บทที่1
“อื่อ” เสียงหวานครางแผ่วมาจากเตียงนอนหลังใหญ่
“คุณหนูพื้นแล้ว!”
เสียงสตรีตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังลั่นไปทั่ว ทำเอาไพรินจำต้องปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นดูว่าเป็นเสียงของใคร ไม่ช้าคนกลุ่มใหญ่ก็วิ่งเข้ามารุมล้อมข้างเตียง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหมยตาฮวย” มือเหี่ยวย่นของสตรีชราบีบนวดไปทั้งแขนของเธอ แต่ไพรินก็ไร้ซึ่งแรงจะขัดขืนใครกัน เหมยตาอวย ชื่อโคตรแปลก
“พวกคุณเป็นใคร คุณป้าล่ะ” ไพรินถามด้วยเสียงแหบพร่า
“ข้านี่ไงท่านป้าของเจ้า” สตรีวัยกลางคนที่บีบแขนไพรินอยู่รีบตอบ
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักพวกคุณ” ไพรินส่ายหน้าวืด พยายามขืนตัวลุกขึ้นแต่พบว่าตัวเองนั้นไร้เรียวแรง
“ท่านหมอ” จางฮูหยินน้ำคลอ หันไปหาหมอหลวงที่ฮองเฮาส่งมารักษาอาการของอู่เหมยตาฮวยด้วยน้ำเสียงสั่นครือ
“จางฮูหยินไม่ต้องเป็นกังวัล ข้าตรวจดูชีพจรคุณหนูใหญ่แล้ว อาการไม่น่าเป็นห่วง คงจะยังมีอาการกระทบกระเทือนความทรงจำจากพิษไข้ อีกไม่กี่วันคงจะหายเป็นปกติ คุณหนูยังไม่สร่างไข้ดีนัก ทานยาต้มอีกสัก 2-3 วัน อาการคงทุเลา ระหว่างนี้ข้าจะมาตรวจอาการของคุณหนูทุกเช้า”
ไพรินได้ยินชายชราหนวดเครายาวเหยียด ผมสีดอกเลาหันไปพูดกับคนกลุ่มนั้น เธอจึงพยายามลืมตาเพ่งมองอย่างตั้งใจอีกรอบ พบว่ารอบๆ กายผิดแปลกไปจากความเป็นจริงไปหมด ไม่ว่าจะการแต่งการ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในห้อง ไพรินจำได้ว่าตกแม่น้ำ หากถูกงมขึ้นมาจากแม่น้ำได้เธอต้องตื่นมาที่โรงพยาบาล ไม่ใช่ที่แปลกๆๆ แบบนี้
อย่าบอกนะ!
ยิ่งสตรีใช้ชุดสีขาวบีบนวดปลายเท้าของไพรินอยู่ในตอนนี้ แรงบีบและน้ำหนักมือที่กดลงบนฝ่าเท้า ตอกย้ำว่าตอนนี้เธอไม่ได้กำลังฝันอยู่
นี่ฉันทะลุมิติอย่างนั้นหรอ
“แน่ใจหรือเจ้าค่ะ” จางฮูหยินถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับอู่เหมยตาอวยระหว่างที่มาพักอาศัยอยู่ที่จวนสกุลจาง แค่นางตกน้ำสลบไสลหลับไม่พื้นมาสามวันสามคืน ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว แค่นี่ฮองเฮาก็พิโรธโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่หลานรักน้องมาตกน้ำตกท่าในจวนของนางแบบนี้ ถึงขั้นส่งหมอหลวงในวังมารักษาเอง เพราะไม่ไว้ใจคนสกุลจางอีกแล้ว
“แน่นอน” หมอหลวงกล่าวย้ำ เข้าใจถึงความกังวลของจางฮูหยินเป็นอย่างดี
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ค่อยวางใจหน่อย ชิงชิง เจ้าดูแลคุณหนูเจ้าให้ดี ข้าจะออกไปส่งท่านหมอที่หน้าจวน” จางฮูหยินหันไปบอกสาวใช้คนสนิทของเหมยตาฮวย
เมื่อคนกลุ่มใหญ่หายยกขบวนออกไปจากห้อง ไพรินที่หลับตาทบทวนสติอยู่เงียบๆ ก็ค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนูท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ อยากดื่มน้ำหรือน้ำแกงร้อนๆ หรือไม่”
ได้ก็ดี กำลังคอแห้ง ไพรินจึงพยักหน้ารับ
เมื่อชิงชิงเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตือออกจากห้องไป ไม่กี่อึดใจก็กลัวเข้ามาพร้อมน้ำแกงชามโต นางประคองชามน้ำแกงเข้าใกล้ริมฝีปากไร้สีเลือด ไพรินอ้าปากรับอย่างไม่อิดออด
“เธอเป็นใคร” เมื่อดื่มน้ำแกงและตามด้วยน้ำชาเรียบร้อย ไพรินจึงคิดว่าถึงเวลาที่ต้องสอบถามข้อมูลจากคนตรงหน้า
ชิงชิงขมวดปมคิ้วจนยุ่ง เหตุใดคุณหนูจึงพูดแปลกๆ
“คุณหนูหมายถึงสิ่งใดเจ้าค่ะ”
ไพรินแทบจะยกมือขึ้นกุมศีรษะ โอ้ยจะคุยยังไงให้เข้าใจกันเนี่ย ความรู้ท่วมหัว จะเอาตัวไม่รอดก็งานนี้ล่ะ
“ฉัน..ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใคร”
“คุณหนูก็เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอู่ ข้าเป็นสาวใช้คนสนิทของท่านอย่างไรละเจ้าคะ”
“เจ้าชื่อ”
ชิงชิงเริ่มเข้าใจคำว่ายังไม่สร่างไข้ของท่านหมอหลวง คุณหนูของนางยังไม่ตื่นดีคงจะยังสลับสนหลายๆ อย่างอยู่ ไม่เป็นไร ชิงชิงคนนี้จะค่อยช่วยเหลือคุณหนูเอง
“ข้าชื่อชิงชิง ส่วนท่านมีนามว่าอู่เหมยตาฮวย”
ไอ้ชื่อแปลกๆ นั้นคือชื่อเจ้าของร่างงั้นเหรอ
ไพรินพรูลมหายใจยาวทิ้งศีรษะลงบนหมอนอีกครั้ง นึกถึงความทรงจำก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาในโลกแปลกๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ความร้อนมากมายก็แล่นริ้วไปทั่วขอบตา ความปวดร้าวที่ถูกคนที่ไว้ใจถึงสองคนทรยศหักหลัง แต่นั้นยังไม่พอนิดยังพลักเธอลงแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอนั้นว่ายน้ำไม่เป็น