อาการแปลกๆที่หัวใจ

3311 Words
ไทโย Part เวลาต่อมา  @คฤหาสน์ยูกิโอะ "ทำไมพูดแบบนี้ พี่ไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก โซ่จะเป็นภรรยาพี่คนเดียวตลอดไป" ผมกอดกระชับร่างบางแน่นขึ้นพร้อมกับจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆอย่างปลอบขวัญ ถึงตอนนี้ผมอาจจะยังไม่ได้รู้สึกกับคนในอ้อมกอดอย่างคนรัก แต่ผมก็ทำให้เธอเสียใจไม่ลง ชีวิตนี้ของผมคงไม่มีคนที่ทำให้รักได้แล้วมั้งในชาตินี้ "วันอาทิตย์ไปร้านไอ้เหนือกันนะ" ผมเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการชวนเธอไปร้านอาหารของเพื่อนรักในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ "ค่ะ" เวลา 16.00 น.  @แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเอกชน "สวัสดีค่ะหมอลินทร์" "สวัสดีครับหมอเรย์" "ตรวจเคสเมื่อกี้เป็นอย่างไรบ้างคะ" "จากอาการของคนไข้ที่ปวดรุนแรงเป็นช่วงๆบริเวณข้างลำตัว บางครั้งก็ยังมีปวดช่องท้องด้านล่างลงไปจนถึงขาหนีบอีก และยังมีปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อยเกินไป และทุกครั้งที่ปัสสาวะน้ำปัสสาวะก็น้อยผิดปกติ ผมเลยสันนิษฐานว่าอาจจะเป็น นิ่วในไต ผมเลยทำการตรวจเลือดเพื่อหาแคลเซียมและกรดยูริก ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารต่างๆที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว แล้วผมอาจจะ CT Scan(เอกซเรย์ทางคอมพิวเตอร์) และฉีดสีเพื่อตรวจไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อให้แแน่ใจในข้อสันนิษฐาน เพราะอาการคนไข้ยังไม่มีคลื่นไส้ หนาวสั่น ปัสสาวะเลือดปนก็ยังไม่มี มันเลยยากที่จะฟันธงว่าเป็นอาการนั้น" ผมอธิบายเคสของตัวเองให้คนตรงหน้าฟัง ขณะที่เธอฟังผมพูดนั้นเธอก็ทำการจดรายละเอียดไปด้วย ผมมองการกระทำที่จดๆของเธอ แล้วอยู่ๆเธอก็เงยหน้ามายิ้มทำให้ผม ทำเอาผมรู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกแล้ว "ของหมอเรย์หละ" ผมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าบ้าง ทำให้ผมและเธอสบตากันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยออกมา "ของเรย์หนะเหรอคะ อาการคนไข้เหมือนเป็นโรคภูมิแพ้ แต่ยังไม่รู้ว่าแพ้อะไรเพราะอาการของคนไข้กว้างมากและรุนแรงมากเมื่ออาการแพ้กำเริบขึ้นมา เรย์เลยให้คนไข้ตรวจอาการแพ้เบื้องต้นด้วยการ Skin test(ทดสอบการแพ้โดยเอาสิ่งที่คิดว่าแพ้ทดสอบลงที่ร่างกาย) แล้วรอดูผล" เธอตอบผมแล้วเราสองคนก็ยิ้มให้กัน ชีวิตการเป็นหมอไม่ง่ายเลยสำหรับผม ยิ่งเป็นหมอที่พ่วงทั้งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งและหน้าที่สามีไปด้วย ทำให้ผมยิ่งต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยเฉพาะหน้าที่สามีที่ผมรู้สึกว่าผมทำได้แย่ที่สุด ที่ผ่านมาผมใส่ใจภรรยาตัวน้อยของผมน้อยมาก ผมสนใจกับการเรียนและงานของตระกูล จนบางครั้งผมก็ลืมว่าผมมีอีกคนที่ผมต้องดูแล โดยที่เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย มีแต่ดูแลผมให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ มันยิ่งสร้างความรู้สึกผิดให้กับผมมากขึ้นที่ผมไม่เคยใส่ใจเธอเลย "หมอลินทร์..