Chapter 1
จุดเริ่มต้น (1)
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง…
"อุแว้ ๆ"
เสียงร้องไห้จ้าดังมาจากเตียงคนไข้ในห้อง ๆ หนึ่ง พิมพ์ลดายืนมองลูกน้อยที่กำลังชูแขนขาร่าดิ้นไปมา ขอบตาคู่สวยร้อนผ่าวน้ำตาไหลรินเมื่อมองพยาบาลที่พยายามจะเจาะเข็มน้ำเกลือลงบนหลังมือน้อย ๆ เท่าฝาหอย หล่อนเห็นพยาบาลแทงเข้าออกอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะหาเส้นเลือดไม่เจอ ประกอบกับเป็นเข็มแบบอ่อนจึงทำให้แทงเข้าผิวเนื้อได้ยาก ใจคอคนเป็นแม่แทบแตกสลายเพราะลูกน้อยตะเบ็งเสียงร้องไม่หยุด ร้องจนเหนื่อยหอบเสียงแหบแห้งแสนบีบหัวใจคนเป็นแม่ หากทำได้หล่อนอยากเดินเข้าไปบอกว่าให้พอเสียที คนมองใจจะขาดรอน ๆ เพราะความสงสารที่ลูกต้องมาเจ็บตัวเพราะการเลี้ยงดูของหล่อนเอง
หล่อนโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่ดีจนป่วยหนัก หากเป็นไปได้หล่อนจะขอให้ความเจ็บนั้นมาลงที่ตนทั้งหมด จากการวินิจฉัยของแพทย์ลูกของหล่อนเป็นโรคลำไส้อักเสบต้องนอนโรงพยาบาล นอกจากนพดลที่รู้ ตอนนี้หล่อนยังไม่ได้โทร.บอกใครในบ้านแม้สักคนเดียว
ไม่มีเวลาแม้จะโทร.หาติณณภพ เพราะมัววิ่งวุ่นเกี่ยวกับการจัดการเรื่องนอนโรงพยาบาล เสร็จเรื่องก็พบว่าลูกน้อยได้รับการให้น้ำเกลือเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างรอให้เจ้าหน้าที่พาไปตึกผู้ป่วยเด็กเพื่อรอเคลียร์เรื่องห้องพิเศษ ทุกสิ่งอย่างหล่อนต้องวิ่งวุ่นอยู่คนเดียวไร้เงาสามีเคียงข้าง แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้หล่อนสนใจเท่าความเป็นความตายของลูก โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อหาสามีจึงถูกซุกอยู่ก้นกระเป๋าสะพายโดยที่หล่อนไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาดู
+++++
รถคันหรูแล่นมาจอดอยู่หน้าอพาร์ตเม้นท์เล็ก ๆ ที่อยู่ในซอยเปลี่ยว แววตาเข้มมองสำรวจไปรอบ ๆ รวมทั้งสภาพโดยรวมของอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้ ก่อนจะเลื่อนมาหยุดนิ่งตรงใบหน้าของพิชญ์สินีที่ยังคงนั่งนิ่ง
"เอ่อ...มีอะไรเหรอคะบอส"
หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของใบหน้าคมคร้าม ก่อนก้มลงมองตัวเอง สายตาของเขาทำให้หล่อนเริ่มจะประหม่า
"แถวนี้มันไม่เหมาะกับเธอเลยนะปุ้ย ไม่มีที่อื่นที่มันดีกว่านี้เหรอ"
คนฟังยิ้มเฝื่อน ใบหน้าของหล่อนดูเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด
"จริง ๆ ปุ้ยก็อยากย้ายค่ะ แต่...เอ่อ...คือว่า…"
"ทำไมเหรอ บอกฉันสิ เธอติดขัดอะไร"
"ปุ้ยยังไม่พร้อมเรื่องเงินค่ะ เพราะทุกวันนี้ปุ้ยต้องส่งเงินให้แม่ด้วย ก็เลยคิดว่า…เรื่องที่อยู่อาศัยมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับปุ้ยในตอนนี้"
"แต่มันเปลี่ยวมากเลยนะ คนเราสมัยนี้น่ากลัว ไว้ใจใครไม่ได้หรอก"
พิชญ์สินีได้แต่ยิ้ม หล่อนเองก็ไม่รู้จะพูดกับคนตรงหน้าอย่างไรดี เรื่องค่าใช้จ่ายที่แทบชักหน้าไม่ถึงหลัง จะขอให้เขาขึ้นเงินเดือนให้ตนแบบซึ่ง ๆ หน้าน่ะเหรอ ใครจะกล้าพูดกับเจ้านายเรื่องนี้ หล่อนได้แต่คิดในใจ
ติณณภพทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง และก่อนที่อีกฝ่ายจะลงจากรถ เขาก็เอ่ยขึ้นมา
"ฉันมีเพื่อนที่ปล่อยคอนโดให้เช่าอยู่หลายคน เธอสนใจมั้ย"
"คอนโดเหรอคะ...ค่าเช่ามันคงต้องแพงมาก ๆ เลย"
"มีหลายเกรด ค่าเช่าก็ต่างกันไป ฉันจะลองถามให้เอามั้ย เผื่อเธอจะได้ราคาพิเศษ"
"คุณติณห์จะหาให้ปุ้ยเหรอคะ"
"อืม...ฉันคิดว่าที่นี่มันอันตรายเกินไป ไม่เหมาะกับผู้หญิงแบบเธอหรอก"
"ขอบคุณนะคะที่มีน้ำใจกับปุ้ย ปุ้ยสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้คุณเป็นอย่างดีที่สุดเลยค่ะ"
แววตาสองคู่สบประสาน ก่อนที่พิชญ์สินีจะเป็นฝ่ายหลุบตาหนียิ้มเอียงอาย ไม่รู้เป็นอะไร ลึก ๆ ลงไปแล้วหล่อนไม่อยากให้ติณณภพกลับไปตอนนี้
"คุณติณห์...เอ่อ...จะ...ดื่มอะไรต่ออีกสักแก้วมั้ยคะ"
เขายิ้มอย่างไว้เชิง หากแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจากนพดล…คุยกับปลายสายได้สักพักสีหน้าของติณณภพก็เปลี่ยนไป
"รีบเขาบ้านเถอะปุ้ย พอดีฉันต้องกลับบ้านแล้วน่ะ"
เขาบอกหล่อนหลังจากวางสาย พิชญ์สินียิ้มเจื่อนหากแต่ก็ยอมลงจากรถโดยไม่อิดออด อดคิดเปรียบเทียบตัวเองไม่ได้ว่าท้ายที่สุดก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะเทียบเท่าเมียที่บ้านของเขา...ติณณภพรอจนอีกฝ่ายเข้าไปข้างในแล้วเขาจึงเหยียบคันเร่งขับรถออกจากซอย จุดหมายคือโรงพยาบาลที่นพดลบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้…
+++++
"พิมพ์..."
น้ำเสียงนั้นฟังดูร้อนรน พิมพ์ลดาหันไปมองก็เห็นร่างสูงก้าวเร็ว ๆ เข้ามาหา สีหน้าเขาดูวิตกกังวลจนสังเกตได้
"พี่ติณห์..."
หล่อนน้ำตารื้น โผเข้าไปกอดสามีเอาไว้เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง วงแขนกว้างที่กอดตอบทำให้หล่อนหายกลัว มือใหญ่ลูบแผ่นหลังของหล่อนขึ้นลงเพื่อปลอบประโลม
"พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ของพิมพ์"
"ไม่เป็นไรค่ะ พิมพ์เข้าใจงานของพี่ติณห์"
"แล้วลูกของเราเป็นยังไงบ้าง"
ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดออก ก่อนจะหันไปทางเตียงที่ทารกน้อยนอนให้น้ำเกลืออยู่ เขาโน้มกายลงไปหาร่างนั้น มือใหญ่ลูบเบา ๆ ลงบนศีรษะเล็ก จูบซับลงบนหน้าผากน้อย ๆ ด้วยความรัก
"หมอบอกว่าตั้งโอ๋เป็นลำไส้อักเสบ ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาค่ะ"
“ไม่เป็นไรนะครับ สาวน้อยของป๊าเก่งอยู่แล้ว”
ติณณภพมองไปยังหลังมือน้อย ๆ ที่ถูกเข็มปักคาไว้ ต่อกับสายระโยงระยางไปถึงกระปุกน้ำเกลือที่ปรับให้หยดลงมาทีละนิด เขาใจหายไม่น้อย เพราะลูกของเขายังเล็กเกินไปที่จะมาเจออะไรแบบนี้ ดูขนาดเข็มแล้วเขานึกเจ็บแทนขึ้นมาทันที
"แล้วพิมพ์ติดต่อห้องพิเศษไว้หรือยัง"
"ได้แล้วค่ะ แต่ต้องรอย้ายพรุ่งนี้"
"อืม..."
"พี่ติณห์กลับบ้านไปนอนก็ได้นะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก ไม่ต้องห่วงทางนี้เดี๋ยวพิมพ์ดูแลเอง"
พิมพ์ลดาบีบมือสามีเอาไว้ ไออุ่นที่แผ่ซ่านมันทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใต้ปีกของเขา เขาเป็นผู้ชายที่หล่อนรักมากเพราะเขาคือรักแรก และหล่อนก็มั่นใจว่าเขาเองก็รักหล่อนกับลูกมากเช่นกัน จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าติณณภพจะไปไหนทำอะไร หล่อนไม่เคยต้องหวาดระแวงและคิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับงานของเขา นั่นเป็นเพราะความเชื่อใจหล่อนมีให้กับเขาซึ่งเป็นพ่อของลูกนั่นเอง