วิรุจรีบยันกายลุกขึ้น แต่ให้ตายสิมือหล่อนเหนียวเป็นบ้า... เขาครวญครางในใจ หัวใจเริ่มเต้นถี่รัวจนรู้สึกเจ็บ ความหวาดหวั่นและความกลัวแล่นตีตื้นเข้ามา รู้สึกลำคอตีบตันและแห้งผาก ลมหายใจอุ่นๆ ที่ราดรดผิวแก้มสากๆ ห่างไม่ถึงเซนต์ ปากอวบอิ่มใบหน้าที่มีเลือดฝาดเพราะได้รับสิ่งกระตุ้น ทำให้คนใต้ร่างเขาดูยั่วยวนและน่าค้นหาเสียนี่กระไร
“ไม่!” วิรุจหันหน้าหนี เขาต้องออกจากที่นี้เดี๋ยวนี้ เขาอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว... คนมีไฟห้ามใจตัวเองสุดฤทธิ์
“ที่ร๊ากก...” เสียงหวานยังเรียก พร้อมกับมือเรียวเริ่มซุกซน ลูบไล้ใบหน้าครามคมวนไปวกมา ก่อนจะผงกหัวขึ้นไปประทับริมฝีปากบางบนแก้มสากๆเงอะๆงะๆ โดยวิรุจต้องหันหน้าหนี แต่คนเมาก็ยังคงไต่ริมฝีปากไปเรื่อยๆ งับติ่งหูสะอาดแผ่วเบาอย่างหยอกล้อ คนที่ถูกกระตุ้นสะดุ้งโหยง เอียงหน้าหนีทันทีราวกับโดนของร้อน แต่ก็หลบได้ไม่พ้นเพราะถูกมือเรียวรั้งไว้และยังประคองใบหน้าเขาให้หันมาเผชิญหน้ากัน
ให้มันได้อย่างนี่ซิ! วิรุจนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก กระพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหวานส่งยิ้มให้เหมือนกำลังพอใจบางอย่าง แม้จะไม่รู้ว่าที่จริงหล่อนมองเขาเป็นใคร และส่งยิ้มเพื่อสื่อความหมายว่าอะไร แต่เขารับรู้ได้ว่ารอยยิ้มนั้นเชิญชวนให้เขาหลงใหลยิ่งนัก แล้วอย่างนี้เขาจะนั่งเฉยอยู่ทำไมอีก
“ปล่อยครับคุณ ผมต้องไปแล้ว” วิรุจบอกความจำนงอีกครั้ง
หากแต่คนสติดียังไม่ทันได้ทำอะไรอย่างที่ปากบอก ปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายก็ยื่นมาประกบจูบอย่างเร้าร้อนเสียแล้ว แขนขาเรียวตวัดขึ้นกอดเกี่ยวรัดกายแกร่งไว้เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหาย การกระทำของหล่อนเหมือนคนอดอยากมาแรมปีแล้วพบแหล่งอาหารชั้นยอด ดื่มกินจนดูตะกละตะกลาม
“อื้อ...” ชายหนุ่มส่งเสียงครางประท้วงแต่ดูจะไม่เป็นผล เมื่อสาวเจ้าเริ่มรุกหนักสอดส่ายปลายลิ้นร้อนชื้นเงอะงะจนน่าขำ หากแต่วิรุจที่เคยห่างหายเรื่องระหว่างชายหญิงมานานถึงกับออกอาการสั่นสะท้านเมื่อความต้องการทางกายเริ่มเล่นงาน
คนที่มีประสบการณ์เหนือกว่าจากที่ออกอาการประท้วงก็เริ่มรุกและโอนอ่อนผ่อนตาม ผิวเนื้อเรียบเนียนและขาวผ่องบดเบียดเสียดสีอย่างจงใจ เนื้อนูนยืดหยุ่นที่ยื่นออกมา บดเบียดอกแกร่งผ่านเนื้อผ้าอย่างท้าทาย เรียกร้องความกำหนัดของชายชาตรีให้ลุกโชน
“คุ คุณเมย์...” น้ำเสียงแผ่วลง วิรุจตัดสินใจเรียกอีกครั้งเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ เขาอยากรู้ว่าตอนนี้หล่อนมีสติกลับมาหรือยัง แต่สิ่งที่ได้รับเป็นคำตอบคือแรงผลัก เขาล้มตึงหงายหลัง เมื่อร่างเปล่าเปลือยพยุงตัวลุกขึ้นคร่อมร่างแกร่งเขาเอาไว้ หล่อนกำลังกลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทไปแล้ว...
