**** บางครั้ง โชคชะตา ไม่ได้นำพา ความทุกข์ มาหาเราเพียงอย่างเดียว ****
PhraPhai Part
"ที เห็น น้องสาว ของพวกเรากันมั๊ย หลับปุ๋ยเชียว แม่ครับ เมื่อไหร่น้องจะตื่นมาเล่นกับ พี สักที พี อยากเล่นกับน้องแล้ว" เด็กชายปฐพี ลูกชายคนรองถามผู้เป็นมารดาที่นอนอยู่เตียงในโรงพยาบาล ในขณะที่บิดากำลังเก็บของเข้าตู้ให้เรียบร้อย ส่วนลูกชายคนโตก็เดินเข้ามาดู น้องสาว อีกฝั่งหนึ่ง
"น้องสาว ตัวแดงเชียวครับแม่ เมื่อไหร่น้องจะตื่นมาเล่นกับพวกเราครับแม่ ที อยากเล่นกับน้องแล้ว" เด็กชายนที ลูกชายคนโตถามมารด่ขึ้นมาบ้างอย่างตื่นเต้น
"คิดชื่อลูกสาวของเราไว้ยังคะ จะให้ชื่ออะไรดี" คุณวารีหันไปถามสามีที่เดินเข้ามาหา
"คิดไว้แล้วหละ แต่น้ำจะชอบชื่อนี้เหมือนเรารึป่าวก็ไม่รู้" คุณอัคนีผู้เป็นสามีบอกกับภรรยาที่นอนบนเตียงด้วยท่าทีเกรงใจ
"หินตั้งชื่อลูกว่าอะไร น้ำก็ชอบทั้งนั้นแหละ ดูอย่างชื่อเจ้าแฝดสองคนที่หินตั้ง น้ำก็ชอบนะ" คุณวารีบอกกับสามี พร้อมกับมองมาด้วยสายตารักใคร่
"ลูกสาวคนเล็กของเรา พระพาย น้ำว่าไง ชอบมั๊ย" คุณอัคนีถามความคิดเห็นภรรยาเมื่อบอกชื่อลูกสาวคนเล็กออกไป
"พระพาย เพราะดีค่ะหิน น้องพาย ของแม่ ขอให้เป็นสายลมที่พัดเอาแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะลูก" คุณวารีเอามือมาสัมผัสบนศีรษะลูกสาวตัวนอนที่นอนหลับบนเตียงเด็ก โดยมีพี่ชายฝาแฝดจับจ้องมองน้องสาว รอการตื่นของน้องสาวเพื่อจะได้เล่นกับพวกเขา
เวลา 10 ปีต่อมา @โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ
"เมื่อไหร่คุณแม่จะได้กลับบ้านคะคุณพ่อ หนูอยากนอนกอดคุณแม่" เด็กหญิงพระพายถามผู้เป็นบิดาขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
"เดี๋ยวคุณแม่ก็ได้กลับบ้านไปอยู่กับพวกเรานะครับ" คุณพ่อลูกสามตอบลูกสาวคนเล็กด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้ว ที่คุณแม่ลูกสามเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและมีทีท่าว่าจะไม่ได้ออกมาง่ายๆ
ตอนนี้คุณพ่อลูกสามกำลังพาลูกๆทั้งสามคนไปเยี่ยมคุณแม่ที่นอนรอในโรงพยาบาล ในขณะที่ทั้งสี่กำลังเดินเข้าไปหาคุณแม่นั้น ลูกสาวคนเล็กกำลังเดินผ่าน ใครสักคน ที่สวนทางไปยังศูนย์อาหารของโรงพยาบาล
"ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับคนไข้ ยังมีอาการแสดงอยู่รึป่าวครับ" คุณหมอเจ้าของไข้กำลังซักถามอาการ เป็นอบบนี้ทุกวันตลอดสามเดือนที่คุณวารีเข้ารับการรักษาตัว
"ปวดเป็นช่วงๆค่ะ แต่หลังปวดถี่ขึ้น คุณหมอคะ ดิฉันจะมีโอกาสได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวมั๊ยคะ" คุณวารีบอกกับคุณหมอประจำไข้ และสอบถามถึงโอกาสที่จะได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว
เสียงคนป่วยถามคุณหมอด้วยอาการเศร้า ในขณะที่คนป่วยกำลังคุยกับคุณหมออยู่นั้น คุณพ่อและลูกๆก็เปิดประตูห้องเข้ามา
"แม่คะ หนูมาแล้ว วันนี้คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้หนูนอนกอดคุณแม่ได้มั้ยคะคุณหมอ" คุณหมอหนุ่มหัวเราะกับความน่ารักของสาวน้อยที่เข้ามาใหม่ด้วยความเอ็นดู
"ทำไมจะไม่ได้หละครับคนสวย" คุณหมอเจ้าของไข้บอกกับเด็กสาวที่มองหน้าถามควาทเห็นจากเขา
"หนูกลัวคุณแม่เจ็บค่ะ หนูไม่อยากให้คุณแม่เจ็บ" เด็กหญิงพระพายบอกกับคุณหมอออกไปด้วยสีหน้ากังวล
"น่ารักจริงๆ รู้จักห่วงความรู้สึกคุณแม่ด้วย โตขึ้นอยากเป็นอะไรครับคนสวย คุณหมอถามได้ไหม" คุณหมอบอกกับเด็กสาวอย่างเอ็นดูในการกระทำของเธอที่อ่อนน้อมถ่อมตนแต่เด็ก
"โตขึ้น หนูอยากเป็น หมอ ค่ะ จะได้รักษาคุณแม่และทุกคน"
"คุณหมอ ขอให้หนูได้เป็น หมอ นะครับ"
สักพัก คุณอัคนีและคุณหมอก็เดินออกไปคุยกัน ปล่อยให้เด็กๆอยู่กับคุณวารี
"คิดถึงแม่จัง ที่บ้านไม่มีแม่อยู่มันเหงาจังครับ" เด็กชายนทีบอกกับมารดาด้วยน้ำเสียงเศร้า
"แม่หายไวไวนะครับ พวกเราอยากให้แม่กลับบ้านไปอยู่ด้วยกัน" เด็กชายปฐพีหันมาบอกมารดาบ้าง
"น้องพาย จะไปไหนคะลูก" คุณวารีหันไปถามลูกสาวตัวน้อยที่กำลังเดินไปยังประตูห้อง
"หนูอยากไปเดินเล่นค่ะ หนูไปได้ไหมคะแม่" เด็กหญิงพระพายบอกกับมารดาด้วยสายตาเว้าวอนปนขอร้องว่าอยากออกไป
"ได้จ๊ะ แต่อย่าไปไกลและออกจากตึกนี้นะคะลูก" คุณวารีบอกกับลูกสาวตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
ขณะที่ พระพาย เดินออกมาจากห้องนั้น เธอได้ยินสิ่งที่คุณหมอและบิดาของเธอได้สนทนากันถึงอาการป่วยของมารดาของตนที่เป็นอยู่
"โรคนี้โอกาสหายยากมากครับ เราจะพยายามเต็มที่ให้คนไข้อยู่ให้นานที่สุด แต่คนไข้กำลังใจดีมากครับ นี่คือสิ่งสำคัญในการรักษา หมออยากให้ญาติเข้มแข็งให้มากๆนะครับ เพราะถ้าคุณท้อ คนไข้ก็จะหมดกำลังใจ และโอกาสหายก็น้อยลงไปอีก" คุณหมอบอกกับคุณอัคนีด้วยน้ำเสียงเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมา
"ขอบคุณครับ คุณหมอช่วยภรรยาผมด้วยนะครับ จ่ายเท่าไหร่ผมก็ยอม ขอแต่เธอหายและได้กลับบ้านไปอยู่ด้วยกัน" คุณอัคนีบอกกับหมอเจ้าของไข้ด้วยน้ำเสียงขอร้องปนเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นมากับครอบครัวของเขา
ในสายตาของ พระพาย ตอนนี้เห็นสีหน้าคนเป็นพ่อเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ และคำพูดที่คุณหมอบอกพ่อเธอนั้น คือคุณแม่จะไม่ได้กลับบ้านไปอยู่กับพวกเราใช่ไหม
PhraPhai Take
"นั่น เธอ ทำอะไรตรงนั้นหนะ ร้องไห้ทำไม" เสียงเด็กผู้ชายดังมาจากข้างหลังฉันที่กำลังร้องไห้ตรงม้าหินอ่อนในสวนหย่อมของโรงพยาบาล
"สวัสดี ฉัน ฮึก ฮึก แม่ของฉันกำลังจะตาย" ฉันร้องไห้ต่อหน้าคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ทั้งที่ฉันไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใครเลย นอกจากคนในครอบครัว
"แม่ของเธอเป็นอะไร พ่อแม่ของเราเป็นหมอ แล้วก็เป็นหมอที่เก่งมากด้วย ต้องช่วยแม่ของเธอได้แน่ๆ โรงพยาบาลนี้เป็นของพ่อเรา ยังไงคุณพ่อต้องช่วยแม่เธอให้หายแน่นอน" เด็กผู้ชายคนนั้นพูดออกมาให้ฉันได้ยินอย่างมีความหวัง
"จริงๆ นะ" ฉันร้องออกมาอย่างดีใจและปาดน้ำตาที่เลอะหน้าออก
"จริงสิ เอานี่ไป เครื่องลางแห่งความโชคดี เราให้เธอ เธอจะได้เจอแต่เรื่องดีๆ" ฉันรับสร้อยจากเด็กชายคนนั้น
"ขอบใจนะ แล้วนายชื่ออะไรอะ เราชื่อ.." ในขณะที่ฉันกำลังจะบอกชื่อตัวเองอยู่นั้น
"ลม อยู่ไหนครับได้เวลากลับบ้านแล้วครับ" เสียงของผู้ชายคนนึงร้องเรียกใครสักคน ซึ่งน่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน
"เรา ไปก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่"
แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นก็เดินจากฉันไป โดยที่ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองให้กับเค้าเลย ลม ชื่อนายเหรอ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