เรื่อง : ซ้อนกลรัก
ตอนที่ 6 #เกมเริ่มต้นขึ้นแล้ว (25%)
โดย : Kwitch (เขียนเป็นภาษาไทยว่า กวิชญ์ (อ่านว่า กะ-วิช (ออกเสียง “เฉอะ”)))
หญิงสาวยกมุมปากขึ้นยิ้มหวานละมุนละไมแผ่ลามไปถึงดวงตาขณะเอ่ยเรียบ ๆ ‘ขอบคุณที่มาส่งนะกันต์’
ชายหนุ่มพยักหน้า ‘ไม่เป็นไรครับ’ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายแววสับสนราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ‘เอิ่ม! ดีใจที่ได้เจอกันนะใบบัว’
ดวงหน้าน้อย ๆ ของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน แถมหัวใจก็ยังเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ แต่ถึงกระนั้นเธอก็พยายามเก็บอาการในขณะที่หันไปมองเขาแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นปกติ ‘เราก็ดีใจเหมือนกันจ้ะ...แล้วเจอกันใหม่นะ’
หญิงสาวเปิดประตูรถและรีบก้าวลงจากรถของเขา เนื่องจากเกรงว่าถ้าอยู่นานกว่านี้ ความหวั่นไหวที่มันได้ถูกปิดตายมานานแล้วนั้น จะถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเปิดในครั้งนี้ อาจจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอมากกว่าครั้งก่อนก็เป็นได้ เจ้าหล่อนเร่งฝีเท้าก้าวเข้าบ้าน เพราะใจนั้นอยากจะสะสางกับต้นตอของเรื่องราวในวันนี้เสียเต็มประดา ทันทีที่เดินขึ้นไปถึงห้องนอน เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันที เพื่อต่อสายถึงใครบางคน ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าปลายสายนั้นจะเป็นใครไปได้ นอกจาก
‘ยัยคี!...เธออยู่ไหนเนี่ย’
‘เรายังอยู่ข้างนอกอยู่เลย...แต่กำลังจะกลับบ้านแล้ว’
‘นี่! ยัยตัวแสบ...ไปรู้จักกับกันต์ได้ยังไงเนี่ย’
‘เรื่องมันค่อนข้างแปลกประหลาดน่ะ’ น้ำเสียงทางปลายสายแฝงความเบื่อหน่ายอยู่ในที
‘แปลกยังไง’
‘ก็แบบ...เฮ้อ!...เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหนเลยอะ’
‘เล่ามา’ น้ำเสียงคาดคั้นและเปี่ยมไปด้วยความเฉียบขาดจริงจัง
‘อยู่ดี ๆ คุณย่าของเรา ก็อยากจะให้เราหมั้น’ คีตาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบ
‘เอ๊ย! จริงเหรอ...แล้วคีจะหมั้นกับใคร’
‘กะ...ก็...เอ่อ...ยังไงดีนะ!’
หญิงสาวเดินวนไปวนมาในห้องนอนด้วยความกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจแทนคีตา ‘อะไร...ยังไง...รีบบอกมา...นี่เราตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย’
‘ไม่รู้ว่าคุณย่าของเราไปรู้จักกับตากันต์ได้ยังไงน่ะสิ’ ความกังวลเจือปนอยู่ในน้ำเสียงของคีตา
‘หืม! แล้วเกี่ยวอะไรกับกันต์’
‘ก็...เอิ่ม...คุณย่าจะให้เราหมั้นกับตากันต์’
‘ฮะ! อะไรนะ...ว่ายังไงนะ’
‘เราบอกว่า...คุณย่าจะให้เราหมั้นกับตากันต์...แต่ใบบัวไม่ต้องห่วงหรอกนะ...เราไม่หมั้นหรอก’ แม้จะตอบมาอย่างมั่นใจแต่น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความกังวลอยู่ไม่น้อย
‘แล้วคีจะทำยังไงอะ’
‘ยังไม่รู้เลย...แต่ใบบัวน่าจะช่วยเราได้นะ...ใช่มั้ย’
‘ก็ไม่รู้สินะ’ เพื่อนสาวมีน้ำเสียงลังเล
‘ใบบัว...เราจริงจังเลยนะ...ใบบัวยังชอบตากันต์อยู่มั้ย’
เพื่อนสาวของคีตาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยคำตอบให้กับปลายสาย ‘เอิ่ม!...ไม่รู้สิ...เรื่องมันก็นานมาก จนเราเกือบจะลืมไปหมดแล้ว’ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความลังเล อาจเป็นเพราะหล่อนก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตนเองในขณะนี้เช่นกัน
‘เราเข้าใจ’
‘ตกลงคีจะเอายังไงต่อไป’
‘ก็ปฏิเสธไปก่อนแหละ...แล้วก็คงไปถามเหตุผลที่แท้จริงกับคุณย่าอะ...จากนี้ค่อยมาคิดต่อว่าจะทำยังไงดี’
‘มีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะคี’
‘จ้ะ..ขอบคุณมาก’
หญิงสาวมองพาดผ่านยาวออกไปนอกหน้าต่าง พลันครุ่นคิดถึงคีตาเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา หล่อนสงสัยปนสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้รับรู้ในวันนี้ ทำไมคีตาถึงจะหมั้นกับกันตภัทร์ มันช่างดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เอาเสียเลย ไม่ว่าจะคิดยังไง หญิงสาวก็ยังหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอ หล่อนนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของกันตภัทร์ แล้วกลับมาทบทวนความรู้สึกของตัวเอง หล่อนพยายามคิดหาคำตอบ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะได้คำตอบที่เที่ยงตรงและแม่นยำได้ในตอนนี้ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้เครื่องอะไรมาวัดได้ แม้แต่ตัวเจ้าหล่อนเอง ซึ่งเป็นเจ้าของความรู้สึก ก็ยังคงไม่มั่นใจในสิ่งที่แสดงผลอยู่ในตอนนี้นัก
.....
ณ บ้านของคีตา
คีตาเปิดประตูบ้านเข้ามาด้วยหน้าตาที่ไม่สดใสนัก เพราะในหัวของเจ้าหล่อนในตอนนี้มีแต่เรื่องของชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้น เธอพยายามคิดหาวิธีที่จะจบเรื่องนี้ได้ให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงคิดไม่ออก สุดท้ายแล้ว เธอตัดสินใจกลับมาหาเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งเธอก็ได้เจอกับเจ้าของเหตุนั้นพอดี
‘กลับมาแล้วเหรอลูก’ ณปภัชเอ่ยถามเรียบ ๆ ผ่านรอยยิ้มละไม
‘ค่ะ’
‘เป็นยังไงบ้าง’ ดวงตาของณปภัชฉายแววอยากรู้อยากเห็นวูบหนึ่ง
‘ก็ไม่เป็นยังไงหรอกค่ะ’
แต่เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างกับเหตุการณ์นี้ เธอก็จัดการดับอารมณ์ตายด้านเสียทันควัน แล้วเปลี่ยนไปใช้โหมดน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาดรวมถึงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ‘แต่!...คุณย่าคะ...คีไม่เข้าใจเลยค่ะ...ถ้าคุณย่าลองให้เหตุผลกับคีในเรื่องนี้ คีก็อาจจะยอมรับได้ก็ได้นะคะ’
‘จริง ๆ แล้วมันก็มีเหตุผลของมันอยู่นั่นแหละ...คีพร้อมจะฟังแล้วรึยังล่ะ’ หญิงชราลูบศีรษะคีตาอย่างอ่อนโยน
คีตาสูดหายใจเข้าลึกและยาวมาก ‘พร้อมค่ะ’
‘คีเคยได้ยิน หรือรู้จักตระกูลสุริยะโยธินมั้ยลูก’
ดวงหน้าเรียวกลอกตาไปมา เพื่อพยายามทบทวนความทรงจำ แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้สึกคุ้นหูกับสิ่งที่ณปภัชเพิ่งบอกกับเธอ ‘ไม่เคยค่ะ’
‘ตอนนั้นคุณทวดทำธุรกิจล้มเหลวและประสบปัญหาทางการเงิน จึงตัดสินใจไปกู้ยืมเงินจากสุริยะโยธิน จำนวนสามร้อยล้านบาท หลังจากนั้นธุรกิจของคุณทวดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวหรือทำกำไรให้กับตระกูลของเราเลย...ต่อมาคุณกวินทร์ทวดของกันต์ได้ทำพินัยกรรมไว้ว่า ถ้าทายาทของสัตยธนะวงศ์ไม่เกินสามรุ่นต่อจากคุณทวด แต่งงานกับทายาทของสุริยะโยธิน...สุริยะโยธินก็จะปลดหนี้ให้สัตยธนะวงศ์ทั้งหมด...ซึ่งตอนนี้ถ้ารวมดอกเบี้ยแล้ว ก็ประมาณเจ็ดร้อยกว่าล้านแล้วล่ะ’ ครั้งนี้เป็นฝ่ายณปภัชบ้างที่ถอนหายใจ ดวงตาฉายแววปวดร้าวแฝงอยู่ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะดูแลความรู้สึกของหลานสาวด้วยการลูบศีรษะอีกครั้งเสมือนหนึ่งเป็นการปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยที่กำลังสับสนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้
คีตานิ่งอึ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ในชีวิตของเธอ และตระกูลของเธอ ‘เจ็ดร้อยกว่าล้านเลยเหรอคะ’ คำถามหลุดออกจากปากในขณะที่ยังมีอาการเหม่อลอยอยู่
ณปภัชพยักหน้าแทนคำตอบ
‘ถ้าคีหาเงินมาคืนเขาได้ คีก็ไม่ต้องแต่งงานใช่มั้ยคะ’
อีกฝ่ายเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ ‘จ้ะ’