ลินทร์..หมอลินทร์" "ห๊ะ..ครับ" ผมหันหน้ามาตอบคนที่ยืนข้างๆเมื่อรู้สึกว่าถูกเรียก "เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเหม่อๆนะ คิดถึงภรรยาเหรอ" "ประมาณนั้นครับ" "น่าอิจฉาภรรยาหมอลินทร์จัง ขนาดเวลาทำงานยังเหม่อคิดถึง" "ไปหากาแฟดื่มกันไหม" ผมไม่ได้ตอบอะไรกับประเด็นสนทนาของหญิงสาวแต่กลับชวนเธอไปคาเฟ่ในโรงพยาบาลแทน เพราะกว่าจะลงวอร์ดก็พรุ่งนี้เช้าเลย ไปประแผนกฉุกเฉินคงไม่มีเวลาได้พักแน่ๆ "อืมม เอาสิ" จากนั้นเราสองคนก็เดินไปร้านกาแฟใต้อาคารของตึกอายุรกรรม แล้วผมก็ได้เจอเพื่อนรักสุดแสบสองคนนั่งดื่มกาแฟกันอยู่ "นั่งด้วยกันสิ มากับใครวะ" ไอ้เพิร์ธเอ่ยชวนผมที่เดินหาที่นั่งหลังจากที่สั่งกาแฟแล้ว ส่วนหมอเรย์นั้นยังเลือกขนมเค้กอยู่ทำให้ผมเดินมาหาที่นั่งก่อน "ขอบใจ นั่งด้วยนะ" ผมหันไปบอกไอ้เหนือที่นั่งตรงข้ามไอ้เพิร์ธ โดยที่ผมนั่งข้างมัน "อืมม ไม่ยอมไปร้านกูเลยนะ วันนี้เปิดร้านวันแรกด้วยนะโว้ย" ไอ้เหนือพูดขึ้นมาเหมือนน้อยใจ ทำให้ผมยิ้มออกมาบางๆอย่างตลกอาการของมันที่ทำยังกะเป็นเมียผม "ขอโทษทีหวะ ไม่ได้ดูแลโซ่เลยอาทิตย์ที่ผ่านมา เลยให้เวลาโซ่" ผมตอบกลับเพื่อนไปอย่างรู้สึกผิด "กูล้อเล่นโว้ย เอาไว้วันอาทิตย์ต้องพาเมียตัวน้อยมึงมาด้วยนะ ไม่ได้เจอนานแล้ว อยากเจอ" "มึงจะจีบเมียเพื่อนเหรอไอ้เหนือ" "เมียเพื่อนก็เหมือน.." "เหมือนอะไรวะ" "เมียเพื่อนก็เหมือนน้องสาวพวกเราไง หรือมึงไม่ได้คิดว่าน้องโซ่เป็นเหมือนน้องสาว" "อืมม กูพาไปแน่นอน กูไม่อยากให้โซ่อยู่คนเดียวอยู่แล้ว" "แล้วนี่เรียนจบมึงจะมีลูกเลยหรือเปล่าไอ้ลินทร์" "กู.." ขณะที่ผมกำลังจะตอบคำถามไอ้เหนืออยู่นั้น หมอเรย์ก็เดินมาทางพวกเราพอดี "หมอลินทร์นั่งตรงนี้เหรอคะ" "อ้อ หมอเรย์นั่งข้างหมอเพิร์ธเลยครับ" "ขอนั่งด้วยนะคะ" หมอเรย์หันหน้าไปทางไอ้เพิร์ธและไอ้เหนือเหมือนขออนุญาต "ตามสบายเลยครับ" ไอ้เหนือเป็นคนตอบกลับแทน "ขอบคุณค่ะ" เธอนั่งลงหลังจากขออนุญาตเพื่อนผมทั้งสองคนอย่างมีมารยาท "เป็นคู่บัดดี้ที่ตัวติดกันดีนะ" อยู่ๆไอ้เพิร์ธก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมส่งสายตามาทางผมโดยที่หมอเรย์ไม่ได้เห็นการกระทำนั้นของมัน แต่สายตาที่มันมองมาทางผมคืออะไร คิดว่าผมจะจีบหมอเรย์เหรอทั้งๆที่ผมมีภรรยาตัวน้อยอยู่แล้ว ตลกความคิดของเพื่อนจริงๆ "แล้วคู่บัดดี้ของพวกคุณสองคนไม่มาด้วยกันเหรอคะ บางทีการทำงานร่วมกันมีเวลาอยู่ด้วยกันมากๆดีนะคะ ชีวิตคนไข้จะได้มีโอกาสหายมากกว่าการคิดเองคนเดียว