“ที่ร๊าก...เอิ๊ก...ไม่ต้อง เมย์ทามเอง...” น้ำเสียงยานคางมองคนใต้ร่างสายตาหวานหยาดเยิ้ม วิรุจเริ่มควบคุมตัวเองได้น้อยลง ก็ในเมื่อแววตาสาวเจ้าแฝงไปด้วยแววตากระหายแห่งไฟราคะที่เริ่มคุกรุ่นจนยากจะดับลง
เหมือนกลัวเวลาจะผ่านไปโดยสูญเปล่า ร่างอวบแน่นก้มลงมาหาใบหน้าเข้มที่กำลังอึ้งสมองมึนงง ไม่รู้จะทำอะไรกับตัวเองดี ครั้นจะหนีออกจากห้องโดยทิ้งให้ผู้หญิงที่เจ้านายสั่งไว้ให้ดูแล ก็เกรงว่าเธอจะเป็นอันตราย แต่หากหล่อนยังอยู่ในสภาพไม่ได้สติแบบนี้ มีหวังทั้งเขาเองนี่แหละที่จะทำให้หล่อนเป็นอันตรายเสียเอง
แม้ร่างกายของวิรุจจะกำลังเกิดความต้องการมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำได้คือพยายามหันหน้าหนีริมฝีปากอวบอิ่ม ความแนบชิดทำให้รับรู้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ออกมาพร้อมลมหายใจจนทำให้เขาเองก็มึนไม่น้อยไปกว่ากัน อาการขัดขืนของคนใต้ร่างเรียกสายตาไม่พอใจของสาวสวยที่อยู่ด้านบนได้เป็นอย่างดี
“ถึงขนาดนี้ เอิ๊ก...คุณหย่าย...ยังไม่ต้องการเมย์อีก อึก...” สายตาตัดพ้อและแววตาแดงก่ำ ด้วยฤทธิ์เครื่องดื่มผสมกับอารมณ์น้อยใจมันทำให้แววตานั้นเศร้าลงอย่างน่าใจหาย
วิรุจนิ่งอึ้ง เขาไม่รู้ว่าสาวสวยคนนี้จะทุกข์เรื่องความรักมากขนาดนี้ ยอมแม้กระทั่งที่จะทำตัวไร้ค่า ปล่อยตัวให้เมามายและทำในสิ่งที่ผู้หญิงไม่ควรกระทำ
เขาไม่อยากปล่อยตัวตามใจหล่อน แน่นอนหากหล่อนมีสติ หล่อนคงไม่ต้องการทำแบบนี้กับคนอย่างเขาแน่นอน และเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทเห็นแก่ตัว ชายหนุ่มดันตัวเองลุกขึ้น จนร่างงามที่อยู่ด้านบนล้มกลิ้งไปบนเตียงนุ่มอย่างไม่เป็นท่า
“อ้าย...อือ” เสียงเบาๆ ดังสวนทันที เขาไม่รอช้ารีบช้อนอุ้มร่างบางด้วยแขนแกร่งที่กำลังงัวเงียลุกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
ร่างบางถูกวางในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่และตามมาด้วยน้ำเย็นถูกเปิดออก ทันที่ที่ความร้อนในกายถูกน้ำเย็นปะทะ หล่อนสะดุ้งโหยงตะเกียกตะกายพาร่างเปล่าเปลือยลุกขึ้นหนี เดือดร้อนวิรุจที่ต้องจับกดร่างหญิงสาวเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ ในอ่างน้ำที่เย็นยะเยือก
เขารู้ดีว่าหล่อนต้องทรมานกายอย่างหนัก เมื่อถูกปรับสภาพอย่างฉับพลัน แต่เพื่อความปลอดภัยของหล่อนและเพื่อตัวเขาเอง...วิรุจกลั้นใจพาสายตาหนีภาพตรงหน้า เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายถือโอกาส แม้มือหนาจะกดศีรษะเธออยู่ก็ตาม...น้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากฝักบัวทำให้ร่างเปล่าเปลือยเปียกชุ่มจากการถูกแช่ และเริ่มเกิดมีอาการสั่นตามมา
“อือ...หนาวอ้ะ” ปากสั่นระริก สายตาเริ่มสอดส่ายไปมา อาการสร่างเมาเหลือไว้แค่มึนๆ มือเรียวบางกดขมับตัวเองแรงๆ หลายครั้งเหมือนอยากกระตุ้นให้สมองทำงานให้เร็วกว่านี้ เมื่อเริ่มรู้สึกตัว แขนเรียวก็กอดกระชับเข้าหาตัวเองจนแน่น “หนาว...”
ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรีบขยับคว้าผ้าขนหนูที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ ยื่นให้หล่อนทันที เธอยื่นมือออกรับ สายตาจับจ้องมองผ้าขนหนูที่ถูกยื่นให้ตรงหน้าและขยับเลื่อนมองไต่ไปตามแขนแกร่ง จนเห็นใบหน้าคนที่ยื่นผ้าขนหนูให้ แล้วก้มมองดูตัวเอง ตากลมเบิกกว้างปากบางอ้าค้าง หันมองคนตรงหน้าอีกครั้ง
สายตาที่มองมามันแปลกไป วิรุจรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ตอบรับกับสายตาคมนั้น เท้าหนาขยับถอยหลังหนึ่งก้าว
“อ้ายยย...กรี๊ดดดด ไอ้บ้า!” เหมือนหล่อนจะรู้สึกตัวดีแล้ว วิรุจรีบถอยห่างตั้งหลัก แต่เสียงตวาดดังแสบแก้วหู ยากหลีกพ้น ผลที่ได้คือ...หูอื้อไปเต็มๆ
“ไอ้บ้า! นายทำอะไรของนาย...” เสียงแหลมเอ่ยถามเหมือนไม่รู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองทำอะไรไว้บ้าง ก่อนจะผุดลุกขึ้นคว้าผ้าขนหนูในมือหนาพันรอบกายทันที
“มันจะมากไปแล้ว คำก็ไอ้บ้า สองคำก็ไอ้บ้า รู้ไหมว่าไอ้บ้าคนนี้ไม่ทำอะไรก็บุญเท่าไหร่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยเน้นสีหน้าไม่พอใจ
นี่ละยามหล่อนมีสติก็กลายร่างเร็วจนเขาตั้งหลักไม่ทันและที่สำคัญเขาไม่ใช่คนบ้าที่ใครจะมาด่าได้...
“อะไร ทำอะไร!” ใบหน้าที่เริ่มปรับสภาพเป็นปกติแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง เมรีรู้ตัวดีว่าถึงจะแสดงออกว่าต้องการจะเอาชนะใจผู้ชายอย่างคุณใหญ่แค่ไหน แต่จะให้เธอปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักกันถึงขนาดนี้ มันไม่ใช่นิสัยของเธอแน่นอน...
“ก็ที่คุณด่าผม คุณคิดว่าผมทำอะไรคุณไปแล้วละ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมส่งสีหน้าหยันออกไป แววตาแข็งกร้าวมองคนร่วมห้องอย่างเอาเรื่อง
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้ แต่รู้ว่าตอนนี้ นายตายแน่” หล่อนไม่ได้ขู่ ยกขาเรียวงามออกจากอ่างน้ำทันที ชายหนุ่มถอยหลังตั้งหลักอีกหลายก้าว
“นายคิดจะหนีหรือไอ้บ้า...” เสียงแหลมตวาดอีกครั้ง พร้อมกำหมัดเรียวเล็กง้างขึ้นเหนือหัว
“หยุดเลยนะ ผมยอมให้คุณด่าว่าไอ้บ้าครั้งนี้ครั้งสุดท้าย หากคุณยังด่าผมอีก ผมไม่ไว้หน้าคุณแน่!” แววตาฉายชัดว่าที่พูดไปเขาทำได้จริงๆ ร่างบางหยุดชะงักหมัดที่ง้างยังค้างอยู่กลางอากาศ ความโมโหพุ่งปรี๊ด ไม่เคยมีใครกล้าสั่ง แม้แต่ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ปรนเปรอแค่เงินทองให้เธอใช้จ่ายจนไม่มีเวลาอยู่ดูแล จนเธอกลายเป็นคนเอาแต่ใจไม่ยอมใคร