มนุษย์ทุกคนย่อมมีความฝันในทุกค่ำคืนหรือแม้แต่กลางวันก็ฝันได้ถ้าหากเรานอนหลับกลางวันส่วนใหญ่แล้วทุกๆคนบนโลกนี้จะมีความฝันที่ไม่ซ้ำกันแต่สำหรับเขา ภูตะวัน หรือ ภู ที่เพื่อนๆและคนในครอบครัวเรียกกัน ภูตะวัน มักจะฝันแปลกๆและซ้ำๆกันทุกคืนทุกคืนภาพความฝันของภูตะวันคือเขากำลังทำร้ายคนจนถึงขั้นเสียชีวิตทั้งตัวเขามีแต่เลือดเต็มไปหมด ภูตะวันสะดุ้งตื่นทุกครั้ง เขาหวาดกลัวกับความฝันของเขาจนแทบจะเป็นบ้าภูตะวันเป็นชายหนุ่มรูปงามทั้งบุคลิกท่าทางการเดินดูดีไปหมดแต่ไม่มีสาวๆคนไหนกล้าเข้าใกล้เขาเลย เพราะสายตาที่เวลาภูตะวันมองใครๆมันดูคล้ายๆเสือสายตาที่ดุดัน ภูตะวันไม่ค่อยมีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะความลึกลับและน่ากลัวของเขานั้นเอง มีแต่ กรกันต์ หรือ กร เพื่อนรักของเขาเพียงคนเดียว กรกันต์ ผู้ชายหน้าตาธรรมดาใส่แว่นหนาเตอะเป็นหนอนหนังสือชอบอยู่คนเดียวไม่สุงสิงกับใครแต่เขาชอบมาขลุกอยู่บ้านของภูตะวันทุกวันเช่นเดียวกันกับภูตะวันเขาเข้ากับคนได้ยาก เพราะความที่เขาดูน่ากลัวและลึกลับนั้นทำให้เพื่อนๆในคณะที่เขาเรียนอยู่นั้นต่างลือกันไปต่างๆนาๆแต่ภูตะวันก็ไม่ได้สนใจอะไร
"มึง ภูตะวันนี่หล่อชะมัดเลย"
"อย่าไปยุ่งเลยฆาตรกรโรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้"
ภูตะวันเองก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่เคยทะเลาะกับใคร ภูตะวันมักจะปรึกษากรกันต์อยู่เสมอเรื่องข่าวลือ
"กูไปทำอะไรให้พวกแม่งวะ...ชอบซุบซิบตอนเห็นกูเนี่ยถึงจะไม่สนใจแต่ลำคานสายตา"
"ตามึง..ตามึงน่ากลัวบางครั้งกูยังตกใจมึงจะทำตาดุทำไมวะ"
"เกิดมาตากูก็เป็นแบบนี้แล้วทำไงได้ล่ะ"
"มึงไม่ค่อยพูดกับใครและดูเคร่งขรึมคนเลยไม่กล้าเข้าใกล้"
"ทีมึงล่ะไม่มีตาที่น่ากลัวแล้วก็ไม่เคร่งขรึมแต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้าใกล้มึงเลย"
"กูไม่หล่อกูขี้เหร่ใครจะเข้าใกล้กูและกูก็ไม่ชอบคบกับคนเยอะแยะ...สรุปคือเราเหมือนกันไม่ใช่หน้าตานะแต่นิสัยเหมือนกันรักสันโดดดีแล้วคบกันแค่สองคนนี่แหละ แล้วเรื่องที่มึงฝันล่ะเป็นไงบ้างหาหมอที่จะช่วยได้ยัง?"