อย่างที่อาจารย์หมอบอก เราไม่สามารถรักษาชีวิตคนไข้ได้เพียงลำพัง แต่เราทำงานเป็นทีม" เจอหมอเรย์พูดกึ่งสอนไปทำให้ความคิดของพวกมันคงมองผมและหมอเรย์ดีขึ้น มันก็อาจจะจริงอย่างที่หมอเรย์บอกเพราะเมื่อเราว่างเราก็ต้องมานั่งวินิจฉัยเคสอื่นๆไม่ใช่นั่งว่างเฉยๆ การคิดคนเดียวใช้ว่าคนไข้จะหายอย่างที่เธอบอก "เอ่อ พอดีช่วงพักเลยอยากแยกย้ายอยู่กับเพื่อนตามลำพังบ้างครับ แล้วหมอเรย์ไม่อยากอยู่กับกลุ่มเพื่อนบ้างเหรอครับ" ไอ้เหนือเอ่ยบอกและถามหมอเรย์ด้วยน้ำเสียงอย่างรู้สึกผิด "ปกติวันหยุดหรือหลังลงวอร์ดถึงสนทนาพาทีกันทีค่ะ ส่วนเวลางานถึงแม้จะมีเวลาพัก ส่วนใหญ่ฉันจะวินิจฉัยเคสต่างๆแทนการพูดคุยกับเพื่อน" "เป็นหมอตลอดเวลาเลยนะครับ" ไอ้เพิร์ธเอ่ยชื่นชมเธอขึ้นมาแล้วหันมามองหน้าผมแบบแปลกๆ "มันเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเด็กของฉันเลยค่ะ พอได้มาทำเลยอยากทำให้มันเต็มที่" "เหมือนไอ้ เอ้ย หมอลินทร์เลยครับ อยากเป็นหมอตั้งแต่เด็กๆ" ไอ้เพิร์ธบอกออกไปแล้วเธอก็หันหน้ามามองผมทำให้ผมยิ้มบางๆให้เธอโดยไม่ได้เอ่ยอะไร "แล้วไอ้ไม้หละ" ผมถามหาเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้เห็นหน้า "น่าจะไปแผนกศัลยกรรมแล้วมั้ง แวะมากับบัดดี้มาซื้อกาแฟแล้วก็ไปเลย" "อืมม.." "นี่ครับ ถ้าว่างเชิญไปรับประทานอาหารร้านผมได้นะครับ ถ้าหมอเรย์ไปจะลดเป็นพิเศษเลย ในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพที่อุดมการณ์แน่วแน่" ไอ้เหนือยื่นนามบัตรร้านของมันให้หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกับผมด้วยสีหน้ากวนๆสักหน่อยแต่ดุเหมือนอีกฝ่ายรับไว้และไม่ได้ว่าอะไรกับท่าทีที่ดูกะล่อนของมันที่ทำใส่เธอ "ค่ะ ร้านอาหารญี่ปุ่นเหรอคะ ถ้าว่างจะแวะไปทานนะคะ แล้วนี่ทำคนเดียวเหรอคะ" "ก็ไม่เชิงครับ มีคุณแม่ช่วยดูให้ช่วงที่ผมไม่ได้ว่างเข้าไปดู แต่หลักๆผมดูเองทั้งผม มันเป็นอีกอย่างที่อยากจะทำนานแล้ว พอมีโอกาสก็อยากลองทำสักครั้ง ไม่รู้จะไปรอดไหม ทั้งเป็นหมอ ทั้งทำร้านอาหาร ฮ่า ฮ่า" "ดีค่ะ อะไรที่อยากทำรีบทำก่อนไม่ได้ทำ ฉันว่าดีออก" "เออ ไอ้ลินทร์ เอ้ย หมอลินทร์ ก็จะพา ภรรยาตัวน้อย ไปทานอาหารร้านของผมวันอาทิตย์นี้ แล้วก็หมอไม้ หมอเหนือด้วย ถ้าหมอเรย์ว่างเชิญนะครับจะได้เจอกันหลายๆคน" "งั้นไม่ควรพลาดสิคะแบบนี้ จะพยายามไปให้ได้ค่ะ อยากเห็นหน้า ภรรยาตัวน้อย ของหมอลินทร์จัง เห็นหมอลินทร์เหม่อคิดถึงบ่อยๆ" น้ำเสียงของเธอเหมือนกำลังแซวผมอยู่ แต่แววตาเหมือนตัดพ้อผมอย่างไรอย่างนั้น ผมจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาทำได้เพียงเงียบไปแล้วดื่มกาแฟให้หมด โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เหมือนเพื่อนสองคนของผมจะรู้สึกแบบเดียวกับผมหรือเปล่าเลยไม่พูดเรื่องของภรรยาผมต่อ ปกติพวกมันจะแซวเรื่องภรรยาตัวน้อยของผมเวลาใครพูดขึ้นมา