ต้องห่างไกล

1359 Words
ต้องห่างไกล สิ่งที่เร่งให้อัณชญาไม่ดื้อดึงกับการที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยภายในจังหวัด เพราะพ่อพยายามติดต่อเธออีกครั้ง ด้วยการไปหาแตงกวา ขอร้องให้เธอมาพบ แต่อัณชญารู้จุดประสงค์ของพ่อว่าต้องการเอาเธอไปขายให้เสี่ยโต เธอเลยไม่ไป ทำได้แค่ฝากเงินให้แตงกวาเอาไปให้พ่อเท่านั้น เมื่อเอกสารการเรียนจบมัธยมปลายเรียบร้อย อัณชญาจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ พร้อมนุ่มและเลขาของชินภพ ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคนชื่อคุณแจ่มจันทร์ ส่วนชินภพที่ตอนแรกพลบอกว่าเขาจะไปส่งด้วยนั้น กลับบอกว่าไม่ว่าง อัณชญาทั้งรู้สึกเสียดายและผิดหวัง เพราะนี่จะเป็นโอกาสที่เธอจะได้เจอกับชินภพอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน การไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ คงทำให้โอกาสที่จะได้เจอเขายากไปอีก หรืออาจไม่ได้เจอกันเลย เพราะชินภพเองก็ไม่ได้อยากเจอเธออยู่แล้ว ไม่เข้าใจเลยทำไมต้องเกลียดเธอขนาดนั้น มีเรื่องราวที่เธอทำให้เขาไม่ถูกใจแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง ที่เขาจะต้องมาเกลียด คิดแล้วก็น้ำตาซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เป็นอะไร” นุ่มถามขณะที่ออกจากสนามบิน แล้วมีรถมารับไปที่พัก ตอนนี้เธอนั่งอยู่เบาะด้านหลังกับนุ่ม ส่วนแจ่มจันทร์นั่งข้างหน้าคู่คนขับ ซึ่งมีชื่อว่าลุงปาน เป็นคนขับรถที่บ้านของชินภพในกรุงเทพฯ “เปล่าค่ะ” “เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ว่าร้องไห้” “หนูแค่เสียดายที่นายไม่มาส่งเรา” “โอ๊ย นายไม่ว่างไง ถ้าว่างเขาอาจมาส่งเราอย่างที่พี่พลบอกแหละ” “น้าพลโกหก หรือไม่ก็นายนั่นแหละที่โกหก” อัณชญายอมรับว่า ทำตามที่นายสั่ง ส่วนหนึ่งเพราะคำพูดของพลที่บอกว่าชินภพจะมาส่งด้วย “เอ้า ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ ไม่เอาๆ อย่าร้องไห้ ไหนๆ เราจะมาใช้ชีวิตที่นี่อีกตั้งหลายปี ทำใจให้ผ่องใสเข้าไว้ ทุกอย่างมันต้องดีและราบรื่น” นุ่มปลอบ มองไปสองข้างทางที่มีแต่รถและตึกรามบ้านช่องเรียงรายอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นกับการเดินทาง ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า ซึ่งกว่าจะไปไหนมาไหนเองได้ คงต้องใช้เวลา ฝ่ารถติดมาถึงที่พัก ซึ่งอยู่ใกล้ย่านมหาวิทยาที่อัณชญาเข้าเรียนต่อก็เกือบสองชั่วโมง “โอ้โห ตึกสูงจัง” นุ่มอุทานเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง อัณชญาก็ดูตื่นเต้นจนลืมเรื่องเศร้าในใจ กระทั่งรถจอด และขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพัก ซึ่งลุงปานก็ช่วยยกกระเป๋าขึ้นมาให้ ซึ่งพอลิฟต์เปิดออกก็ถึงโถงของห้องพักเลย ยิ่งทำให้เด็กต่างจังหวัดอย่างอัณชญากับนุ่มตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะอัณชญาลืมความเศร้าในเรื่องชินภพไปชั่วขณะ แถมยังชื่นชมว่าตกแต่งภายในไว้อย่างหรูหรา แต่ก็มีความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวและสีไม้ธรรมชาติ “ที่นี่มีสองห้อง น้องอัณก็พักห้องใหญ่ นุ่มก็พักห้องเล็กนะ ที่ให้แยกห้องกัน เผื่อน้องอัณอ่านหนังสือ ทำรายงานต่างๆ ดึก จะได้ไม่รบกวนกัน” คุณแจ่มจันทร์อธิบาย จากนั้นสองสาวก็แยกย้ายกันหิ้วกระเป๋าเข้าไปในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่คนละฝั่งของห้องพัก ที่กางกั้นด้วยห้องเสื้อผ้าของห้องนอนใหญ่ หรือมาสเตอร์รูมนั่นเอง “ห้องน้องอัณจะมีห้องเก็บเสื้อผ้าส่วนตัว ซึ่งมีประตูเชื่อมถึงกันทั้งจากห้องนอนและห้องน้ำค่ะ” แจ่มจันทร์อธิบาย “ดีจังค่ะ ห้องนอนมีระเบียงด้วย” อัณชญาเดินไปเลื่อนกระจกเพื่อโผล่หน้าไปดูระเบียง ที่มีชุดเก้าอี้นั่งเล่น และมีกระถางต้นไม้วางอยู่ “น้องอัณชอบไหมคะ” แจ่มจันทร์ถามด้วยสีหน้าเอ็นดูกับท่าทีของเด็กสาว “ชอบมากๆ ค่ะ” “ดีแล้วค่ะ ที่นี่สะดวกสบาย และใกล้มหา’ ลัย” “ห้องพักของนายเหรอคะ” “ใช่ค่ะ เคยอยู่สมัยหนุ่มๆ มั้ง” “ขอบคุณคุณแจ่มมากๆ ค่ะ ที่เป็นธุระมาส่งหนูกับพี่นุ่ม” “ไม่เป็นไรค่ะ พี่เองก็ทำตามที่นายสั่งเหมือนกัน แต่พี่ก็เต็มใจนะ” เพราะต่อมาอัณชญาก็ได้รู้ว่าแจ่มจันทร์นอกเหนือจากทำหน้าที่มาส่งเธอกับนุ่มแล้ว อีกฝ่ายยังเป็นผู้ปกครองของเธอ ในการเซ็นเอกสารเข้าเรียนต่อ แถมยังจัดการเรื่องการเงินสำหรับค่าเล่าเรื่องและกินอยู่ของเธอกับนุ่มด้วย ซึ่งนุ่มนั้นแจ่มจันทร์ได้พาไปสมัครโรงเรียนเสริมสวยชื่อดัง ที่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ลุงปานก็ได้รับมอบหมายเป็นคนขับรถ ในระหว่างที่อัณชญากับนุ่มยังไม่คุ้นชินกับการใช้รถประจำทางหรือถนนหนทาง ซึ่งการไปมหาวิทยาลัยของอัณชญาก็ไม่ได้ยากอะไร นอกจากรถประจำทางแล้วก็มีรถไฟฟ้าที่นั่งไปเพียงสถานีเดียวก็ถึง หรือไม่ก็ใช้แท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ หากรีบเร่ง “มีอะไรก็โทร. บอกพี่ได้ตลอดนะ” “คุณแจ่มไม่ได้กลับไปทำงานที่ไร่เหรอคะ” “พี่ลาพักร้อนสองเดือนน่ะ” “อ๋อ ดีจังค่ะ หนูกับพี่นุ่มจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะไม่รู้จักใครเลยในกรุงเทพฯ” “เปิดเรียนก็มีเพื่อนใหม่ ไม่เหงาหรอก แต่ถึงยังไม่เปิดเทอม ก็มีกิจกรรมภายในคณะนี่” “ค่ะ หนูต้องไปฝึกเชียร์และร่วมกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ด้วย” อัณชญาบอก “อือ ดีแล้ว จะได้ปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้เร็ว และทำความคุ้นเคยกับสถานที่เรียน” แจ่มจันทร์ก็แนะนำพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเรียน และการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย รวมทั้งการคบเพื่อนต่างๆ ให้อัณชญา รวมทั้งบอกนุ่มเรื่องการคบเพื่อนในโรงเรียนเสริมสวย “คุณภพย้ำเลยนะคะ ห้ามเที่ยวกลางคืนค่ะ โดยเฉพาะน้องอัณ ที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ” “ถ้าอายุถึงยี่สิบ นายจะอนุญาตหรือเปล่าคะ” “อันนี้ไม่แน่ใจ รอให้ถึงยี่สิบก่อนค่อยถามคุณภพดูแล้วกัน” “อ๋อค่ะ” อัณชญาไม่ยักรู้ว่าการเป็นนางบำเรอของเขามีข้อห้ามเที่ยวกลางคืนด้วย หลังจากแจ่มจันทร์กับลุงปานกลับไปแล้ว อัณชญาก็ถามนุ่ม “นายเขาห้ามผู้หญิงที่ตึกส้มเที่ยวกลางคืนหรือเปล่า” “ก็ไม่ได้ห้ามนะ ใครอยากไปไหนก็ไป แค่อย่ามีชายอื่น หรืออยากจะมีก็ต้องไปลาออกจากการเป็นผู้หญิงในตึกส้มก็เท่านั้น” “แต่เขาห้ามหนูเที่ยวกลางคืน” “ก็อัณยังเด็ก อายุก็ยังไม่ถึงยี่สิบ ทำไมอยากเที่ยวเหรอ” “เปล่าค่ะ ถามดูเฉยๆ” “พี่ว่าเที่ยวกลางคืนมันอันตรายไปสำหรับเด็กใสๆ อย่างอัณ ดูข่าวสิ ผู้หญิงถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ ถูกมอมเหล้า ถูกฉุดไปมิดีมิร้าย น่ากลัวออก แต่ถ้าอยากเที่ยวจริงๆ ไว้รออายุยี่สิบก่อน เดี๋ยวพี่พาไปเอง” “ไม่เที่ยวหรอกค่ะ” อัณชญาไม่ได้อยากเที่ยวผับบาร์ที่ไหน แค่ได้เดินตลาดนัดกลางคืนบ้างก็น่าจะไม่เป็นไร เพราะตลาดแบบนั้นมีทั้งของกิน เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ และราคาไม่แพงมากเกินไป ถึงจะได้เงินเดือนเยอะพอควร แต่ก็อยากมีเงินเหลือเก็บเช่นกัน เพราะไม่รู้อนาคตว่าจะถูกไล่ออกจากตำแหน่งนางบำเรอของชินภพเมื่อไร นางบำเรอที่ไม่ได้รับใช้ผู้เป็นนาย มันน่าจะสั่นคลอนได้ง่าย “ดีแล้ว เด็กดีเขาไม่ไปในที่อโคจรกันหรอก ป้าหมายบอกไว้” “สาธุ” แล้วทั้งสองก็หัวเราะคิกคัก แต่หลังจากนั้นก็บ่นคิดถึงป้าหมายกันยกใหญ่ สุดท้ายก็ต้องคว้าโทรศัพท์มาโทร. รายงานตัวกับป้าหมาย ซึ่งอีกฝ่ายก็สั่งสอนเรื่องการใช้ชีวิตให้มีสติ และจบลงด้วย [ก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิกันบ้างนะ] :::::::::::::::::::
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD