย่าห้ามเลยนะ จุ๊บ ผมต้องการคุณจนจะบ้าอยู่แล้ว...”
เขากระซิบบอกพร้อมกับจูบลงมาตามลำคอระหง ก่อนจะหยุดลงที่เนินเนื้อนวลที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมา
ส่วนตะวัน พอได้ยินว่าเขาต้องการเธอ ปากเล็กก็แทบพูดไม่ออกเมื่อเธอเองก็ไม่ต่างจากเขา ร่างกายมันสั่นระริกเพียงแค่ถูกเขาสัมผัสอย่างนี้
จากนั้นไม่นานร่างบางก็เปลือยเปล่าด้วยฝีมือของเขา เพชรภีระมองร่างบางที่เขาไม่เคยลืมความหอมหวานที่เคยเชยชิมอย่างนึกชื่นชมเมื่อภายนอกเธอดูผอมแห้งแต่ภายในกลับเต็มอิ่มนวลเนียนจนเขาอดที่จะก้มลงไปดอมดมไม่ได้
“จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บ...”
เขาจูบไปตามกายสาวอย่างทะนุถนอมเมื่อสิ่งที่อดทนรอมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ปากร้อนดูดเลียไปตามหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะหยุดลงที่กลุ่มขนที่ถูกตัดสั้นของเธอ
“ไม่นะ...อื้อออ ไม่เอา...”
ตะวันที่มองอยู่รีบเอื้อมมือลงมาปิดกุหลาบสาวที่ถูกเขาจับจ้องมองอยู่อย่างนึกอาย
“หึหึ อายทำไม มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว”
เขาปัดมือเธอออกก่อนจะจับขาเรียวยกแยกกว้างเผยให้เห็นความเบ่งบานที่ฉ่ำแฉะรอเขาอยู่ เพชรภีระมองมันด้วยสายตาวาววับ ก่อนจะกดปากจูบลงไปที่ความนุ่มหยุ่นตรงหน้า
“จุ๊บ!!”
“อ๊ะ! อ๊า...อื้ออออ”
เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นไม่หยุดเมื่อถูกจาบจ้วงเลียระริกด้วยลิ้นสากของเขา เธอยังจำสัมผัสนี้ได้เป็นอย่างดี ตะวันค่อยๆปล่อยตัวปล่อยใจไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ร่างบางแอ่นไหวโยกเสียดสีกับปากร้อนที่กำลังเชยชิมเธออย่างกระหาย จนกระทั่งเธอทนไม่ไหวปลดปล่อยน้ำหวานใสออกมาเมื่อถูกส่งไปเยือนสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
“อ๊าาาา อื้อออ พะ...พอก่อน อื้อออ”
เธอครางบอกเมื่อปลดปล่อยออกมาแล้ว
“อื้ม...ยังเหมือนเดิม...”
เพชรภีระที่ค่อยๆเอาหน้าออกมาจากกุหลาบสาวก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าของเธอที่พริ้มไหวอิ่มเอมไปด้วยความสุขสม เขาใช้ลิ้นตวัดเลียน้ำรักที่เลอะบนใบหน้าออกทำเอาตะวันถึงกับหน้าแดงกับการกระทำของเขา
เพชรภีระค่อยๆยันตัวขึ้นยืน ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกแล้วกลับลงมาบนเตียงใหญ่ที่มีร่างเปลือยนอนระทวยอยู่
“รู้ไหมผมรอมานานแค่ไหนที่จะได้อยู่กับคุณแบบนี้”
เขาบอกขึ้น
“คนโกหก...คุณบอกจะกลับไป...”
“ขอโทษ...มีเรื่องที่นี่ ผมเลยต้องจัดการ ไม่คิดว่าคุณจะรอผมด้วย”
“ใครรอ...ไม่ใช่สัก อื้อออ”
ปากที่กำลังปฏิเสธข้างๆคูๆถูกปิดลง เมื่อยิ่งพูดก็เหมือนเธอยิ่งขุดหลุมฝังตัวเองเมื่อมันแสดงให้เห็นว่าเธอรอเขามาตลอด
“โกหกไม่เก่งเลยนะคุณหมอ”
สวบ!!!
“อ๊ะ! อื้ออออ”
และสุดท้าย สองร่างก็ถูกเติมเต็ม เพชรภีระสอดใส่ลำเอ็นใหญ่เข้าไปในร่องสาวรวดเดียวจนสุด ทำเอาคนที่ห่างหายเรื่องบนเตียงมานานอย่างตะวันถึงกับสะดุ้งอ้าปากค้างกับความปวดที่ได้รับก่อนจะกลายเป็นความซ่านสยิว
สวบ...สวบ...สวบ...
เขาค่อยๆขยับร่างเมื่อรู้ว่าการที่เธอตอดรัดเขามากขนาดนี้เพราะเธอไม่ได้แอบนอกกายไปมีอะไรกับคนอื่น ความคับแน่นที่เขาสัมผัสได้นั้นทำให้เพชรภีระอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อยๆบรรจงจูบลงไปที่ปากเล็กสีซีดของเธอก่อนจะเริ่มขยับหนักหน่วงเมื่อความต้องการที่มีกำลังทำให้เขาทรมาน