"ยังไม่มีใครบอกกูได้สักคนมีแต่ว่ากูเครียด..กูก็ไม่ได้เครียดอะไรนี่"
"มึงเครียด...เครียดจริงๆก็เครียดเรื่องความฝันนี่ไงบางทีการที่ฝันอะไรซ้ำๆน่ากลัวๆก็ทำให้เราเคลียดได้"
"เออก็จริงแต่กูควบคุมไม่ได้จริงๆเคยฝันเมื่อตอนเด็กๆแต่หายไปนานแล้วพึ่งกลับมาฝันอีกครั้งตอนอายุครบยี่สิบเนี่ยแหละและก็ฝันมาตลอดเลย"
"เออ..มึงลองไปหาหมอดูไหมหมอจิตแพทย์น่ะกูมีคนที่รู้จักอยู่คนหนึ่งเขาเป็นเพื่อนกับแม่กูเองเดวถามแม่ก่อนนะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลอะไรเดี๋ยวเอาเบอร์ให้นัดเวลาคนนี้เก่งมาก "
"กูไปหามาแทบจะทุกหมอแล้วก็เหมือนเดิมเขาว่ากูเครียด"
"อ่ะๆถ้าครั้งนี้หมอยังพูดเหมือนเดิมกูว่ามึงต้องไปหาพระแล้วล่ะ"
"แล้วพระจะช่วยอะไรได้ล่ะ?"
"ไม่เคยได้ยินที่พูดกันเหรอ?...ไม่ได้ด้วยเล่ก็เอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องพึ่งคาถามันต้องมีสักทางที่จะช่วยได้แหละน่าบางทีเจ้ากรรมนายเวรกำลังตามมึงอยู่ก็ได้ภู..วันนี่กูจะนอนเป็นเพื่อนมึงแล้วกันทำไมมึงอยู่คนเดียวตลอดเลยป้ามึงไปไหนวะ"
"ป้าไม่อยู่แล้วเขาไปอยู่กับลูกสาวของเขาที่ต่างประเทศแล้วกูก็เหงาส่วนป้ากูก็คิดถึงโทรมาหาทุกวันบ่นแต่อยากกลับบ้านแต่ลูกสาวของเขาเป็นห่วงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องกันกับกูนี่แหละได้งานทำที่ต่างประเทศ"
ตกดึกคืนนี้ภูตะวันและและกรกันต์นอนหลับสนิท ความฝันของภูตะวันเริ่มปรากฏขึ้น ในป่าที่มืดมิดไม่เห็นแม้แต่แสงไฟ ภูตะวันรู้สึกว่าตัวเองวิ่งตามอะไรบางสิ่งบางอย่างวิ่งเร็วมากเร็วกว่ามนุษย์ เขาไม่รู้ว่าเขาจะวิ่งไปไหน และแล้วภูตะวันก็เห็นมนุษย์ที่กำลังเล็งปืนมาหาเขาภูตะวันไม่เข้าใจว่าคนคนนี้เล็งปืนจะยิงเขาทำไมหรือว่าเคยเป็นศัตรูกัน ก่อนที่คนคนนั้นจะลั่นไกปืน ภูตะวันก็กระโจนใส่เขาคนนั้นเลือดสาดกระจายไปทั่วร่างของเหลวสีแดงไหลนองไปทั่วพื้นตับใตไส้พุงกระจัดกระจาย
"ไม่..ไม่..ไม่นะ..ม้ายยยยยยยย..แฮกๆๆๆๆๆๆๆ"
"เฮ้ยยย..มึงภูเป็นอย่างไรบ้างฝันอีกแล้วเหรอ?"
"เออ...ครั้งนี้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนอีกสงสัยจะจริงเหมือนที่มึงพูดแล้วเจ้ากรรมนายเวรแน่ๆ ไปหาหมอครั้งนี้ถ้า วิทยาศาสตร์ช่วยไม่ได้กูคงต้องพึ่งไสยศาสตร์แล้วล่ะ"
"เออ..นอนเถอะมึงกูนอนต่อแล้วนะง่วง"
"เออกูขอโทษ..."
ภูตะวันนอนไม่หลับจนถึงเช้า เขาไม่รอช้ารีบไปหาหมอโดยมีกรกันต์ตามมาด้วย เขาหายเข้าไปในห้องหมอรักษาผู้ป่วยโรคจิตสักพักหนึ่งจึงออกมาด้วยท่าทีที่ผิดหวัง
"ไงหมอว่าไง?"
"เหมือนเดิมว่ะคงต้องไปวัดแล้วล่ะ"
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่พอดีมีกลุ่มเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันกับเขาพากันมาหาหมอ เพื่อตรวจร่างกายและได้เห็นภูตะวันออกมาจากห้องพอดีภูตะวันและกรกันต์ไม่ทันสังเกตุเห็นเพื่อนๆที่กำลังซุบซิบนินทากันด้วยความสงสัย
"เฮ้ยกูว่ามันคงอาการหนักแล้วล่ะถึงได้มาหาหมอรักษา...น่ากลัว"
"เสียดายความหล่อนะไม่น่าบ้าเลย..."
"พวกมึงก็พูดไป หมอโรคจิตใช่ว่าจะรักษาแค่คนบ้าล่ะหมอก็ให้คำปรึกษาคนที่เป็นโรคเครียดไอ้ภูมันอาจจะเครียดเลยมาปรึกษาหมอก็ได้"
"มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดให้ตัวเองดูดีถ้าให้มึงอยู่กับมันสองต่อสองมึงกล้าปะล่ะ"
"ไม่..กูก็กลัวนะมึงใครจะกล้าเสี่ยง"
"แต่ไอ้กรไม่เห็นมันเป็นอะไรเลยเห็นอยู่กับไอ้ภูทั้งวัน"
"ไอ้นั่นแหละตัวดีมึงไม่เคยดูหนังฆาตรกรรมเหรอหน้าตามันแม่งโครตโรคจิต"
"หรือว่ามันสองคนจะเป็นพวกเดียวกันใช่แน่พวกไซโคพาทฆาตรกรโรคจิต "
ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัดมากกว่าเดิมแค่เดินผ่นทุกคนต่างหลบกันเป็นแถวดั่งเหยื่อที่หลบหลีกพยาเสือ ภูตะวันจะไม่ทนกับฝันที่มันสยดสยองนี้อีกแล้ว กรกันต์พาภูตะวันไปวัดหาพระที่แม่ของเขาไปทำบุญอยู่บ่อยๆภูตะวันเล่าเหตุการณ์ความฝันที่เกิดขึ้นให้หลวงตาฟัง
"หลวงตาครับผมจะทำอย่างไรดี ความฝันมันเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวันๆจนผมจะเป็นบ้าอยู่แล้วทุกคืนผมไม่อยากหลับเลย"
"มันเป็นวิบากกรรมน่ะโยม...ต้องยอมรับวิบากกรรมครั้งนี้พยายามผ่านมันไปให้ได้ถ้าควบคุมไม่ได้หายนะจะเกิดขึ้นกับโยมภายในตัวของโยมมีบางอย่างซ่อนอยู่อาตมาก็ไม่สามารถบอกได้แต่มีีสิ่งที่ช่วยได้คือยันต์แบบนี้ "
"หลวงพี่จะสักยันต์ให้เหรอครับ?"
"อาตมาทำให้ไม่ได้หรอก อาตมาเป็นพระนักปฏิบัติไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้แต่มีอยู่คนหนึ่งลูกสาวของเขาก็เคยมาปรึกษาอาตมาเด็กคนนี้มีอาการฝันแปลกๆเหมือนกับโยมไม่มีผิด...พอดีมีนักบุญอยู่คนหนึ่งซึ่งมาพักอยู่ที่วัดนี้ได้ประมาณสองปี พอเขาเห็นอาการของเด็กผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกให้สักยันต์แบบนี้ลงไปที่ร่างกายของเธอตั้งแต่นั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ฝันอีกเลย บ้านเขาอยู่ใกล้ๆนี่แหละขับรถไปประมาณ2-3กิโล ไปถามหาลุงพงษ์เขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้นแต่ตอนนี้เธอคนนั้นไม่เด็กแล้วนะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับโยมนั่นแหละ"
ภูตะวันและกรกันต์กราบลาหลวงตาแล้วรีบไปหาพ่่อของเด็กคนนั้น ขับรถไปได้สัก2กิโล กรกันต์ก็ลงไปถามชาวบ้านแถวนั้น
"รู้จักย้านลุงพงษ์ไหมครับ?"
"ขับไปอีกนิดเดียวจะเห็นซอยข้างหน้าเข้าไปในซอยนั่นขับรถไปซุดซอยก็จะเห็นบ้านตาพงษ์พ่อของหหนูพิมพ์"
ภูตะวันขับรถมาจนสุดซอยก็เห็นบ้านหลังเล็กๆเก่าๆ พอเดินเข้าไปภายในบ้านดูสะอาดสะอ้านจัดของไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ภูตะวันเห็นลุงแก่ๆกับลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกับภูตะวัน หญิงสาวที่หน้าตาธรรมดาแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ภูตะวันสัมผัสได้ หญิงสาวเดินมาหาเขาแล้วถามว่า
"มาหาใครคะหร้าตาไม่คุ้นเลย หรือจะเป็นพวกเก็บเงินกู้ที่พี่พัตต์ไปยืมมาบอกไว้ก่อนนะชั้นไม่รับผิดชอบใครเป็นคนยืมก็ไปเกฌบกับคนคนนั้นสิ"
"เอ่อคือผมจะมาถามหาคนที่เคยสักยันต์ให้คุณน่ะเขาอยู่ที่ไหน?"
"เอ่อ...คงต้องถาม พ่อชั้นแล้วล่ะชั้นจำอะไรไม่ได้เลย...พ่อ..พวกเขาจะมาถามหาคนที่สักยันต์ให้พิมพ์น่ะ"
"ทำไมล่ะถามหาเขาทำไม?"
"ผมฝันร้ายน่ะ...ฝันซ้ำๆเดิมๆฝะนน่ากลัวมากเลือดเต็มไปหมดเลย"
"เหมือนกันกับพิมพ์เลยพิมก็ฝันแบบนี้ตอนเด็กไปสักแปดขวบได้จนลุงไม่รู้จะทำอย่างไรพระก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่ตอนนี้มันผ่านมานานมากหลายปีแล้วไม่รู้เขาย้ายไปอยู่ที่ไหนแล้วขอโทษนะที่ลุงช่วยอะไรไม่ได้ "
ภูตะวันผิดหวังอีกแล้ว ขณะที่ภูตะวันกับกรกันต์กำละงจะเดินออกไปจากบ้านก็ได้ยินเสียงของพิมพ์ตะโกนเรียกพ่อดังลั่น
"พ่อ..!...อย่าเป็นอะไรนะ...พ่อ"
"ลุงเป็นอะไรน่ะเร็วๆรีบพาไปหาหมอเร็ว"
ภูตะวันและกรกันต์รีบพาลุงพงษ์ไปหาหมอลุงพงษ์มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวานความดัน อาการกำเริบบ่อยครั้งมากพิมพ์ต้องพาพ่อไปหาหมออย่างทุลักทุเลขณะที่รอหมออยู่นั้นด้วยความเพลียและเหรื่อยบวกกับที่เขานอนไม่เคยเต็มอิ่มเลยทำให้ภูตะวันเผลอหลับข้างๆกับพิมพ์ และเผลอซบไหล่ของเธอพิมพ์แอบมองหน้าของภูตะวันใบหน้าที่หล่อเหลาแต่แฝงด้วยอะไรบางอย่าง พิมพ์ยังจำได้ดีกับความฝันที่น่ากลัวนั้น ผู้ชายคนนี้กำลังเจอวิบากกรรมเหมือนกับเธอ พิมพ์รู้สึกสงสารเขา พิมพ์ไม่ได้ว่าอะไรที่ภูตะวันหลับแล้วเผลอพิงไหล่เธอ หมอเดินออกมาบอกอาการของลุงพงษ์แล้วก็ให้ไปรับยา ค่ายาค่ารักษาแพงจนเงินในกระเป๋าของพิมพ์แทบจะหมด พิมพ์คิดแล้วว่าจะเลิกเรียนแล้วมาทำงาน เพราะเธอต้องหาเงินรักษาพ่อ...ภูตะวันขับรถไปส่งลุงพงษ์กับพิมที่บ้าน แล้วเขาก็ขับรถกลับบ้านภูตะวันมีมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้มากมาย พ่อเป็นวิศวกรภูตะวันจึงเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อเดินตามรอยพ่อ ขณะที่ภูตะวันขับรถอยู่นั้น จู่ๆเขาก็เบรกรถกระทันหัน
"เอี๊ยดดดด....!"
"เฮ้ย...ภูมึงหยุดทำไมวะ?"
"กูพึ่งนึกได้...กูหลับ"
"เออหลับแล้วแปลกตรงไหนวะ"
"แปลกสิแปลกตรงที่กูไม่ฝันนี่สิไม่มีฝันเลย"
"เพราะอะไร..?"
"พิมพ์เป็นเพราะพิมแน่ๆกูรู้แล้วว่าจะทำยังไงไม่ให้ฝฝันอีกจนกว่าจะหาลุงคนคนั้นเจอ"