:: ศิลปะที่คาดไม่ถึง ::
“ชาเขียวกับเค้กบลูเบอร์รี่” ฉันเงยหน้าสบตากับพี่โจ้พี่ชายของเหมย หลังจากที่เลิกเรียนแล้วจึงพากันมานั่งเล่นที่ร้านของพี่โจ้รวมถึงไอซ์ด้วย “ว่าแต่ตกลงไป...”
“พี่โจ้ลูกค้าเรียก” เหมยรีบขัดคำพูดของพี่โจ้และลุกขึ้นดันแผ่นหลังของพี่ชายตัวเองไปยังหลังเคาน์เตอร์ เกือบจะหลุดเรื่องที่ฉันจะไปเป็นแบบให้คุณคัทแล้วสิ
“ร้านพี่โจ้เนี่ยมากี่ครั้งก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือภาพศิลปะที่สวยมากๆ ปรับเปลี่ยนเกือบทุกเดือน” อันนี้ฉันเห็นด้วยกับไอซ์นะที่ว่าภาพวาดที่แปะตามกำแพงร้านเป็นภาพวาดที่สวยจนแทบจะหาที่ติไม่ได้ ราวกับเป็นศิลปะที่คาดไม่ถึงเลยก็ว่าได้ในแต่ละภาพ “คนวาดคงเก่งระดับหนึ่งเลยนะ”
“แน่นอน” เสียงพี่โจ้ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาสบตากับฉันราวกับได้รับรู้เรื่องที่ไม่ควรพูดจากเหมยแล้ว “เพื่อนพี่เป็นจิตรกรอิสระที่เก่งที่สุด”
“โหจริงเหรอครับ ผมอยากเห็นจังครับ อยากได้รับคำแนะนำบ้าง”
“ถ้านั่งอยู่ที่นี่นาน อีกสักพักมันก็มา”
ถามจริง! คุณคัทจะมาที่นี่งั้นเหรอ หันไปสบตากับเหมยที่ไม่พูดอะไรกลับกินเค้กตรงหน้าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่เดี๋ยวนะ... หมายความว่ายังไงกันที่พี่โจ้พูด ถ้านั่งนานกว่านี้คุณคัทจะมาอันนี้ก็พอจะเข้าใจ แต่ในความหมายของคำถามไอซ์บอกแค่ว่าอยากเจอคนที่วาดภาพ พอปะติปะต่อเรื่องราวได้จึงหันไปสบตากับเหมยที่พยักหน้ารับ
เอี้ยวตัวหันไปมองประตูร้านที่ดังขึ้นเนื่องจากพี่โจ้ได้ผูกเชือกกระดิ่งไว้ยามที่มีลูกค้าเข้าร้าน ร่างสูงคุ้นตายืนอยู่หน้าประตูสักพักก็กวาดสายตามองไปรอบๆ จนมาหยุดที่โต๊ะของพวกเรา “อาจารย์คัท?”
ไอซ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย เมื่อคุณคัทเดินตรงมาหยุดตรงโต๊ะของพวกเราด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “นี่ไง คนที่วาดภาพทั้งหมดที่อยู่ในร้านพี่”
เพราะฉันรับรู้อยู่แล้วว่าคุณคัทเป็นคนวาดภาพทั้งหมด แต่ไอซ์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรถึงกับออกอาการเหวอไปในทันทีและชี้นิ้วไปยังรูปวาดบนศีรษะของฉันจึงเป็นรูปของวิวทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ยามเย็น ดูเหมือนจะเป็นภาพวิวธรรมดาแต่ทว่าถ้าลองได้สังเกตดีๆ ในภาพจะมีจุดหนึ่งที่เป็นชายหญิงนั่งกอดกันมองไปยังท้องฟ้าอันแสนไกล
“อาจารย์วาดทั้งหมดเลยเหรอครับ?” ไอซ์ยังคงถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ แต่คุณคัทกลับทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น
“การเป็นจิตรกรไม่จำเป็นต้องไส้แห้งทุกคน ถ้าหากคุณยังดูถูกอาชีพนี้ คุณก็ไม่ควรมาเรียนตั้งแต่แรก”
“อะไรกัน กูงงไปหมด ทำไมเพื่อนไอ้เหมยเรียกมึงว่าอาจารย์วะ?” พี่โจ้พูดยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนตัวเองจึงกอดคอคุณคัทที่มองสบตากับฉันไม่ยอมเบือนสายตาไปทางไหน แต่ทว่ากลับเป็นตัวฉันเองที่เลือกที่จะยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ ดูเหมือนพี่โจ้จะอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจึงพาคุณคัทออกไปจากตรงนี้นั่นแหละฉันถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“หึ ทำเป็นพูดดี” ใบหน้าหล่อเหลาของไอซ์ดูเยาะเย้ยกับคุณคัท “เก่งสักแค่ไหนเชียว”
“เก่งไม่เก่ง นายก็อยากได้คำแนะนำจากคนที่วาดภาพในร้านพี่โจ้ไม่ใช่เหรอ” เหมยเอียงคอมองไอซ์ที่ชักสีหน้าใส่ก่อนจะหยิบแก้วชาเขียวดูดจนเกือบจะหมดแก้ว “จะชอบหรือไม่ชอบหน้าพี่คัทยังไง แต่อย่าลืมว่าเขาเป็นอาจารย์ฝึกสอนให้เรา”
“...”
“อย่าไร้มารยาทให้มาก” เวลาที่เหมยอารมณ์ขึ้นฉันทำได้เพียงนั่งมองทั้งสองคนที่จ้องหน้ากันราวกับไม่ยอมกันจริงๆ จนไอซ์ลุกขึ้นยืนด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีอย่างที่แสดงออก
“กลับกันเถอะน้ำขิง ฉันไปส่ง” หันมาชวนฉัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ปฏิเสธเนื่องจากฉันเองก็ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคุณคัทในตอนนี้นะ โบกมือให้เหมยและเดินไปยกมือไหว้พี่โจ้กับคุณคัทซึ่งเขาเองก็ยังคงจับจ้องฉันไม่วางตา แลดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด
ระหว่างที่ไอซ์ขับรถสปอร์ตสุดหรูสีดำมาส่งฉันที่บ้านก็เกือบค่ำๆ ซึ่งเขาก็บ่นเรื่องคุณคัทไปตลอดว่าเขาขี้เก๊กบ้างละ แอคทำว่าตัวเองเก่งบ้างละ ซึ่งฉันก็ไม่เถียงออกไปหรอกนะจะบอกว่าเขาเป็นผู้ชายเงียบขรึม เย็นชาและมีโลกส่วนตัวสูงอย่างที่เหมยเล่าก็พอจะเข้าใจกิริยาท่าทางของเขา “ทำไมมันมองน้ำขิงอยู่ตลอด โคตรไม่ชอบ”
“แล้วทำไมนายต้องขึ้นมันกับอาจารย์เขาด้วย”
“ก็ไม่ชอบ เก๊กว่าตัวเองเก่ง แค่อาจารย์ฝึกสอนทำมาเบ่ง”
“ฉันไม่เห็นอาจารย์คัทจะเบ่งตรงไหนเลย?” ใช่ เพราะตั้งแต่ได้เจอกับเขาก็ไม่เคยเห็นกิริยาแบบนั้นเลยสักนิด แม้สีหน้าจะออกรำคาญอยู่ตลอดเวลาก็ตามที “อาจารย์ก็ไม่ได้มองฉันด้วย”
“สายตามันทำไมฉันจะไม่รู้ ตั้งแต่ในห้องเรียนล่ะ”
“...”
“น้ำขิง เธอเป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็อยากใกล้ชิด” ไอซ์พูดขึ้นขณะมาจอดรถที่หน้าบ้านของฉันแล้ว จึงเอี้ยวตัวหันมามองฉันด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เมื่อไหร่จะตกลงคบกับฉันสักที”
“ไอซ์ เรื่องนี้ฉันว่าฉันบอกนายไปแล้วนะ”
“แต่ฉันรอเธอ อย่างน้อยถ้าตกลงคบกัน ฉันจะได้พาเธอไปอยู่ด้วยไม่ต้องระแวงไอ้สิงห์แบบนั้น” ฉันถอนหายใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะไอซ์ ฉันเอาตัวรอดได้” ลงจากรถไม่ทันได้เปิดประตูดี ไอซ์ก็ตรงมาคว้าต้นแขนไว้ซะก่อน
“น้ำขิง ฉันชอบเธอนะ”
“...”
“คบกับฉัน แล้วฉันจะปกป้องเธอเอง” ฉันอยากจะขอบใจในความห่วงใยของไอซ์ แต่ทว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไอซ์ชอบฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แต่สำหรับฉันไอซ์คือเพื่อนที่สนิทด้วยพอๆ กับเหมยมันก็เท่านั้น
“ขอร้องนะไอซ์ ถ้ายังอยากคุยกับฉันอยู่ คงสถานะไว้แค่เพื่อนก็พอ” ตั้งใจจะปัดมือของไอซ์ออก แต่ทว่ารถหรูอีกคันที่มาจอดซ้อนทับทำให้ฉันขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทสีดำลงจากรถเดินมาหยุดตรงที่เราสองคนยืนอยู่
“มืดค่ำขนาดนี้ ยังมาจับมือถือแขนกันอีก?” พ่อเลี้ยงสิงห์มองไอซ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เข้าบ้านได้แล้วน้ำขิง แม่เธอจัดโต๊ะอาหารรอแล้ว”
ไม่ว่าเปล่าพ่อเลี้ยงสิงห์ก็ปัดมือไอซ์ออก แต่ทว่าวัยรุ่นอารมณ์ร้อนอย่างไอซ์ก็จ้องจะเอาเรื่องเขาจนฉันต้องดันแผ่นอกแกร่งให้ออกห่าง “กลับเถอะไอซ์ พรุ่งนี้เจอกัน”
ไอซ์พยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป จึงเดินตรงเข้าบ้านเห็นแม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารจึงยกมือไหว้ท่าน “ทำไมกลับบ้านดึก เหลวไหลใหญ่แล้วนะ”