แต่รอบนี้พวกมันสองคนกลับเงียบ "กาแฟหมดแล้ว ไปทำงานต่อดีกว่า พวกแกไปแผนกฉุกเฉินเหมือนกันใช่ไหม ปะ" ผมเอ่ยชวนเพื่อนสองคนที่ดื่มกาแฟเสร็จแล้วเหมือนกัน โดยที่ไอ้เหนือลุกขึ้นยืนตามผมแล้วเดินออกไปพร้อมกัน ส่วนหมอเรย์และไอ้เพิร์ธก็เดินตามหลังพวกผมมาติดๆ   เวลาต่อมา  @แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลเอกชน "คนไข้เป็นอะไรมาครับ" ผมเอ่ยถามพนักงานเวรเปลเมื่อพาผู้บาดเจ็บเข้ามาในห้องฉุกเฉินโดยเป็นผมที่รับหน้าที่ดูแลคนไข้รายนั้นเมื่อตอนนี้ไม่มีหมอคนไหนว่างที่จะมารับช่วงต่อ "ถูกรถชนมาครับหมอ ศีรษะกระแทกพื้นถนนอย่างแรง เบื้องต้นชีพจรยังปกติและทำการห้ามเลือดไปก่อนหน้าที่จะมาส่งโรงพยาบาลแล้วครับ ก่อนหน้านี้ยังมีสติดี น่าจะเป็นเพราะเสียเลือดมากเลยเป็นลม" พนักงานเวรเปลรายงานอาการคนไข้เบื้องต้นให้ผมฟัง "ตรวจชีพจร และให้ออกซิเจนด้วยครับ" ผมหันไปบอกพยาบาลห้องฉุกเฉินที่เข้ามาช่วยผมดูคนไข้รายนี้ "หมอคะ คนไข้หัวใจหยุดเต้นค่ะ" ผมหันไปมองหน้าจอชีพจรของคนไข้ที่เห็นเป็นขีดเส้นตรงอย่างตกใจแต่พยายามระงับอาการตื่นตระหนกขึ้นแล้วตั้งสติทำหน้าที่ตัวเองต่อ "ทำ CPR (การปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นให้กลับมาหายใจ และมีการไหลเวียนออกซิเจนรวมทั้งเลือดกลับคืนสู่สภาพเดิม)" "ค่ะ" "คนไข้หัวใจหยุดเต้นที่เวลา 22.00 น." ผมยกมือข้างซ้ายดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนที่ผมจะทำการ CPR ให้คนไข้รายนี้ "1 2 3 4 5......." ผมนับจังหวะการกดหน้าอกคนไข้อยู่ในใจเพื่อให้หัวใจของเขากลับมาเต้นเหมือนเดิม ในขณะที่ผมทำ CPR เหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากจากการออกแรงกดนั้นก็ถูกผ้าผืนเล็กๆเช็ดออกด้วยพยาบาลที่เป็นผู้ช่วยผม "หัวใจกลับมาเต้นแล้วค่ะหมอ" "ใส่เครื่องช่วยหายใจ และทำการเย็บแผล" ผมบอกกับพยาบาลผู้ช่วยเพื่อให้เธอเตรียมอุปกรณ์เย็บแผลในขณะที่ผมมองหน้าจอมอนิเตอร์อย่างโล่งอก ผมไม่อยากเห็นใครตายต่อหน้าต่อตาผมตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเห็นคนไข้ตายโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ เมื่ออุปกรณ์เย็บแผลพร้อมผมก็เริ่มทำการล้างแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อน จากนั้นผมฉีดยาชาให้คนไข้เมื่อเห็นว่าเขากลับเริ่มรู้สึกตัว ผมไม่อยากให้เขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เมื่อให้ยาชาแล้วผมก็เริ่มทำการเย็บโดยใช้ needle holder(ปากคีบ)จับเข็มประมาณ 2/3 ของเข็มมาทางก้นเข็ม แล้วใช้ tooth forceps(คีมปากที่มีฟัน) จับเนื้อเยื่อและผิวหนังด้วยความระมัดระวัง ผมปักเข็มตั้งฉากกับผิวหนังเพื่อให้แผลสมานได้เร็วและเป็นผลดีเวลาที่แผลสมาน ระหว่างที่ผมกำลังเย็บแผลให้คนไข้ พยาบาลผู้ช่วยของผมก็เอาผ้ามาซับเหงื่อที่หน้าให้กับผมเพื่อไม่ให้เหงื่อหยดลงไปถูกแผลของคนไข้ กว่าจะเย็บแผลตรงศีรษะให้คนไข้รายนั้นเสร็จก็ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงเพราะแผลที่เย็บมันยาวมากพอสมควร สรุปว่าคนไข้รายนี้ของผมเย็บถึงสิบห้าเข็มเลยทีเดียว พอจัดการแผลที่ศีรษะของเขาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ทำการตรวจเช็คส่วนอื่นๆตามร่างกายของเขา ปรากฏว่าขาหักต้องเข้าเฝือก แขนก็เช่นเดียวกัน การโดนชนน่าจะแรงพอสมควรที่ทำให้คนไข้รายนี้เจ็บหนักมากขนาดนี้ ผมจึงสั่งให้ทำ CT Scan เพื่อดูว่าจะมีอาการเลือดคั่งในสมองหรือไม่ อย่างเป็นกังวล ผมก็ภาวนาว่าจะไม่มีการบอบช้ำภายในที่มองไม่เห็น ไม่เห็นมันจะเป็นงานใหญ่มากขึ้นเมื่อต้องทำการผ่าตัดใหญ่ และผมไม่แน่ใจว่าร่างกายคนไข้รายนี้จะไหวกับการผ่าตัดใหญ่หรือไม่เพราะแค่นี้เขาก็บอบช้ำมามากพอแล้ว "กาแฟค่ะหมอลินทร์" ผมมองมือที่ยื่นกาแฟร้อนมาตรงหน้าผมพร้อมกับน้ำเสียงใสหวานที่ผมจำน้ำเสียงนี้ได้ดี "ขอบคุณครับ" ผมรับแก้วกาแฟมาไว้ในมือพร้อมกับที่คนยื่นกาแฟนั่งลงข้างเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างผม "เป็นไงบ้างคะเหนื่อยไหมกับเคสหนักที่เข้ามา" "พอสมควรครับ ดีที่เขาสู้เลยยังมีชีวิตต่อ นี่ผมก็ให้ CT Scan สมองต่อ กลัวว่าจะมีเลือดคั่งในสมอง เพราะจากสภาพร่างกายที่ตรวจดูคงได้รับแรงกระแทกมาหนักพอสมควร" ผมอธิบายเคสของตัวเองให้คนข้างๆฟังโดยจิบกาแฟไปพลางๆด้วย "กาแฟนี่หมอเรย์ชงเองเหรอครับ" ผมเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อดื่มกาแฟเข้าไปอึกหนึ่ง "ทำไมคะ ดื่มไม่ได้เลยเหรอ" "เปล่าครับ อร่อยมากต่างหาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับ" "ค่ะ ไม่คิดว่าจะชอบสูตรเดียวกัน ฉันชงสูตรเดียวกับที่ฉันดื่มประจำ" "แล้วเคสของหมอเรย์เป็นยังไงบ้างครับ" "อาการไข้ขึ้นสูงค่ะ พ่อแม่เด็กคงกลัวลูกช็อคเลยพามาโรงพยาบาล เลยให้แอดมิดไปเรียบร้อยแล้วค่ะ รอดูอาการว่านอกจะไข้ขึ้นสูงจะมีอาการอื่นเพิ่มมาไหม เพราะจากที่รอผลคิดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะคนไข้ไข้ขึ้นสูงตลอดเวลาถ้าไม่ทานยาลดไข้" ผมมองดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองหลังจากที่รู้สึกว่ามีอะไรสั่นๆที่กระเป๋ากางเกง แล้วสิ่งที่ผมเห็นทำผมประหลาดใจเล็กน้อย หรืออาจเพราะว่านี้เป็นการขึ้นวอร์ดข้ามวันครั้งแรกของผมก็เป็นได้ เธอคงยังไม่ชินกับการมีผมนอนอยู่ข้างๆ Line Little wife : ทำงานเหนื่อยไหมคนดี ผมดูข้อความนั้นแล้วยิ้มออกมากับประโยคที่ภรรยาตัวน้อยของผมที่พิมพ์ส่งมาหา คนดี เหรอ เธอมักมีประโยคแปลกๆแบบน่ารักๆอย่างนี้เสมอจนผมอดจะยิ้มกับคำเหล่านั้นของเธอไม่ได้ จากที่คิดว่าจะพิมพ์ตอบ ผมจึงกดสายโทรออกหาเธอในช่วงที่ยังไม่มีคนไข้เข้ามาในแผนก