ปากอย่างใจอย่าง

1395 Words
“ท่านแม่ทัพซื้อผู้น้อยมาก็เพื่อต้องการให้รับใช้ เอ่อ เรื่องบนเตียง” ซูกุ้ยฟางเอ่ยกับเขาและสู้สายตาอย่างไม่เกรงกลัว “ถูกต้อง” “และท่านก็มีหนังสือซื้อขายตัวผู้น้อย” “นั่นเป็นเรื่องที่เจ้ารู้ และคนทั้งเมืองไคหนานก็โจษขานไปทั่ว นางบำเรอสกุลซู!” หญิงสาวกัดฟันกรอดๆ ชีวิตช่างอาภัพ ถูกซื้อตัวมาจากตลาดเพื่อบำเรอกามให้ชายผู้นี้ แต่เขากลับทำราวกับนางเป็นหมอนข้างที่อยากทิ้งขว้างเมื่อใดก็ได้ “ดังนั้นหน้าที่ผู้น้อยคือทำให้ท่านแม่ทัพผ่อนคลาย” ซูกุ้ยฟางคนงามกล่าวเช่นนั้น โดยลืมไปว่านางควรสงวนท่าทีให้มากกว่านี้ ตระกูลซูยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง แต่สำหรับเมืองแห่งนี้ นางก็ไม่ต่างจากอาหารชั้นเลวที่หยางอี้คังไม่คิดอยากจะกลืนลงท้อง “เฮอะ หลายชั่วยามก่อนยังร้องโอดโอย อยากหนีข้าใจจะขาด แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ คิดอยากขึ้นคร่อมขวบขี่ข้า เป็นเช่นนี้เพราะเจ้ากลัวถูกส่งตัวไปที่อื่นกระมัง” “โอ้ แม่ทัพหยาง...” นางเรียกขานเขา พลางใช้สมองคิดอย่างเร็วรี่ถึงทางออกที่ดีที่สุดในการเจรจากับหยางอี้คัง ซึ่งการจะมัดใจเขาคงมีทางเดียวเท่านั้น คือต้องอ่อนหวาน อ่อนโยน และพลีเรือนร่างงามแก่เขา ดังนั้นนิสัยแก่นเซี้ยวบ้าผู้ชายที่เคยมีและติดตัวมาจากโลกก่อน นางจำต้องเก็บเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจแบบสุดฤทธิ์ “ผู้น้อยคงเลอะเลือนไปชั่วขณะ ท่านจำมิได้หรือ หลังจากที่ท่านแม่ทัพหยุดรถม้า ณ เนินเขานิรนาม ได้มีกลุ่มโจรที่ประสงค์ร้ายบุกเข้ามาหมายชิงตัวผู้น้อย” “เสียดายที่คนพวกมันฝีมือไม่เอาไหน มิเช่นนั้นคงชิงตัวเจ้าได้สำเร็จ น่าเสียใจจริงๆ” เขากล่าวพร้อมลอบยิ้มร้ายกาจ ใบหน้านั้นร้ายกาจนัก “แต่นับว่าผู้น้อยยังมีบุญวาสนาที่ท่านแม่ทัพยังเหลียวแล ไม่ทอดทิ้งสตรีที่อับจนหนทางให้เผชิญชะตากรรมเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า” หยางอี้คังมองดวงหน้างดงามของซูกุ้ยฟางผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา นางดูเศร้าสร้อยจนหัวใจแข็งกระด้างของเขาคล้ายจะอ่อนโยนลงเจ็ดส่วน กระนั้นเขากลับเลือกเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจเพื่อไม่ให้นางได้ใจ “ฮึ หากเจ้าต้องการเล่นบทนางจิ้งจอกร้อยเล่ห์เพื่อตบตาข้า บุรุษผู้นี้ก็พร้อมตอบสนองทุกอย่างแม่นางซู” ซูกุ้ยฟางเจ็บกับคำพูดของบุรุษผู้เย็นชาและปากเสีย แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อตอนนี้นางไม่อาจเอาหูหนีจากเขา จึงจำต้องตกเป็นทาสรักให้หยางอี้คังโขกสับ และมันคงดีกว่าถูกส่งต่อไปที่อื่น ซึ่งอาจเป็นหอคณิกาชั้นเลว หรือบ้านของชายหื่นกามสักคน “ผู้น้อยอยากปรนนิบัติท่าน ให้โอกาสอีกสักครั้งได้หรือไม่แม่ทัพหยาง” นางว่าพลางช้อนสายตาส่งให้เขา ตั้งใจทำให้หวานหยาดเยิ้ม พร้อมเผยอริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อย และทำเสียงครางหวานกระเส่าคล้ายกลืนกินของเผ็ดร้อนเข้าไป “ได้ไหมท่านแม่ทัพ ให้ผู้น้อยช่วยท่านผ่อนคลาย...” “กล่าวได้ดี ในเมื่อข้าไม่ใช่ชายที่คิดเล็กคิดน้อยต่อสตรีโฉมงาม ไฉนจะไม่ยอมให้เจ้าทำหน้าที่อุ่นเตียง” บทที่ 3 ปากอย่างใจอย่าง เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ “ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอาย กระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส “ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน “ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป” นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน “อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!” ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที่กำลังจะได้ข่มเหงชายรูปงามตัวเป็นๆ ไม่ต้องจินตนาการให้ยุ่งยากอีกต่อไป ยามนั้นกายแกร่งแสนอุ่นจัดนี้ทำให้เลือดลมสตรีสูบฉีดดีแท้ นางอยากตักตวงความหนุ่มแน่นของเขา เสพสุขและกลืนกินทุกหยาดหยดจากชายที่ปากร้ายในตำนานผู้นี้ นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวที่หลับตาปี๋ขยุกขยิกไปมา ผิดแต่ส่วนนั้นของเขายังคงนุ่มนิ่มเช่นเคย พลอยให้นางใจเสีย หากไม่ลดละความพยายามปลุก ปลุกให้มันตื่น และโผล่หัวออกมาจากฝักเสียที สิ่งเดียวที่ซูกุ้ยฟางมุ่งมั่นในตอนนี้ คือต้องทำให้หยางอี้คังคลั่งรักแต่นางเพียงผู้เดียว ซึ่งเรื่องราวหลังจากนั้นนางคิดว่าสตรีโฉมงามและแสนฉลาดคนนี้คงพอจะเอาตัวรอดในโลกที่ทะลุมิติมาได้ โดยไม่ต้องสำลักเม็ดถั่วลิสงหรือแปะก๊วยตายอีกหน รุ่งเช้าวันใหม่ ซูกุ้ยฟางปวดหัวตั้งแต่เช้า ด้วยหลังจากแกล้งงีบนางกลับผล็อยหลับไปจริงๆ แต่ก่อนหลับนางต้องก่นด่าหยางอี้คังในใจ ทั้งนี้เพราะสาวงามมิได้ปรนนิบัติแม่ทัพรูปงามอย่างที่เขาชวนอุ่นเตียง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกจะชวนให้ฉงนอยู่สักหน่อย “อื้อ คือแท่งหยกของท่าน มันไม่สู้” นางกล่าวและยังสัมผัสของสงวนของเขาอย่างย่ามใจ ทั้งสิ่งที่อยู่ในฝัก รวมถึงไข่สองฟองที่สวยงามพอกัน!! “ใช่ เจ้าเป็นสตรีเช่นไรกันถึงได้กล้าหาญเยี่ยงนี้” หญิงสาวได้ยินคำตำหนิเช่นนั้นจึงรีบชักมือกลับ แล้วทำทียกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง ก่อนส่งเสียงหวีดแหลมสูงอย่างตื่นตระหนกตกใจ “โอ้ ทะ ท่าน แม่ทัพ ท่านกำลังจะข่มเหงกุ้ยฟาง” ทั้งน้ำเสียงและการแสดงออกของซูกุ้ยฟางเสแสร้งอย่างที่สุด “ข้าน่ะหรือจะหาญกล้าทำคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น เจ้าคงสติไม่สมประกอบเป็นแน่แท้ เมื่อครู่ทำสิ่งใดไปบ้างจำไม่ได้หรอกรึ ทั้งจับ ทั้งสัมผัส และพยายามปลุกแท่งหยกข้าให้ผงาดเป็นงูยักษ์ นี่คงหวังอยากให้มันฉกชิมเตาอุ่นๆ ของเจ้าสินะ” ซูกุ้ยฟางขัดเขินหนัก อีกทั้งละอายใจอย่างที่สุด แต่เรื่องเพียงแค่นี้นางหรือจะรับมือไม่ได้ สตรีที่มาจากยุคปัจจุบันมิได้อับจนปัญญาหรอกนะ “อุ๊ย ผะ ผู้น้อย ละเมอ โอ้ ละเมอ” นางว่าแล้วจึงแกล้งฟุบลงไปบนเตียง โดยแสดงท่าทางชวนให้ชายหนุ่มใจสั่นสะท้าน มือข้างหนึ่งลูบไล้เนินหน้าอกอวบสวย อีกมือป่ายแปะที่ลำคอระหงเชื่องช้าเย้ายวน พลางทำเสียงครางกระเส่าเบาๆ “ถึงข้าจะพิสมัยสตรี แต่ก็ไม่ข่มเหงผู้ใดยามหลับ!” ซูกุ้ยฟางอยากดีดตัวลุกขึ้นมาเหลือเกิน แต่หากทำเช่นนั้นคงไม่ถูกต้อง จึงทำทีแกล้งละเมอต่อ แต่มิวายแอบมองร่างสูงใหญ่ของหยางอี้คัง ซึ่งเขาขยับลงจากเตียง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง “ข้าจะออกไปชมจันทร์ข้างนอกและจิบสุราสักหน่อย เจ้านอนไปเถิดกุ้ยฟาง” ได้ยินแล้วหัวใจหญิงสาวพลันหล่นหาย แม้อยากรั้งเขาไว้แต่นางจะกระทำสิ่งใดได้ ถือเสียว่าอย่างน้อยคืนนี้นางก็รอดพ้นไม่ถูกแท่งยักษ์นุ่มนิ่มๆ จิ้มแทงบนเรือนร่างแลเตาอุ่นๆ ไปอีกหนึ่งคืน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD