ข้ามีน้องสาวด้วยหรือ2

1444 Words
เมื่อมาถึงตรอกที่ลับตาผู้คนก็โยนตั๋วเงินเข้ามิติ สวีไค่เฉิงคนนั้นเกลียดขี้หน้านางชัดเจน ดูแล้วคงหึงหวงคนรักหนานกงเยี่ย ครั้งหน้ามาส่งแบบเครื่องประดับต้องระวังอยู่ห่างจากสองคนนี้ถึงจะปลอมเป็นท่านป้าแต่แววตาหลอกกันไม่ได้ ทางที่ดีเจอแค่หลงจู้ก็พอ มาถึงโรงพิมพ์หลินผู่เย่วก็ลุกขึ้นเอ่ยลา "ข้าไปก่อนนะ ต้องไปเตรียมของอีกไม่กี่วันถึงวันครบรอบวันตายท่านแม่ข้าแล้วต้องไปไหว้หลุมศพนางที่นอกเมืองนะ" หลินผู่เย่วน้ำตาคลอ ฟางซือหมิงลูบหลังปลอบใจนาง เจียงฟางซินเป็นเพื่อนกับหลินผู่เย่วมาแต่เด็กแต่ไม่ได้สนิทกับสกุลฟาง จึงไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ตระกูลหลินเป็นนักรบมีเพียงหลินต้งบิดาของหลินผู่เย่วที่เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตั้งแต่แต่งตั้งอนุหลิวคนนั้นขึ้นเป็นเมียเอกเด็กคนนี้ก็ต่อต้านบิดามาโดยตลอด นางพอมีวรยุทธใครพูดไม่ถูกหูก็ชักแส้ตี เพราะเป็นหลานหลินปู้อันจึงไม่มีใครกล้าลงโทษ หลินต้งทำได้เพียงเนรเทศบุตรสาวไปอยู่ท้ายเมืองหลวงเท่านั้น เพราะบิดาเดินทางไปทำธุระให้ฮ่องเต้เขาจึงสามารถกำราบบุตรสาวได้ บ้านหลังนั้นไม่เล็ก มีถึงสามเรือนแต่นางอยู่กับสาวใช้หนึ่งคนและองครักษ์อีกสองคนเท่านั้น "พี่ผู่เย่ว ท่านเตรียมกระดาษเงินกระดาษทองก็พอ ที่เหลือข้าจะลงมือทำเองถึงวันครบรอบข้าจะไปดักรอท่าน" "ขอบใจนะ อาหารที่เจ้าทำอร่อยจริงๆฉีเอ๋อร์ พี่ฟางซินข้าไปก่อนนะเจ้าคะหมิงหมิงไว้เจอกันใหม่นะ" จางซูฉีบอกลาฟางซือหมิงก่อนจะพาเจียงฟางซินเดินลัดเลาะตรอกนั้นตรอกนี้จนถึงหลังร้านขายผ้า เข้าเขาชายป่าเดินตามทางกลับบ้านเชิงเขา หลินผู่เย่วกำลังจะไปร้านขายเครื่องเซ่นไหวก็ได้ยินเสียงทักทายดังมา "อุ๊ย ซวงซวงนั่นมิใช่พี่สาวชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเจ้าหรอกหรือ" จางซิ่วเอ๋อร์เป็นเพื่อนกับหลินซวงน้องสาวต่างมารดาของหลินผู่เย่วเอ่ยเสียงดังมาแต่ไกล คนที่ผ่านไปมาจึงหยุดมอง หนานกงเยี่ยที่เสร็จธุระแล้วกำลังจะเข้าวังก็หยุดยืนดู จางซิ่วเอ๋อร์คนนี้คือคนที่ต้องแต่งงานกับเขา อยู่ๆก็ป่วยส่งน้องสาวสติไม่ดีมาแต่งแทน สกุลจางเป็นสกุลแม่ทัพหากไม่ใช่เพราะเกรงใจจางป๋อคุณที่รั้งอยู่ชายแดนเขาคงกวาดล้างจวนจางให้เหลือแต่ชื่อไปแล้ว "จางซิ่วเอ๋อร์ ข้าหลินผู่เย่วป็นลูกคนเดียวตาข้างไหนของเจ้าถึงเห็นว่าข้ามีน้องสาว" หลินซวงที่เห็นสวีไค่เฉิงยืนอยู่ตรงนั้นก็แสร้งอ่อนแอทันที น้ำตาค่อยๆไหลสะอื้นเล็กน้อยเหมือนถูกคนรังแก "พี่หญิง เหตุใดท่านต้องรังเกียจข้าด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อรักเอ็นดูข้าแล้วเป็นความผิดของข้าหรือ ท่านแม่ข้าไม่เคยหวังสูงแต่เพราะท่านพ่อเห็นใจที่นางยอมอดทนถูกรังแกมาตลอดเมื่อถึงเวลาจึงชดเชยเท่านั้น" ชาวบ้านเริ่มฮือฮาถูกรังแกมาตลอด หรือว่าคุณหนูคนนี้จะรังแกแม่เลี้ยงกับน้องสาวจริงๆหลินผู่เย่วคนนี้โหดร้ายนัก หลินผู่เย่วไม่สนใจเรื่องน้องสาวที่นางไม่ยอมรับแต่การที่เอ่ยว่าแม่ของนางถูกรังแกนั่นเท่ากับว่ากล่าวหามารดาของตนมิใช่หรือ "หลินซวง ข้าให้เจ้าพูดอีกทีแม่ข้ารังแกเจ้ากับแม่หรือไม่ หากไม่ชัดเจนวันนี้ต่อให้ใต้เท้าหลินอยู่ตรงนี้ข้าก็จะกระชากเนื้อเจ้าออกมา" หลินผู่เย่วไม่เรียกหลินต้งว่าบิดากลับเรียกว่าใต้เท้าแทน หลินซวงจึงร้องไห้หนักกว่าเดิมบอกนางกลัวแล้วจากนี้ไปจะเคารพหลินผู่เย่วและไม่กล้าพูดถึงอดีตฮูหยินอีก ยิ่งทำให้ชาวบ้านสงสารและซุบซิบถึงอดีตฮูหยิน หลินผู่เย่วมือสั่นกล่าวหามารดานางหรือ "ข้าไม่เคยรังแกเจ้าแม่ลูก แต่ในเมื่อเจ้ายืนยันว่าข้าทำคนก็ตัดสินไปแล้วว่าข้าโหดเหี้ยมเช่นนั้น ไม่ทำตามคำพูดของเจ้าข้าก็คงทำให้เจ้าเสียความตั้งใจแล้ว" สิ้นคำของนางแส้แรกก็กระชากเอาเสื้อหลินซวงขาดจนเห็นเนื้อด้านใน เนื้อแตกทันที แส้สองกระชากแขนเสื้อจนขาดเลือดติดแส้มาน่ากลัวนัก หลินซวงล้มลงทันทีหลินผู่เย่วฝึกใช้แส้แต่เด็กทุกครั้งที่ฟาดจะติดหนังมาด้วยเจ็บปวดยิ่งนัก แม้ว่าจะน่าเวทนาแต่ใครจะกล้าช่วยนาง คนที่ห้ำหั่นนางอยู่คือหลานสาวหลินปู้อันหัวหน้าองครักษ์หลวงเชียวนะ หลินผู่เย่วกำลังจะฟาดครั้งที่สามก็มีคนมาจับปลายแส้ยึดแส้ของนางไว้หลินผู่เย่วตาแดงนางกำลังโกรธ "เจ้าไม่ป่าเถื่อนไปหน่อยหรือ นางเป็นน้องสาวเจ้านะ" "สวีไค่เฉิง เรื่องบ้านหลินข้าต้องให้ท่านยื่นมือแต่เมื่อไร น้องข้าหรือไม่ข้ารับก็ใช่หากข้าไม่รับนางก็ไม่ใช่ปล่อยมือไม่เช่นนั้นข้าจะลงแส้เจ้าอีกคน" "ฮือๆๆพี่ไค่เฉิงหลินซวงเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ พี่หญิงโหดร้ายนัก" สวีไค่เฉิงกระชากปลายแส้จนหลินผู่เย่วทรงตัวไม่อยู่ถลามาหาเขา สวีไค่เฉิงบีบข้อมือนางจนแดง