โดยที่มีผู้หญิงอีกคนนั่งข้างอยู่โดยไม่พูดอะไรต่อ ตั้งแต่ที่ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา       ทานตะวัน Talk ฉันมองการกระทำของคนที่นั่งข้างๆหลังจากที่เขาอ่านข้อความที่ฉันเหลือบไปเห็นแวบๆว่า Little wife เขาคงหมายถึงภรรยาของเขา ฉันควรที่จะชื่นชมกับความรักของคนทั้งคู่ที่ฉันรู้จักในฐานะเพื่อนใหม่และเพื่อนร่วมงาน แต่ทำไมใจฉันมันหน่วงขึ้นมาอย่างแปลกๆเมื่อเห็นอาการความดีใจของเขาที่เห็นว่าคนรักส่งมาหา   "ยังไม่นอนอีกเหรอ" ฉันนั่งฟังอีกฝ่ายอย่างเงียบๆเหมือนไม่ได้สนใจและจิบกาแฟเบือนหน้าไปอีกทาง (ไม่มีไทนอนด้วย โซ่นอนไม่หลับเลย) ทั้งที่ไม่อยากสนใจแต่กลับได้ยินเสียงปลายสายดังจนฉันได้ยินว่าเธอพูดอะไร คงเพราะคนข้างๆฉันเอามือแนบหูข้างที่ฉันนั่งอยู่จึงได้รู้ว่าคนทั้งสองพูดคุยกันน่ารักขนาดไหน "อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เจอกัน นอนได้แล้ว เดี๋ยวตาเป็นหมีแพนด้าพี่ไม่รู้ด้วยนะครับ" (ถ้าเป็นหมีแพนด้าจะไม่รักเหรอคะ) "นอนนะครับคนดี พรุ่งนี้เจอกันครับ" (ไทอยากทานอะไรตอนเช้าเดี๋ยวโซ่ตื่นมาทำให้เลย) "อืมม อะไรก็ได้ โซ่ทำอะไรก็อร่อยหมดนั่นแหละ" (ไท รักนะคะ) "ครับ ฝันดีนะ ภรรยาตัวน้อยของพี่"   ฉันนั่งฟังเหมือนไม่ได้ยินอะไร ทั้งที่ตัวเองได้ยินสิ่งที่เขาพูดทั้งหมดว่าเขาทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างไรบ้าง ยิ่งฟังในใจของฉันยิ่งรู้สึกหน่วงมากขึ้น จนเมื่อหมอลินทร์วางสายจากภรรยาตัวน้อยของเขาแล้วก็หันมาหาฉันเหมือนกับเพิ่งรู้ว่ามีฉันนั่งอยู่ข้างๆเขาตลอดที่คุยกับภรรยาของเขา "กาแฟหมดหรือยังครับ" เขาถามฉันขึ้นมาเหมือนเมื่อสักครู่นี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น "เรียบร้อยแล้วค่ะ ของหมอลินทร์หละ" ฉันโชว์แก้วที่ว่างเปล่าให้เขาดูพร้อมกับถามเขาด้วย "หมดแล้ว" เขายกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มทีเดียวแล้วโชว์แก้วเปล่าให้ฉันดูด้วย "งั้นไปทำงานต่อดีกว่าค่ะ" "ก็ดีนะครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับกาแฟแก้วนี้ อร่อยมากครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ เป็นบัดดี้กันนอกจากปรึกษาเรื่องเคสแล้วก็ต้องดูแลกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติทั้งที่รู้ว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเศร้าแบบแปลกๆ "เอาไว้ผมดูแลคุณคืนบ้างนะ" เขาพูดออกมาเหมือนไม่ได้คิดอะไรกับความหมายที่เขาพูดเลย แต่ฉันกลับคิดมากกับคำพูดของเขาเสียเอง "ดูแลแบบภรรยาหมอลินทร์ไหมอะ" "....." "ฉันแซวเล่น อย่าคิดมากนะคะ เห็นหมอลินทร์คุยกับภรรยาตัวน้อยน่ารักดีค่ะ ดูจะรักเธอมาก น่าอิจฉาจัง" "ครับ" เขาเดินนำหน้าฉันไปหลังจากที่ตอบฉันเสร็จ ฉันมองด้านหลังของเขาอย่างหาความหมายว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD