"ได้เวลาเข้านอนแล้วนะครับคุณหนู"
เสียงเรียกจากหนุ่มหล่อที่มีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยให้กับเธอดังขึ้นเมื่อนี่เป็นค่ำคืนแรกที่เธอจะต้องเข้านอนเพียงคนเดียวตามคำขอเชิงบังคับของผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเธอที่ต้องการจะผลักดันให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่และสามารถช่วยเหลือดูแลตัวเองได้
"พี่เอดานอุ้มลูกจันทร์ไปหน่อยสิคะ"
เด็กสาววัยสามขวบเงยหน้าขึ้นจากหนังสือนิทานที่เธอยังอ่านไม่ออกด้วยซ้ำไปอาศัยแต่ดูรูปภาพสีสันสดใส เธออ้าแขนกว้างให้เขาพาเธอไปยังเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความออดอ้อนตามประสา
"ครับ"
เด็กสาวถูกอุ้มขึ้นทำท่าเหมือนจะถูกโยนกรีดร้องหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอน ลูกจันทร์มองชายตรงหน้าเธอด้วยความปรารถนาเกินเด็กเธออยากให้เขามาพาเข้านอนแบบนี้ทุกวันมันอบอุ่นหัวใจยังไงก็ไม่รู้
แต่หน้าที่บอดี้การ์ดไม่ได้จบเพียงแค่นั้นเอดานยังต้องเล่านิทานที่ไม่ใช่งานถนัดต่ออีกสองสามเรื่องเด็กตัวน้อยถึงยอมนอนและเขาก็ได้กลับออกไป
เหตุการณ์แบบนี้วนเวียนอยู่เป็นปีลูกจันทร์ถึงหายหวาดกลัวการเข้านอนเพียงคนเดียวและยอมเข้านอนเองโดยไม่ต้องมีเอดานมาส่งเข้านอน
"พี่เอดาน"
อีกอย่างที่เด็กวัยสามขวบทำทุกวันคือการยื่นจานขนมที่เธอชอบกินให้กับเขาหลังอาหารเช้า อาจจะดูขัดใจพ่อเลี้ยงของเธอไปหน่อยแต่มีแม่เลี้ยงคอยให้ท้ายเธอก็เลยกล้าทำแต่เหตุการณ์นี้ไม่เคยมีวันหยุดพักเพราะเธอทำมันทุกวัน ก็ของอร่อยเธอชอบกินก็อยากให้เขากินด้วยถึงจะเอามาจากเตาอบในครัวเดียวกันที่เขาเข้าไปกินข้าวทุกวันก็ตาม
"ครับ"
บอดี้การ์ดก็มีหน้าที่โค้งคำนับรับทุกอย่างจากเจ้านายแต่คนอย่างเขาไม่เคยชอบขนมแต่คุณหนูให้มาเขาก็ต้องรับไว้และแอบเอาไปคืนในครัวทุกวัน คนมันไม่ชอบกินจะบังคับกันได้ยังไงและถ้าเขากินทุกวันป่านนี้คงเป็นเบาหวานไปแล้วก็แต่ละชนิดที่เธอจัดมาในจานส่วนมากมีแต่ช็อกโกแลต
"เอาขนมมาเก็บให้คุณหนูเหรอเอดาน ใส่ตู้เย็นเอาไว้เลยเธอชอบมาเปิดกินตอนบ่ายๆ "
ร่างใหญ่ทำเหมือนทุกวันที่ได้รับขนม เขาจะหยิบกล่องกระดาษสำหรับใส่ขนมขึ้นมาแล้วนำของในจานใส่ลงไปปิดกล่องให้เรียบร้อยนำไปแช่เย็นเอาไว้เดี๋ยวพอตกบ่ายก็จะมีเด็กหญิงที่เล่นจนหิวโซวิ่งมาหยิบกินโดยไม่รู้ว่านั้นคือของที่ตัวเองให้คนอื่นไปแล้วมันอาจดูไม่ดีในสายตาคนอื่นถ้ามีใครรู้เข้าแต่สำหรับเขานี้คือการทำดีที่สุดสำหรับเด็กอายุคราวลูกคนนั้นดีกว่าเอาไปทิ้งหรือถ้าเอาไปให้คนอื่นก็คงเกิดเรื่องตามมาอีก
"พี่เอดานค่ะ แวะร้านหลังสือด้วยนะ"
เด็กสาวที่ขยับอายุขึ้นมาในอีกเจ็ดปีเดินร่างท้วมขึ้นรถหลังจากเลิกเรียนแล้ว ในมือยังมีแต่ของกินที่ห่อมาจากบ้านคิดดูว่ามากมายขนาดไหนจนกินไปแล้วตั้งมากยังเหลือถึงตอนนี้ได้
พอขึ้นรถได้ปากก็เคี้ยวด้วยความหิวและก็พูดไปด้วยจนฟังแทบไม่รู้เรื่องแต่ถึงอย่างนั้นเอดานที่ดูแลเธอมาจนเข้าปีที่เจ็ดก็เข้าใจดีว่าคุณหนูร่างตุ๋ยนุ๋ยพูดว่าอะไร
"ครับ"
อาทิตย์ละสามสี่วันที่เขาจะต้องแวะไปที่นั่นพร้อมกับจะต้องหอบหนังสือกองโตกลับมา หนังสือที่จะต้องทำให้เขาคอแห้งแล้วคอแห้งอีกด้วยการอ่านมันในอารมณ์ที่แสนจะน่าเบื่อจับปืนไล่ยิงคนยังจะดีกว่านี้เป็นร้อยเท่า
"วันนี้มีนิทานออกใหม่"
เธอชอบฟังเขาเล่านิทานถึงจะไม่ได้เล่าก่อนนอนแล้วแต่ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาก็ยังมีหน้าที่เล่านิทานให้เธอฟังไม่เช่นนั้นเธอจะไม่ยอมทำการบ้านและวันนี้คอลเลคชั่นการ์ตูนชุดโปรดของเธอก็ออกวางจำหน่ายชุดใหม่ต้องรีบไปคว้าเอาไว้ในครอบครองและต้องให้เขาอ่านให้ฟังซักตอนสองตอนก่อนทำการบ้าน
"แต่เราแวะไปกินพิซซ่ากันก่อนนะคะ"
เธอมีทั้งบอดี้การ์ดและคนขับรถส่วนตัวและตอนนี้เด็กสาวที่หนักอึ้งไปทั้งตัวก็ปีนข้ามเบาะมานั่งบนตักบอดี้การ์ดเรียบร้อยแล้วก็เขาถามคำตอบคำไม่เหมือนเพื่อนในห้องเรียนของเธอเลยที่พูดจนฟังไม่ไหวเธอก็เลยอยากจะมาดูว่าเขาทำอะไรเฉยๆ ถึงไม่ยอมพูดกับเธอ
เขาได้แต่นั่งนิ่งให้เด็กน้อยกินขนมไปด้วยนั่งไปด้วยอยู่บนตักถึงจะหนักไปหน่อยก็ตาม ก็ช่วยไม่ได้คุณหนูกินเก่งไปนิดไม่แปลกที่น้ำหนักจะพุ่งทะลุเกณฑ์เกินเด็กทั่วไปแบบนี้
เมื่อถึงห้างดังกลางเมืองที่เป็นของตระกูลราเซลูกจันทร์ก็ทำบอดี้การ์ดปวดหัวอีกครั้งเพราะเธอรีบวิ่งไปร้านพิซซ่าเจ้าประจำไม่สนใจใครและเข้าไปสั่งเมนูแสนชอบก่อนจะนั่งกินอย่างสบายใจจนเสื้อผ้าเลอะเทอะไปทั้งตัวทำให้เอดานต้องวุ่นอีกรอบเพราะต้องพาคุณหนูลูกจันทร์ไปล้างเนื้อล้างตัวจากซอสต่างๆ ก่อนจะพาไปร้านหนังสือ
"ขอโทษนะคะช่วยหยิบหนังสือตรงนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ"
"อ้อครับ"
หลังจากส่งคุณหนูลูกจันทร์กินพิซซ่าเรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมานั่งเฝ้าเด็กสาวตรงแผนกหนังสือนิทานและนี้ก็นานเกือบชั่วโมงที่เขาติกเง๊กอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังมีมารมาผจญชีวิตเขาอีกด้วยการขอให้เขาเอื้อมไปหยิบหนังสือไร้สาระอีกเล่มลงมา
"ขอโทษด้วยนะคะ หนังสือหมดร้านนี้ลูกจันทร์จองแล้ว"
ยังไม่มีใครได้ขยับตัวไปไหนเสียงของเด็กวัยสิบขวบที่กำลังเลือกหนังสือนิทานใส่ตะกร้าก็ดังขึ้น ด้วยความที่เธอรูปร่างใหญ่น้ำเสียงที่ออกมาเลยกังวานได้ยินกันทั้งร้านจนมีหลานคนถึงกับวางหนังสือในมือกลับคืนที่ชั้นวางแล้วเดินจากไปเพราะต่างรู้กันดีว่าเด็กตัวน้อยที่มาที่นี้เป็นประจำเป็นลูกสาวมาเฟีย
แต่ไม่ว่าใครจะเคลื่อนตัวไหนขยับไปไหนแต่สาวน้อยลูกจันทร์กลับยืนขึ้นจ้องหน้าผู้หญิงที่กล้ามาใช้บอดี้การ์ดของเธอหยิบนู้นหยิบนี้อย่างเอาแต่ใจทั้งที่เขาเป็นคนของเธอห้ามใครมาแตะต้อง เขาหยิบหนังสือให้เธอได้คนเดียวเท่านั้น
อีกคนที่เพิ่งมาใหม่มองคุณหนูที่กำลังอวดรวยด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะเธอเองก็รวยเหมือนกันเดี๋ยวจะเหมาของทั้งห้างเกทับเด็กคนนี้เลยคอยดูรวมถึงบอดี้การ์ดคนนี้ด้วยเธอจะซื้อตัวมาเป็นของเธอสะ
"ถอยไป ที่นี่ลูกจันทร์ซื้อแล้ว"
