บทนำ:เด็กใหม่

1959 Words
บทนำ เด็กใหม่ “ยังเด็กอยู่เลย กูไม่รับ!” หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ ตะโกนอย่าง หัวเสีย เมื่อลูกน้องคนสนิทนำเด็กสาวที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังนั่งก้มหน้าตัวลีบอยู่บนพื้นในห้องรับแขก ใส่เสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้นแค่เข่า ผมสั้นหน้าม้า บ่งบอกว่ายังเป็นนักเรียนมัธยม “มันดูผอมไปบ้าง แต่ร่างกายมันโตเต็มวัยแล้วนะนาย รับไว้เถอะครับ” “นี่มึงอยากให้กูติดคุก ข้อหาพรากผู้เยาว์เหรอไอ้พล!” ถึงเขาจะชอบเซ็กซ์ แต่ก็ไม่คิดจะทำผิดกฎหมายหรือไร้ศีลธรรมเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ เพราะมีผู้หญิงมากมายที่รองรับอารมณ์ของเขาได้ โดยไม่ต้องไปยุ่งกับเด็กผู้หญิงให้สุ่มเสี่ยง “ถ้านายกลัวตะราง ก็ให้มันทำงานอย่างอื่น หรือทำงานบ้านไปก่อนก็ได้ อีกไม่กี่เดือนนังอัณมันก็สิบแปดแล้ว ถ้านายไม่เอา ลุงทิตย์เขาก็คงไปขายให้คนอื่น สงสารเด็กมันที่อาจจะถูกขายต่อเข้าซ่อง ยังไงก็เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จน...” “เออๆ เอาไว้ก็ได้ และมึงก็หางานให้ทำเองแล้วกัน เสือกดีนัก!” เขากระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิด ก่อนปรายตามองเด็กสาวที่ยังก้มหน้างุด จนคางจะถึงหน้าอกตัวเองอยู่แล้ว ถึงเด็กสาวจะหน้าตาผิวพรรณดี แต่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย ไม่ใช่สเปกเขา ชินภพชอบผู้หญิงจัดจ้าน กร้านโลก เก่งทางเซ็กซ์และโลกีย์ แบบไม่ต้องเสียเวลามานั่งสอน เพราะเขาต้องการผู้หญิงเฉพาะแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น “เดี๋ยวให้มันช่วยทำงานบ้าน ตอนมันเลิกเรียนแล้วกันครับ” “ยังเรียนอยู่แท้ๆ ก็ถูกพ่อเอามาขาย ” ชินภพพำพึม เงินที่พ่อของ เด็กสาวเสนอขายมานั้นก็แค่ไม่กี่แสน พ่อที่นอกจากขี้เมา ยังบ้าการพนัน ไม่รู้จักทำมาหากินวิธีอื่น ขายทุกอย่างที่มี ไม่เว้นแม้แต่ลูก ทั้งที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของอาทิตย ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของพล ลูกน้องคนสนิทของเขา ซึ่งอาทิตย์ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เคยทำงานในไร่องุ่นของเขา แต่เพราะมันชอบดื่ม บ้าการพนัน ทำงานได้ไม่ดี แถมเวลาเมาชอบมีเรื่องกับคนงานอื่นๆ เขาเลยให้มันออก “เรียนอยู่มอหกครับ อีกไม่กี่เดือนมันก็จบแล้ว” “อือ ก็เรียนไป ขาดเหลืออะไรก็บอก!” ถึงจะไม่อยากรับไว้ แต่พอคิดว่าเด็กสาวจะถูกส่งให้กับไอ้เสี่ยโต ที่นอกจากจะเป็นเจ้าของบ่อนในพื้นที่ มันยังเปิดซ่องลับๆ ไว้รับรองแขกวีไอพีในบ่อนด้วย “อัณ มากราบขอบคุณคุณภพเร็วเข้า” พลเรียกหลานสาวเสียงดัง อัณชญาเงยหน้าขึ้น แต่ไม่กล้าสบสายตาคมกล้าของผู้ชาย ที่พ่อนำเธอมาขายให้ เด็กสาวเดินเข่ากระทั่งมาใกล้ร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วยกมือก้มลงจะกราบใกล้ปลายเท้าของชินภพ “เฮ้ย ไม่ต้องถึงขนาดมากราบตีนฉันหรอก แค่ยกมือไหว้เฉยๆ ก็พอ!” เขาตวาดเสียงดัง ทำให้ร่างเล็กนั้นชะงักค้างมือที่พนมขึ้นพร้อมท่าโน้มตัวลงต่ำ อัณชญาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วพนมไหว้อย่างอ่อนช้อยแทน พร้อมเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว “ขอบคุณค่ะ” จังหวะนั้นเองที่ทำให้ชินภพได้เห็นใบหน้าของเด็กสาวชัดเจน จึงถือโอกาสพิจารณาวงหน้าขาวรูปไข่ที่เกลี้ยงเกลาไร้ที่ติ เครื่องหน้าถือว่าสวยมาก ทั้งคิ้ว ดวงตา จมูกและริมฝีปาก โดยเฉพาะดวงตากลมโตใสแจ๋วเหมือนแก้วที่เจียระไนจากช่างฝีมือดี หนุ่มใหญ่เผลอมองไม่รู้นานแค่ไหน กระทั่งได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้น “งั้นผมจะพานังอัณไปที่ตึกส้มนะครับ” ‘ตึกส้ม’ ที่พลพูดถึง ก็คือที่พักของบรรดานางบำเรอของเจ้านายนั่นเอง ที่นั่นมีผู้หญิงที่พร้อมใจมาทำหน้าที่บนเตียงกับชินภพ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ถึงเจ็ดคน รวมอัณชญาเข้าไปด้วยก็แปดพอดี “ไม่ต้องไปอยู่ที่นั่นหรอก อยู่เรือนหลังเล็กกับป้าหมายก็แล้วกัน” ที่นั่นบ้านพักของแม่บ้าน ที่ชินภพให้ความเคารพนับถือ เพราะอีกฝ่ายเคยดูแลเขามาตั้งแต่ยังเด็ก กระทั่งย้ายตามกันมาอยู่ที่เมืองเหนือ “ได้ครับนาย” “เรื่องเงินค่าตัวเด็ก พรุ่งนี้มึงก็ไปทำเรื่องเบิกกับฝ่ายบัญชี เดี๋ยวกูจะโทร. บอกเขาไว้” “ครับนาย” จากนั้นชินภพก็ลุกจากโซฟา แล้วเดินออกจากห้องรับแขก ตรงไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเขา ที่ซึ่งไม่มีผู้หญิงคนไหนขึ้นไปได้ ถ้าไม่อนุญาต นอกจากคนทำงานบ้าน และลูกน้องคนสนิทเท่านั้น “ไปอัณ” พลเรียกหลานสาว ที่แม้จะเป็นเพียงญาติห่างๆ แต่ก็เห็นอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็ก “น้าพล ป้าหมายดุไหม” อัณชญาเริ่มมีความกังวลที่ต้องไปพักอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก “ป้าหมายใจดี แต่มึงก็ทำตัวดีๆ ขยันช่วยงานป้าเขา หรือป้าเขาใช้ทำอะไรก็อย่าขี้เกียจเข้าใจไหม เพราะถ้ามึงไม่ได้อยู่ที่นี่นะ พ่อมึงขายไปให้ไอ้เสี่ยโต มันเบื่อมึงแล้ว รับรองมึงโดนขายซ่องแน่” “ค่ะ หนูจะทำตัวดีๆ ไม่ขี้เกียจ หนูอยากอยู่ที่นี่กับน้าพล ไม่อยากอยู่กับไอ้เสี่ยโตหรอก” เพราะถึงพลจะเป็นคนพูดจาโผงผาง แต่เขาก็เคยดูแลเธอตั้งแต่ยังเด็ก และเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ “เอ่อ กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้แหละ ในเมื่อพ่อมึงมันเหี้ยคิดจะขายลูกกินอย่างเดียว กูก็ทำได้แค่นี้แหละ เพราะยังไงอยู่ที่นี่ก็ดีกว่าอยู่ซ่องแล้วกัน” จากนั้นพลก็พาอัณชญาไปยังเรือนหลังเล็ก ที่อยู่ด้านหลังตึกใหญ่ และอยู่ห่างจากตึกส้มพอสมควร มีรั้วดอกไม้กางกั้นออกจากพื้นที่พักอาศัยเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน พลพาหลานสาวมาถึงเรือนเล็ก ซึ่งเป็นเวลาค่ำมากแล้ว เจ้าของเรือนก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จปะแป้งหน้าขาววอก กำลังดูโทรทัศน์อยู่กับเด็กรับใช้คนหนึ่งที่พักอยู่ด้วยกัน “อ้าวไอ้พล มาแล้วเหรอ เมื่อกี้คุณภพโทร. มาบอกป้าแล้วว่าจะมีคนมาอยู่ด้วย” “อัณ นี่ป้าหมาย” พลหันไปบอกอัณชญา เจ้าตัวก็ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แต่ใบหน้าสวยใสตามวัยนั้นก็เรียบนิ่ง สายตามีแววกังวลอย่างคนที่มายังสถานที่ไม่คุ้นเคย หวั่นเกรงสิ่งที่จะพบเจอ “รบกวนป้าหมายสั่งสอนมันด้วยครับ มันเป็นหลานห่างๆ ของผมเองแหละ แต่พ่อมันเหี้ย ผีพนันเข้าสิงจนหมดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ขายแม้กระทั่งลูก ถ้านายไม่รับไว้ นังอัณมันคงได้ไปอยู่ซ่องแน่นอน” “เฮ้อ กรรมของเด็กจริงๆ ที่มีพ่อไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แต่มาอยู่ที่นี่ก็แล้วแหละ ฉันก็แก่แล้ว มีเด็กๆ มาอยู่ด้วยอีกคนก็ไม่เหงา” ป้าหมายส่งยิ้มให้เด็กสาว อีกฝ่ายจึงค่อยๆ ยิ้มตอบด้วยความรู้สึกเบาใจได้เปราะหนึ่งว่าป้าหมายคงเป็นคนใจดี และเธอคงจะพักอยู่ที่นี่อย่างไม่อึดอัดใจใดๆ “นุ่ม พาอัณไปห้องพักด้านหลัง” ป้าหมายเรียกเด็กรับใช้ที่พักอยู่ด้วยกัน และเป็นหลานสาวของแกเองด้วย “อ้าว ไม่นอนห้องเดียวกับเราเหรอป้า” นุ่มถามอย่างสงสัย “ไม่ต้อง ให้อัณนอนคนเดียว น้องเขายังเรียนอยู่ ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน จะได้เป็นส่วนตัว” “งั้นตามมา” นุ่มบอกช่วยหยิบกระเป๋า แล้วเดินนำหน้าไปก่อน อัณชญาส่งยิ้มให้ป้าหมาย แล้วลุกเดินไปพร้อมกระเป๋าอีกใบ เป็นเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัว ส่วนอีกใบที่นุ่มถือไปเป็นหนังสือและอุปกรณ์การเรียนทั้งหมด “ห้องนี้ทำความสะอาดไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อน น้องก็จัดการทำสะอาดเองนะ ปลอกหมอน ผ้าปูก็อยู่ในตู้นั้นแหละ” “ขอบคุณค่ะ” อัณชญายกมือไหว้นุ่ม ที่อายุมากกว่า อีกฝ่ายยิ้มตอบ แล้วเอ่ย “น่ารัก มิน่านายถึงรับไว้” อัณชญายิ้มเศร้ากับคำพูดอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอก อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ถึงนายจะดุไปหน่อย แต่ก็ใจดี ถ้าอัณทำตัวน่ารักๆ นายจะเลี้ยงอัณไปนานๆ เลยนะ แต่อัณอายุยังน้อย กว่าจะถูกปลดระวาง โอ๊ย นานหลายปี เว้นแต่อัณจะทำตัวไม่น่ารัก ไม่ถูกใจนาย อาจโดนเฉดหัวออกจากบ้านก่อนเวลาอันควร” “หนูจะทำตัวให้น่ารักๆ ค่ะ” เธอไม่อยากถูกนายเฉดหัวออกจากบ้าน “ดีแล้ว เพราะออกจากบ้านนี้ไป พ่ออัณคงขายต่อให้คนอื่นอีก” พอได้ยินแบบนั้นแล้วยิ่งทำหน้าเศร้า “พอแล้วๆ อย่าคิดมาก ทำความสะอาดห้องซะ” “ค่ะ” “แล้วกินไรหรือยัง” “ยังเลยค่ะ” “งั้นทำความสะอาดห้องแล้วไปกินข้าว ในครัวมีแกงเขียวหวานกับขนมจีนเหลืออยู่” “ขอบคุณค่ะ” อัณชญายกมือไหว้อีกครั้ง “โอ๊ย น่ารัก รู้สึกดีจัง นานๆ จะมีคนมายกมือไหว้ แถมเป็นเมียของนายอีก” นุ่มพูดแล้วบีบแก้มขาวๆ นั้นอย่างเอ็นดู “นายไม่เอาหนูทำเมียหรอก” “อ้าว ทำไม อัณออกจะสวย สวยกว่าอีพวกที่อยู่ตึกส้มเสียอีก” “นายบอกกว่ากลัวติดคุก เพราะหนูอายุสิบเจ็ดเอง” นุ่นได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะก๊าก “ไม่ต้องน้อยใจหรอก อีกปีเดียวอัณก็สิบแปด นายก็คงรอดคุกแล้วล่ะ” “แต่ท่าทางเขาไม่ชอบหนูเลย” อัณชญาพูดด้วยสีหน้ากังวล เพราะไม่อยากถูกเฉดหัวออกจากบ้านนี้ เพราะพ่อคงเอาเธอไปขายให้ไอ้เสี่ยโตแน่นอน “ไม่แปลกหรอก นายไม่ค่อยชอบเด็กๆ ใสๆ แบบนี้ยิ่งไม่ชอบ เคยบ่นว่าไม่ประสาเรื่องอย่างว่า” “แล้วนายชอบผู้หญิงแบบไหน” “แบบแซบๆ สิ” “แซบเลยเหรอคะ” “ใช่ แซบ เผ็ด เด็ดทุกท่วงท่าและลีลา ฮ่าๆ” นุ่มพูดพร้อมหัวเราะร่วน “งั้นหนูควรจะแซบไหมคะ” “โอ๊ย ฮ่าๆ อัณนี่ตลกดีนะ แต่แบบ อย่าเลย ใสๆ แบบนี้แหละดีแล้ว” “ถ้านายไม่ชอบหนู วันหนึ่งเขาก็จะเฉดหัวหนูออกจากที่นี่น่ะสิ หนูไม่อยากถูกพ่อขายให้คนอื่นแล้ว โดยเฉพาะไอ้เสี่ยโต เดี๋ยวมันเบื่อก็ส่งหนูเข้าซ่อง” อัณชญาพูดน้ำตาคลอ และเด็กสาวคิดว่าการจะได้อยู่ที่นี่นานๆ หรือตลอดไป จะต้องทำให้นายพึงพอใจเท่านั้น “โอ๊ย นายไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก เว้นแต่ทำให้นายโกรธ แต่อัณเป็นเด็กดี น่ารักแบบนี้ นายจะมาโกรธเรื่องอะไรล่ะ” “แต่หนูอยากให้นายชอบ หนูอยากแซบ พี่นุ่มสอนหนูให้แซบได้ไหมคะ” “เอ้า ซวยแล้วกู” นุ่มพึมพำ เกาหัวแก๊กๆ “นะพี่ ช่วยหนูด้วย หนูอยากให้นายชอบ” “เออๆ ใจเย็นๆ เอาเป็นว่า ทำความสะอาดห้อง แล้วไปกินข้าว เรื่องแซบๆ พี่จะสอนเองนะ” “ขอบคุณค่ะพี่นุ่ม หนูจะไม่ลืมบุญคุณพี่เลย” อัณชญายกมือไหว้นุ่ม แล้วโผเข้าไปกอดด้วยความซาบซึ้งใจ ขณะที่นุ่มทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ เพราะคำว่า ‘แซบ’ มันก็ห่างไกลตัวเองอยู่เช่นกัน แต่ในเมื่อรับปากเด็กมันไปแล้ว ก็ต้องสอนมันให้ได้ละวะ! ::::::::::::::::::::::::
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD