อันรดารีบวิ่งไปทางพวกเขาและพูดว่า “พวกลูกกำลังทำอะไรกันอยู่ ลูกกำลังพยายามที่จะทำให้แม่เกิดปัญหาใช่ไหม” อันรดาคว้าตัวเด็ก ๆ ไว้
แฟรงค์เดินตามหลังอันรดามา และบอกว่า “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้บอสกำลังประชุมอยู่ ฉะนั้นประตูจึงเปิดได้จากข้างในเท่านั้น” เขาชี้ไปที่ระบบรักษาความปลอดภัยข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เห็นนั่นไหม? หน้าจอนั่นบ่งบอกว่าระบบล็อกกำลังทำงาน”
เด็กทั้งสองมองตามมือแฟรงค์พร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ
เอลลี่ส่ายศีรษะให้กับพี่ชาย ระหว่างที่อชิเหล่มองประตู เขาจ้องเขม็งไปที่ล็อกนิรภัยแล้วพูดว่า “มันต้องมีทางออก”
แฟรงค์วางมือทั้งสองข้างบนไหล่เล็กของฝาแฝด “เด็ก ๆ กลับไปที่โต๊ะทำงานของลุงกันเถอะ ถ้าบอสรู้” เขาชี้ไปที่กล้องวงจรปิดเหนือประตูแล้วเสริมว่า “ลุงแฟรงค์จะตกงาน เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม?”
“ขอโทษนะคะลุงแฟรงค์” เอลลี่กล่าว “ลุงแฟรงค์ยังจะให้ของขวัญปีใหม่กับเราอยู่ใช่ไหมคะ เพราะมันเป็นสองในหนึ่งเดียวของขวัญวันเกิดและของขวัญปีใหม่ค่ะ!”
“เอลลี่!” อันรดาดุลูกสาวก่อนจะอธิบายให้แฟรงค์ฟัง “ฉันขอโทษด้วยนะคะ คุณแฟรงค์ ทั้งคู่เกิดวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคมค่ะ”
“ว้าว พวกหนูเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับแม่ของพวกหนู” แฟรงค์อุทานออกมาพร้อมกับเดินกลับไปที่โต๊ะ จากนั้นจึงหยิบสมุดเช็คออกมาแล้วพูดว่า “คุณอันรดา มันต้องใช้เวลาในการดำเนินการขอใบรับรองใหม่ แต่ผมจะให้คุณยืมเงินก่อน คุณต้องการเท่าไรครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแฟรงค์ ฉันรอได้ค่ะ” เธอยกมือขึ้นห้าม
“แต่ใบรับรองใช้เพื่อรับประกันการสมัครเข้าเรียนของพวกเขาใช่หรือเปล่าครับ” แฟรงค์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ความจริงก็คือมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาสรุปในใจว่าอันรดาต้องมีปัญหาเรื่องเงิน เธอจึงใช้วิธีการดังกล่าว
“ฉันไม่แน่ใจค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยท่าทางลังเล
“งั้นตอนนี้ให้ผมช่วยคุณก่อน เพราะคุณยังต้องทำงานอยู่ที่นี่อีกนาน ผมตัวคนเดียวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน รับไปเถอะครับถ้ามีแล้วค่อยคืนทีหลัง หรือจะให้ฝ่ายบัญชีหักออกจากเงินเดือนของคุณก็ได้” เขาพูดอย่างจริงใจเพราะความน่ารักของเด็ก ๆ
“คุณต้องการเท่าไรครับ”
อันรดาเม้มริมฝีปาก เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “หกหมื่นค่ะ”
“นั่นแค่สามในสี่ส่วนของเงินที่คุณจะได้รับในแต่ละเดือนเท่านั้นเอง คุณกังวลมากเกินไปแล้ว” แฟรงค์เขียนจำนวนลงไปในสมุดเช็คอย่างรวดเร็ว พร้อมถามว่า “แล้วโรงเรียนอะไรครับ ไกลจากที่พักไหม”
“ชื่อโรงเรียนไฮเกรดสคูลแอนด์อะแคเดอมีค่ะ”
แฟรงค์ยิ้มและเขียนเช็คต่อ พร้อมกับพูดว่า “อันที่จริง โรงเรียนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในเครือของบีแอนด์เจเหมือนกัน ผมหมายถึงแม่ของบอสเป็นคนดูแลอยู่ครับ” เขาฉีกเช็คออกและยื่นให้อันรดา “นี่ครับ... จะคืนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องกังวล ผมรู้ว่าการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวคงลำบากมาก”
อันรดารับเช็คมาด้วยท่าทางงุ่มง่ามพลางจ้องมันเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง เธอกลืนน้ำลายตัวเองก่อนพูดว่า “ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงดี” เธอซาบซึ้งใจมากที่แฟรงค์ช่วยเหลือ เธอจึงยกมือไหว้เพื่อขอบคุณ
“หืม... ทำอาหารให้ผมกินฟรีหนึ่งมื้อเมื่อคุณเริ่มงาน เป็นไงครับ” แฟรงค์พูดอย่างไม่จริงจังนัก
เธอพยักหน้ายืนยัน “แน่นอนค่ะ ตกลงตามนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้เขาอีกรอบ “ขอบคุณมากนะคะ คุณแฟรงค์!” จากนั้นหันไปหาลูก ๆ “ไปกันเถอะพวกเรากำลังจะสายแล้วลูก”
อชิยืนอยู่ข้างโต๊ะแฟรงค์ เขาจ้องมองปากกาตั้งโต๊ะของแฟรงค์ซึ่งวางอยู่ข้างหน้า มันเป็นสีทองหรูหราดูดีมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาจ้องมองจริง ๆ คือทำไมแฟรงค์ถึงวางมันไว้อยู่ตรงกลางโต๊ะทำงาน เพราะมันกีดขวางทำให้โต๊ะทำงานเขาดูแคบลง และขัดตาของอชิมาก เด็กชายจึงขยับปากกาตั้งโต๊ะไปไว้ที่มุมด้านหนึ่งในตำแหน่งที่ควรจะเป็น พร้อมพูดว่า “มันดูดีกว่าถ้าตั้งตรงนี้”
แฟรงค์ตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง การกระทำของเด็กชายดูคุ้นตาของเขามาก แต่ก่อนที่แฟรงค์จะได้พูดอะไรออกมา อันรดาก็ส่งเสียงดึงความสนใจของเขาไปเสียก่อน
“ฉันไปแล้วนะคะคุณแฟรงค์ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เด็ก ๆ ไหว้ลุงแฟรงค์สิลูก” สองพี่น้องยกมือไหว้แฟรงค์ ก่อนจะเดินตามแรงดึงของผู้เป็นแม่ไป
เมื่ออันรดาจากไป แฟรงค์จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาอยากจะเอาภาพของอชิให้ภามดู หลังจากทำงานให้ภามมาแปดปี เขามีความมั่นใจว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นมาหน้าตาดีเหมือนบอสของเขาอย่างแน่นอน! จากนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัดและยกปากกาตั้งโต๊ะกลับไปไว้ที่เดิม “ตรงนี้ดีกว่า” แฟรงค์ยิ้มก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อไปพร้อมกับนึกถึงอชิที่หน้าตาเหมือนภามมากอย่างกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
ขณะที่จมอยู่ในความคิด ประตูห้องทำงานของภามก็เปิดออก ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม อีกฝ่ายเดินมาที่โต๊ะของแฟรงค์ด้วยท่าทีสุขุม เขาวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเลขานุการพร้อมเอ่ยถาม “นัดเก้าโมงมาถึงหรือยังแฟรงค์”
“ไม่ครับบอส พวกเขายังมาไม่ถึง”
“ช้า! กล้าดียังไงมาขอรับเงินลงทุนเพิ่ม แล้วไม่รักษาเวลา”
“เอ่อ… บอสครับ ยังมีเวลาอีกสิบห้านาทีถึงจะเก้าโมงเช้าครับ”
“แฟรงค์ทุกการนัดหมาย ต้องมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง นั่นเป็นมาตรฐานของการทำธุรกิจ ยกเลิกนัดแล้วบอกเขาว่าฉันไม่สนใจแล้ว!” ภามพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมย้ำคำสั่งของเขา
“ได้ครับบอส ตามที่คุณต้องการเลย” แฟรงค์ตอบรับ
ภามกำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นท่าทางของแฟรงค์ที่ดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ เขาถึงได้หันกลับมาหาแฟรงค์
“นายเป็นอะไรไปแฟรงค์?” พลางคว้าปากกาตั้งโต๊ะสีทองของแฟรงค์ขึ้นมา “อันนี้ควรจะวางอยู่ด้านข้างของโต๊ะ!” เขาหรี่ตาลงและเอ่ยต่อ “วางตรงกลางโต๊ะแบบนี้มันเกะกะลูกตา!”