เด็กสิบขวบที่ใครจะคิดว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาวันนี้ไม่มีแม่แคทมาคอยกำราบเธอก็ไม่กลัว ไม่มีใครมาคอยดุคอยว่าจะจัดการผู้หญิงคนนี้ให้ยอมแพ้ถอยกลับบ้านไปเลย
และเด็กตัวอ้วนที่กำลังถูกผู้หญิงคนนั้นดูถูกทางสายตาปรามาสว่าเธออ้วนน่าเกลียดก็เป็นผู้ชนะ การ์ดของห้างมาเชิญตัวผู้หญิงที่กล้ามีเรื่องกับหลานเจ้าของห้างออกไปและสั่งห้ามไม่ให้เข้าห้างนี้ในวันที่ลูกจันทร์มาอีกตลอดชีวิตโดนคำสั่งนี้มาจากปากเจ้าของห้างอย่างแมกซ์แวลล์
"ขอบคุณคุณตามากนะคะ"
ลูกจันทร์ที่กำลังนั่งกินไอศกรีมย้อมใจโดยมีเจ้าภาพเป็นแมกซ์แวลล์เจ้าของห้างที่มาตรวจตราดูธุรกิจก่อนจะกลับบ้าน เธอรู้สึกโชคดีที่จะไม่ต้องเสียเอดานไปและก็ชนะยายนางมารนั้นด้วย
เขาไม่ได้จะเข้าข้างเด็กน้อยนี่หรอกนะแต่เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกจันทร์ทำเอาเข้าใจอ่อนตัดสินใจอะไรผิดๆ ไปนิดๆ หน่อยๆ แค่เข้าข้างเด็กแบบผิดๆ และอาจเสียนิสัยได้แต่มันจะไม่เป็นอะไรถ้าเมียเขาไม่รู้
ความลับมันไม่มีในโลกทันทีที่ลูกจันทร์กลับถึงบ้านเธอก็โดนเรียกเข้ามานั่งคุยในห้องทำงานของป๊ะป๊าพร้อมกับแม่แคท
บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมเหมือนจะเงียบแต่มีพลังงานด้านลบที่น่ากลัวสำหรับเด็กสิบขวบแฝงอยู่เต็มห้อง
"รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ทำผิด"
แคทธารีนถือไม้เรียวอันจิ๋วที่หักมาจากกิ่งไม้หน้าบ้านขยับไปมาอยู่บนมืออีกด้านที่ว่างอยู่ สายตาจ้องมองลูกตัวจ้ำม้ำที่เดินก้มหน้าเข้ามานั่งลงตรงที่ประจำ กว่าเธอจะตามตัวลูกจันทร์มาได้สาวน้อยก็บ่ายเบี่ยงหลายตลบเกินเด็กสิบขวบไม่รู้ว่าไปได้ตัวอย่างมาจากไหน
"รู้ค่ะ"
ลูกจันทร์ก้มหน้านิ่งพร้อมกับน้ำตาที่เตรียมจะไหล เธอกลัวไม้เรียวที่แม่แคทถือถึงจะไม่เคยโดนตีจริงๆ เลยก็ตามแต่ก็เคยได้ยินสาวๆ ในครัวคุยกันว่าใครที่โดนตีด้วยไม้แบบนี้จะเจ็บมากจนแทบทนไม่ไหว
"แคทอย่าดุลูกสิ ลูกจันทร์มาหาป๊ะป๊ามา"
มอร์แกนทนมองลูกสาวคนโตของเขาที่กำลังจะร้องไห้ไม่ได้ถึงจะรู้ว่าลูกผิดแต่ยังไงลูกจันทร์ก็แค่สิบขวบอาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้เพราะว่ายังเด็กเดี๋ยวโตขึ้นก็คงจะดีเอง
"ลูกจันทร์แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับลูกจันทร์และพี่เอดาน"
ลูกจันทร์ถูกป๊ะป๊าที่อุ้มเธอเกือบไม่ไหวแต่ก็อุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนตักและกอดเอาไว้แน่น เธอรีบหันหน้าไปซบกับอกของป๊ะป๊าเพื่อเช็ดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ได้สำนึกผิดแต่กลัวไม้เรียวจนพูดออกมาแบบเด็กๆ
"แคทพี่ว่าเราค่อยๆ คุยกับลูกจันทร์ดีกว่านะ ดูสิลูกกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว"
แคทธารีนไม่เคยอบรมลูกสาวของเธอสำเร็จเลยเพราะมอร์แกนขัดเธอได้ตลอด เขาเข้าข้างลูกทุกคนไม่ว่าลูกจะทำผิดแค่ไหนสามีคนนี้ของเธอจะเห็นว่าถูกไปหมดสะทุกเรื่องโดนเฉพาะเรื่องที่ได้ใช้อำนาจด้านมืดๆ ที่ได้รับมาจากพ่ออย่างเขาที่เป็นมาเฟีย