มีเสียงดังมาเขาจึงหยุดมือ "นั่นเจ้าทำอะไร ปล่อยน้องนะเฉิงเอ๋อร์ เย่วเย่วมาหาป้านี่ใครกล้ารังแกเจ้าก็เท่ากับว่าไม่เห็นหัวข้า" สวีไค่เฉิงปล่อยข้อมือนางทันที สวีฮูหยินคว้าร่างบางมากอดพอเห็นข้อมือที่แดงก็ส่งสายตาพิฆาตไปยังบุตรชายทันที "เจ้าแยกแยะเป็นหรือไม่ เย่วเย่วไม่เคยหาเรื่องใครก่อน หากไม่มีใครยั่วยุนางจะขาดสติหรือ" จางซิ่วเอ๋อร์ไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะตรงนี้มีหนานกงเยี่ยยืนอยู่ ถ้าไม่เพราะท่านปู่บ้านใหญ่ของนางคงสาบสูญไปแล้ว "หลินซวงคารวะท่านป้าเจ้าค่ะ" "จงเรียกข้าฮูหยิน ดูท่ามารดาเจ้าคงไม่สั่งสอนสินะ แค่ถูกยกขึ้นมาเป็นเมียเอกนึกว่าสูงส่งมากนักหรือ กลับไปบอกนางด้วยหัดทำตัวให้สมกับคนชั้นสูงหน่อยหากทำไม่ได้ก็กลับไปอยู่ที่เดิม" สวีฮูหยินไม่มองหน้าหลินซวงด้วยซ้ำ จูงมือหลินผู่เย่วเจ้าไปในร้านน้ำชา ร่างบางร้องไห้กอดคนตรงหน้าแน่นก่อนจะเรียกท่านป้า "เด็กดีไม่ร้องแล้วป้าอยู่ตรงนี้ เฉิงเอ๋อร์เรื่องวันนี้แม่ไม่อยากให้เกิดซ้ำเป็นครั้งที่สองจำไว้ ไปเถอะเห็นหน้าเจ้าแล้วข้าโมโหยิ่งนัก เป็นถึงผู้ว่าการศาลต้าหลี่แต่สายตาโง่งม ไม่รู้จักแยกแยะ" สวีไค่เฉิงมองหลินผู่เย่วที่ร้องไห้ซุกอกมารดาเขาอยู่ หึเสแสร้งเก่งนักก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปหาหนานกงเยี่ยกับหลี่หมิงหลงที่รออยู่เพื่อเข้าวัง "เด็กดีอีกเจ็ดวันจะเป็นวันเกิดท่านแม่ลุงสวีของเจ้าแล้วเหล่าไท่ไท่คิดถึงเจ้าป้าจะให้คนไปรับ หรือว่าย้ายมาอยู่จวนสวีดีที่นั่นไกลจากในเมืองอันตรายไม่น้อย" "ข้ามีวรยุทธ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ก่อนจะไปทำงานให้ฝ่าบาท ท่านปู่ทิ้งคนให้ใช้สอยพอสมควร ท่านป้าแต่งานวันเกิดข้าเกรงว่าหากเจอหน้าเขาจะทำให้งานของท่านไม่สนุก" "ช่างปะไร ข้าให้เจ้าไปเพราะแม่สามีข้าคิดถึงเจ้าข้าเองก็ด้วยบิดาเจ้าเป็นสามีข้าที่เชิญมาเกี่ยวอะไรกัน หากสองแม่ลูกนั่นกล้าหาเรื่องที่จวนข้าคอยดูเถอะข้าจะจัดการพวกนางอย่างไร" หลินผู่เย่วกอดสวีฮูหยินแน่น ตั้งแต่ท่านแม่จากไปมีเพียงสวีฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าสวีที่เมตตานาง ส่วนท่านย่าของนางไปถือศีลมาสามปีแล้วยังไม่กลับท่านพ่อถึงกล้ายกย่องหลิวอี้เหนียงคนนั้นขึ้นเป็นเมียเอก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD