EP04
2 ปีต่อมา
สองพี่น้องนั่งสบตากันอยู่ที่เยี่ยมผู้ต้องขังโดยมีผู้คุมคอยยืนสังเกตการณ์อยู่ ตรงนี้คือเรือนจำของขวัญมาเยี่ยมพี่ชายแท้ๆ ในรอบหลายเดือนพร้อมกับซื้อของฝากติดมือมาด้วย
"หนูขอโทษนะคะพี่ภูที่ไม่ได้มาเยี่ยมนานเลย พอดีช่วงนี้กำลังยุ่งกับเรื่องเรียนมหาลัย"
"พี่เข้าใจ แล้วช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง นายนั้นไม่ได้ยุ่งกับขวัญแล้วใช่ไหม" ภูผาถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นห่วงน้องสาวถึงแม้จะอยู่ในคุกแต่ก็รู้ดีว่าน้องสาวตนเองต้องทรมานขนาดไหน
"ตั้งแต่จบไป เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับหนูแล้วพี่ภูไม่ต้องห่วงนะคะ"
"แน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้มีอะไรปิดบังพี่"
"ไม่มีค่ะ" เธอยิ้มให้คนตรงหน้าเพื่อให้เขามั่นใจ มีสิ่งหนึ่งที่ของขวัญจำมาตลอดคือคำพูดในวันปัจฉิมเธอยังจำได้ดีเเละไม่เคยลืม
"แล้วนี่สอบเข้าได้ที่ไหน กำลังจะเรียนมหาลัยแล้วนิ"
"มหาลัยแอสตัน อินซีเรียค่ะ"
"นั้นมันมหาลัยอันดับหนึ่งเลยนิ น้องสาวของพี่ยังเก่งเหมือนเดิมสินะ" ภูผาฉีกยิ้มกับความสำเร็จของน้องสาวก่อนจะยื่นมือมายีหัวของขวัญ ดวงตากลมโตที่ไร้การปกปิดจากแว่นหนาจ้องมองภูผาด้วยความดีใจไม่ต่างกัน พี่ชายเธอแสนดีขนาดนี้จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง…
"พี่ภูคะ…"
"ว่าไง" เขาขานรับแล้วผละมือออกจากศีรษะทุยเจ้าของเรือนผมสีดำเงางามเป็นลอนอย่างธรรมชาติ
"พี่ไม่ได้ทำใช่ไหมคะ" เธอหมายถึงเรื่องนิดาที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ภูผาเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถเล็กๆ วันหนึ่งแทบจะไม่มีลูกค้าด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อมีคลิปหลุดเรื่องบนเตียงของนิดาที่บังคับให้ช่วยตนเองและถ่ายภาพอนาจารลงอินเทอร์เน็ต ข่าวนั้นกลายเป็นกระแสทั่วข้ามคืนจนหญิงสาวทนต่อภัยสังคมไม่ไหวตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันกีฬาสีของสองปีที่แล้ว และตำรวจก็ได้เข้าจับกุมตัวภูผาพร้อมหลักฐาน
"พี่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้"
"พี่ภูปิดบังอะไรหนูอยู่ ถ้าพี่ไม่ได้ทำ…"
"พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม อย่าถามเรื่องนี้อีก" สีหน้าภูผาแปลเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมาภายในพริบตา ทำให้ของขวัญยอมเงียบ เธอมักถูกดุทุกครั้งเมื่อถามถึงเรื่องนี้
"หนูขอโทษค่ะ"
ครืด~ ครืด~
ในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของขวัญก็สั่นเครือในกระเป๋าสะพายใบโปรด มือบางจึงล้วงหยิบขึ้นมาดูรายชื่อก็พบว่าเป็นหัวหน้าแผนกบริการจากโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง
"สวัสดีค่ะ ขวัญพูดสายค่ะ"
(งานจะเริ่มแล้ว เธอมาแสตนบายในงานได้เลย)
"ได้ค่ะ หนูจะรีบไป"
(ให้เร็วด้วย)
"ค่ะ"
คุยโทรศัพท์เสร็จสับก็กดวางสายแล้วหย่อนเครื่องมือสื่อสารลงที่เดิม สายตาละมองภูผา
"ไว้หนูจะมาหาใหม่นะคะ พอดีต้องรีบไปทำงาน"
"ครับ" บอกลาพี่ชายเสร็จก็หยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกมาเพื่อเรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรมหรู ที่วันนี้ถูกจัดงานการกุศลด้วยการประมูลศิลปะจากศิลปินชื่อดังทั่วทุกมุมโลกเป็นงานใหญ่ระดับประเทศและเงินที่ได้จากการประมูลก็จะร่วมส่งให้คนที่ยากลำบากหรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ของขวัญสมัครงานเป็นพนักงานเสิร์ฟชั่วคราวหลังงานจบก็รับเงินแล้วกลับ ชีวิตต้องดิ้นรนทุกอย่างอยู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว
"ขอดูบัตรเชิญด้วยครับ"
"นี้ค่ะ" ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงโรงเรียนหรูที่จัดงาน ของขวัญเดินลงมาจากแท็กซี่หลังจ่ายตังเสร็จแล้วหยุดอยู่หน้าทางเข้าเธอก็หยิบป้ายห้อยคอพนักงานเสิร์ฟขึ้นให้บอดี้การ์ดหน้างานดู
"เชิญครับ"
"ค่ะ" มือบางรับคืนแล้วเดินอ้อมเข้าไปยังด้านหลังแทน เธอไม่อยากเดินผ่าเข้าไปในงานของคนมีระดับ พอมาถึงห้องเปลี่ยนชุดก็หยิบขึ้นมาสวมแล้วออกไปยืนตามตำแหน่งโซนเครื่องดื่มภายในงานที่ได้รับมอบหมายก่อนจะเริ่มงานของตนเองเมื่อแขกทยอยมา ในงานมีนักข่าวจากหลายสำนักรวมถึงศิลปินชื่อดัง การบริการของพนักงานเสิร์ฟของงานนี้ต้องพูดได้อย่างน้อยสองภาษานอกจากภาษาไทยแล้ว
"เฮ้! ขอเครื่องดื่มหน่อยครับสี่ที่" เสียงของชายชาวอิตาลีพูดขึ้นมา ของขวัญที่สามารถสื่อสารภาษาอิตาลีได้จึงหยิบเครื่องดื่มชั้นดีใส่ถาดแล้วเดินเข้าไปเสิร์ฟ
"ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ"
"ขอบคุณครับ ที่นี้คุณฟังภาษาอิตาลีออกคนเดียวแบบนั้นหรอ"
"ดิฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อาจจะมีคนอื่นที่ฟังออกแต่คงไม่ได้อยู่แถวนี้" เธอตอบฉะฉานด้วยรอยยิ้มหวานประดับใบหน้า ท่าทางอ่อนน้อมวางตัวดีของหญิงสาวทำให้ศิลปินหนุ่มชาวอิตาลีพึงพอใจไม่น้อย
"แต่ผมว่าน่าจะมีแค่คุณที่ฟังออก งานระดับโลกแบบนี้ก็ควรจะมีพนักงานมากความสามารถแบบนี้ด้วยนะ จริงไหมสหาย" ชายชาวอิตาลีพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษแล้วมองไปที่เพื่อนอีกสามคนแต่บทสนทนาเมื่อครูของเขากลับเป็นภาษาอังกฤษ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ ไม่สงสัยหน่อยหรอทำไมผมถึงพูดภาษาอิตาลีแทนจะพูดภาษาอังกฤษ" เขารั้งของขวัญเอาไว้แล้วถามต่อ เพราะไม่อยากให้แขกไม่พอใจคนตัวเล็กจึงยอมคุยต่ออีกหน่อย
"ทำไมหรอคะ"
"เพราะผมอยากวัดความสามารถของพนักงานเสิร์ฟ"
"เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้รึเปล่า ฉันเป็นศิลปินมาจากฝรั่งเศสนะ" ชายอีกคนถามเป็นภาษาฝรั่งเศสเเล้วยกมือขึ้นหวังจะจับทักทายเธอ ของขวัญจึงตอบกลับด้วยการสวัสดีและชวนมาเที่ยวเมืองไทยเป็นภาษาของเขา
"เธอดูเก่งมากทั้งที่หน้าตาดูยังเด็ก ยินดีที่ได้รู้จักนะสาวน้อย" บุคคลที่สามในกลุ่มทักทายเธอ
"สวัสดีครับ ผมมาทักทายเห็นคุยอะไรกันคงจะสนุกน่าดู" เดชาเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม กลุ่มชายวัยกลางคนที่ยืนคุยกับของขวัญจึงหันกลับไปทักทายเขา
"ผมเจอพนักงานเสิร์ฟคนนี้ เธอพูดได้หลายภาษาเป็นเด็กที่เก่งมาก" ชายชาวอิตาลีปรายตามองใบหน้าสวยหวานด้วยความชื่นชม ทำให้สายตาของเขาเดชามองไปที่คนตัวเล็ก
"นั้นใช่ลูกชายของท่านรึเปล่าครับ พึ่งเห็นมาออกงาน หน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้คุณเดชาเลยนะครับ" คำทักท้วงของศิลปินชาวฝรั่งเศสทำให้ทุกสายตามองไปที่เมฆาเขากำลังเดินมาพร้อมกับเลขาของเดชา
"ใช่ครับ เมฆา ลูกชายของผมเอง" เดชาแนะนำแล้วจับแขนลูกชายมาทักทาย แต่ทว่าความสนใจของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่กลุ่มศิลปินระดับโลก สายตาเรียบนิ่งจับจ้องที่ใบหน้าหญิงสาวที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ของขวัญไม่ได้สวมแว่นเหมือนแต่ก่อน ดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกายขนตาแพหนาคล้ายตุ๊กตา จมูกเชิดรั้นไม่ได้ถูกการแต่งแต้มรับกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ผมถูกรวบเป็นมวยอวดใบหน้าเรียวมันทำให้ชายหนุ่มแทบจะละสายตาจากเธอไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที…
•••
อาการตกตะลึงหรือตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัวกันนะ55555555555555555
สปอย EP5 ในกลุ่มนะครับบ