EP06.1 ll หยก [1]

1426 Words
“สัสเอ๊ย เป็นเหี้ยไรกันมากปะวะ ก็แค่แดกข้าวอ่ะ ทำไมพวกมึงจะต้องทะเลาะกันด้วย อยากไปแดกที่ไหนก็เชิญพวกมึงไปเลย กูไม่แดกละ!!!!” ... .. . ประโยคด้านบนเป็นประโยคสมมติ... ...โอเค สถานการณ์นี้ คนอย่างผมจะทำอะไรได้นอกจากยืนกุมขมับและถอนหายใจแล้วหายใจอีก แม้ใจจริงอยากจะพูดอย่างที่คิดมากเพียงไร ผมก็ต้องอดทนไว้ เพราะถ้าไอ้ปืนไม่ทน ไอ้ยิมไม่ทน และผมก็ยังไม่ทน กลุ่มผมจะต้องแตกและแหลกเป็นเม็ดทราย “เอางี้ ในเมื่อไอ้ปืนอยากแดกร้านข้างนอกที่มีสารอาหารที่ดีต่อสมองของมัน ส่วนไอ้ยิมก็ขี้คร้านจะเดินไปเลยจะแดก ณ โรงอาหาร อย่างนั้นกูจะกดแอพลิเคชั่นเรียกไลน์แมนให้ไปซื้ออาหารร้านที่ไอ้ปืนอยากกินมาส่งในโรงอาหารที่ไอ้ยิมอยากนั่ง โอเคมั้ย…. โอเคนะ จบ ใครเถียงกูอีก ไม่ต้องแดก” ผมแก้ปัญหาแบบวินวินกันทั้งสองฝ่ายและไม่เปิดโอกาสให้ใครเถียงกันอีก และสำหรับที่ใครไม่รู้ว่าไลน์แมนคืออะไร ไลน์แมนคือบริการที่รับฝากซื้ออาหาร ของสะดวกซื้อบลาๆ ด้วยการกดแค่คลิกสองคลิกในมือถือ ชีวิตคุณจะง่ายขึ้นอีกมาก นี่ไม่ใช่คนโฆษณาแต่ว่าเป็นผู้ใช้จริง “เหยดดดด มึงแม่งโคตรฉลาดเลยว่ะยีนส์” ไอ้ปืนเบิกตาโตพร้อมปรบมือแปะๆ ผมไหวไหล่เล็กน้อย “กูไม่ได้ฉลาดหรอก แต่มึงโง่ 55555555+” ผมหัวเราะเป็นวรรคเป็นเวรก่อนที่ไอ้ปืนจะทำท่าเงื้อมือจะฟาดหัวผมอย่างหมั่นไส้ หากแต่องครักษ์ฝั่งซ้ายของผมอย่างไอ้ยิมก็คว้ามือไอ้ปืนไว้ก่อน “มึงจะตีหัวใครวะปืน จะทำเพื่อนกูเหรอ เดี๋ยวโดน” “แหม ปกป้องกันขนาดนี้ ไปแต่งงานกันเลยป้ะ กูจะจัดขันหมากให้” ไอ้ปืนว่าก่อนที่ไอ้ยิมจะไหวไหล่แล้วชายสายตาลงมาทางผม “ถามไอ้ยีนส์ดิ กูไงก็ได้” “ถามอะไรกูวะ” ผมงงว่าแม่งพูดเรื่องเหี้ยไรกัน ฟังดูไม่เห็นแก่นสารของเรื่อง ผมเลยเปลี่ยนประเด็น “หาที่นั่งเหอะ จะได้กดสั่งอาหารกันไง จะได้กินให้จบๆ แล้วไปเรียน” ผมเดินไปหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ตอนแรกจะพากันไปที่โรงอาหารแต่เปลี่ยนใจนั่งรอที่ซุ้มคณะแทน ไอ้ปืน ไอ้ยิมและผมเลือกอาหารที่เราอยากกินก่อนจะนั่งรอได้ครู่ใหญ่ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับมาจอดก่อนคนขับจะกระโดดลงมาจากรถและชะเง้อชะแง้ ผมก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนส่งอาหารของพวกผม “พี่ ใช่ไลน์แมนปะ?” ผมเดินลงไปรับคนมาใหม่ที่อยู่ในชุดและหมวกกันน็อกสีเขียว คนตัวสูงราวๆ ผมเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเปิดหมวกกันน็อกนั่นออกมาเผยใบหน้าขาวเนียนที่แสนจะคุ้นตา “ไอ้ยีนส์?” นอกจากหน้าจะคุ้น เสียงยังคุ้น บุคลิกก็คล้าย ริมฝีปากมันก็ใช่ หรือว่า... “ไอ้เหี้ยหยก…?” ผมย่นคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์ เผลอผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนึงจะโคจรกลับมาเจอมัน สำหรับคนตรงหน้า มันคือไอ้เหี้ยหยก ผมไม่เคยเรียกหยกเฉยๆ ถ้าเรียกชื่อมันจะต้องมีคำสร้อยว่าไอ้เหี้ยหยกอยู่ทุกครั้งให้สมกับความประสาทของมัน ความสัมพันธ์ของพวกเราคือเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยม เป็นศัตรูที่เกือบต่อยกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรืออาจจะเป็นแม้กระทั่งแฟนเก่า.... ที่เราไม่ควรจะเจอกัน แหม สงสัยช่วงนี้ผมจะดวงตกซะละมั้ง ถึงได้วนมาเจอหน้ามันได้ทั้งที่ไม่เจอมาตั้งเป็นชาติ! ทฤษฎีโลกกลมใช้ได้ผลดีเสมอโดยเฉพาะกับคนที่ไม่อยากเจอเนี่ย!! “แหม ทำไมเรียกกูอย่างนั้นละยีนส์ เรียกกูไม่สมกับความสนิทที่เราเคยมีเลยนะ” ไอ้เหี้ยหยกว่าพลางขยิบตาที่ทำให้ผมขนลุก แหมะ ถามกูก่อนว่าตอนนี้อยากสนิทด้วยมั้ยเนี่ย... ว่ากันว่าคนเราจะเคยมีชีวิตที่ผิดพลาดมาบ้างอย่างน้อยครั้งนึง และความผิดพลาดของผมก็คือมันเนี่ยแหละ “ละสั่งมากินกับใครเยอะแยะขนาดนี้ เพื่อนเหรอ เพื่อนอยู่ไหน กูจะได้ไปแนะนำตัวให้เขาเห็นหน้าค่าตา” “ไม่ต้องหรอก มึงไปทำงานของมึงเหอะ” ผมยกมือเบรก ไม่คิดจะต้อนรับให้ไอ้หยกเข้ามาป่วนพวกเรา มันไม่ยอมแพ้และถอดเสื้อคลุมสีเขียวกับหมวกกันน็อกนั่นออก พลางหยิบอาหารออกมา “แหม ไม่ต้องเขินหรอก กูรู้ว่ามึงอยากให้กูนั่งแดกด้วย” เหรอวะ กูไม่รู้ด้วยเลยว่าอยากทำอย่างนั้น -*- “อะไรวะยีนส์” ไอ้ปืนย่นคิ้วแล้วทำท่าจะเดินมาทางพวกผม ก่อนที่ไอ้หยกจะโค้งตัวเว่อร์วังต้อนรับไอ้ปืนพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกไปถึงหู “สวัสดี เราเพื่อนสนิทยีนส์สมัยมัธยม ชื่อหยก” มันแนะนำตัวพร้อมแต่งตั้งตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของผม ทั้งที่ผมไม่ได้อยากจะสนิทด้วย ผมถอนหายใจเพราะจากการที่รู้จักไอ้เหี้ยหยกมานาน ผมก็พอจะรู้ว่าต่อให้เอาข้าวสารเสกมาไล่มันก็ไม่ไป มันเฮี้ยนยิ่งกว่าผีนางนากซะอีก “เพื่อนไอ้ยีนส์เหรอ... เออ มึงไม่ต้องพูดเพราะมากก็ได้ กูชื่อปืน” “แหมๆ ชื่อฟังดูเพราะ” “แน่นอน” ไอ้ปืนยิ้มก่อนจะตีหน้าอกตัวเองด้วยท่าทีพราวเล็กน้อยและชะงักในวินาทีต่อมา “เพราะอะไรแม่ถึงตั้ง” นั่นงะ ผมว่าแล้ว คนผีๆ อย่างไอ้เหี้ยหยก เหี้ยจริงไม่อิงตลกด้วย “พูดดีนะเราอ่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว มานั่งกินด้วยกันก่อนเปล่า” ไอ้ปืนหัวเราะตาหยีแล้วโบกมือเรียกไอ้หยกเข้าไปหาก่อนจะโอบไหล่คนตัวเล็กกว่า “ข้าวอะเหรอ” “ตีนกูเนี่ย สัสสส” “โอ๊ย พวกมึงเล่นเหี้ยไรกันวะ รีบๆ มานั่ง มาแดกเหอะ ด่ากันอยู่นั่น” ไอ้ยิมส่ายหัวละเหี่ยใจในความกวนตีนของไอ้ปืนและไอ้เหี้ยหยก สุดท้าย ความหน้าด้านหน้าทนของไอ้เหี้ยหยกก็ทำให้มันเสล่อมานั่งกับพวกผมอย่างไม่สนอันใด ทั้งยังบังอาจหย่อนก้นลงมานั่งเบียดผมอีกด้วย “แล้วพ่อหนุ่มขี้ดุคนนี้ชื่ออะไรเนี่ย จะไม่แนะนำตัวกันหน่อยเหรอ กูชื่อหยกนะ” “กูยิม... ยินดีที่ได้รู้จัก มึงเป็นเพื่อนยีนส์เหรอ?” ไอ้ยิมตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ สไตล์มัน พยายามจะฉีกยิ้มให้เป็นมิตรแต่ดูเป็นรอยยิ้มแหยๆ ซะมากกว่า ในขณะที่ไอ้ปืนกำลังพยายามจะแจกจานพลาสติกให้พวกเราทุกคน “อันที่จริง ความสัมพันธ์ระหว่างกูกับยีนส์ก็ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องอธิบายยาก” “ดังนั้นไม่ต้องอธิบายจะดีกว่า... นะ” ผมสรุปรวบรัดตัดบทมันเอาดื้อๆ ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไก่ยัดปากมันหนึ่งชิ้นด้วยความหงุดหงิด “เรามีเวลานั่งกินไม่นาน ฉะนั้นรีบๆ กินแล้วขึ้นไปเรียนเถอะ” อันที่จริง ผมก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจใฝ่เรียนรู้ขนาดนั้นหรอก ผมแค่รำคาญไอ้เหี้ยหยกที่ตั้งแต่มาก็พล่ามไร้สาระไม่เลิก น่าจะจับไปอยู่กับไอ้ปืนสักอาทิตย์ มันจะได้ผลัดกันพล่ามซะให้พอ! ไอ้เหี้ยหยกรีบเคี้ยวแล้วหันมาตอบโต้ผมด้วยใบหน้าไม่พอใจนัก “ไรวะ มึงจะไม่อยู่คุยกับกูก่อนเหรอ คำว่าเพื่อนสำหรับมึงมันไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย เรื่องในอดีตเรามันเก่าเกินไปแล้วใช่หรือไม่” “เหี้ยไรของมึงวะหยก เพ้อเจ้อสัส” เอามันไปเก็บที ไอ้บ้านี่ประสาทขึ้นทุกวัน “กูก็แค่เสียใจอ่ะที่มึงไม่นึกถึงความรักที่เราเคยมีให้กัน แม้มันจะเป็นอดีต มันก็เป็นอดีตที่สวยงาม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD