คัทตัดรัก #1
:: อาจารย์คัท ::
‘เธอ ทำมาหรือเปล่า’
ตุ้บ!
“คนไร้มารยาท กล้าดียังไงมาหาว่าฉันทำศัลยกรรม!”
พู่กันเปื้อนสีถูกวางกระแทกลงกับจานสีอย่างแรงเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่พบเจอมาสดๆ ร้อนๆ ฉันชื่อว่า ‘น้ำขิง’ คณภรณ์ รมย์ธีระ อายุยี่สิบเอ็ดปี เรียนอยู่มหาลัยปีสี่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาจิตรกรรม เพราะชื่นชอบด้านการวาดรูปมาตั้งแต่เด็กจึงเข้าเรียนสายนี้แม้ว่าทางครอบครัวจะไม่สนับสนุนก็ตาม แต่ฉันมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้เผยแพร่การสอนศิลปะให้กับคนที่ชื่นชอบงานทางด้านนี้
อาจจะแปลกใจที่ทำให้คนอย่างน้ำขิง ผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์แบบทุกอย่างไม่ว่าจะใบหน้า รูปร่างหรือแม้แต่ฐานะทางบ้านหรือสังคม ฉันดูเพอร์เฟกไปหมดซะทุกอย่างแต่ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวของฉัน ทุกวันนี้ฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครต่อใครยกยอหรือเทิดทูน ชีวิตของฉันเป็นคุณหนูที่นอนอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่โตเพราะสมบัติของพ่อที่ทิ้งไว้ให้ ส่วนของตัวเองกลับยังไม่ถึงเวลาที่จะรับมันจนกว่าจะอายุยี่สิบห้าปี พ่อก็มาด่วนจากไปซะก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ทุกอย่างที่เคยคิดว่าดี สมบูรณ์แบบกับชีวิตครอบครัวต้องแตกสลาย ที่มีกินอยู่ทุกวันนี้เพราะน้ำพักน้ำแรงและมรดกตกทอดจากพ่อทั้งนั้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้เป็นแม่กลับไม่คิดจะทำอะไรเลยสักอย่าง วันๆ ก็ออกงานสังสรรค์ใช้เงินเป็นเบี้ยเป็นหอยที่คิดว่าไม่ว่ากี่ชาติก็คงจะใช้ไม่หมดมากกว่าไปทำงานที่บริษัท แม่ยังบงการชีวิตของฉันด้วยการให้เงินใช้เดือนต่อเดือนเท่านั้น บัญชีของตัวเองที่พ่อทำไว้จะมีเงินเข้าทุกเดือนก็ถูกยึดไปเพียงเพราะฉันขอแม่ออกไปอยู่ข้างนอก สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ได้ ใครบอกว่าจะออกไปทำไมอยู่ที่นี่มันสุขสบายดี ชีวิตฉันคือคุณหนูที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลยก็ได้ แต่เปล่าเลย... ทุกคนคิดผิด มองฉันแค่ภายนอกก็เห็นว่าสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง
ความจริงมันยิ่งกว่านิยายหรือละครหลังข่าวอีก มันทั้งน้ำเน่าส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปหมด จนฉันสะอิดสะเอียนที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ หากแต่มันไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องหาทางกลับมาที่นี่ในตอนที่ทุกคนหลับใหล ไม่อยากเจอใครหรือพบเจอใครแม้แต่แม่ของตัวเอง
เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วจึงออกจากห้องเดินลงบันไดตรงไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า ชีวิตของฉันไม่ได้ดีเลิศเหมือนที่ใครคิดหรอกนะ ถ้าจะบอกว่าฉันมีความสุขบอกเลยว่าไม่ ถ้าคิดว่าฉันสุขสบายได้อยู่บ้านหลังใหญ่ก็บอกได้อีกว่าไม่ ฉันอยากจะไปจากที่นี่ใจจะขาดแต่มันติดตรงที่คำสั่งของแม่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะต่อต้าน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการหาเงินด้วยการทำอะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้ตัวเองกลับบ้านเร็ว เพราะว่าฉันไม่อยาก...
“ไง” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าดังขึ้นที่บริเวณใบหู ใกล้จนรับรู้ถึงร่างสูงใหญ่ซ้อนอยู่ด้านหลัง ฉันรู้ทันทีเลยว่าตัวเองถูกคุกคามอย่างหนักจึงเอี้ยวตัวหันไปมองสบตากับคนตัวโตที่อยู่ในชุดนอนสีดำ ใบหน้าหล่อคมคายบวกกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กำลังกวาดมองเรือนร่างของฉันที่สวมชุดนอนธรรมดาไม่ได้โป๊อะไร แต่ทว่าสายตาของเขากลับทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยสักนิด
“คุณสิงห์” ฉันเอ่ยชื่อเขาและถอยหลังออกในระยะที่ห่างพอตัว ‘สิงห์’ เป็นพ่อเลี้ยงอยู่ทางเหนือ เขาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลและอำนาจ รวยและมีไร่ชาเป็นร้อยไร่ เขามีอายุสี่สิบสามปีซึ่งแก่กว่าแม่ของฉันแค่ปีเดียวเท่านั้น
“พ่อ” เขายกมุมปากขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องเบียร์ออกมาเปิดดื่มต่อหน้าฉัน “เรียกพ่อสิครับ”
“คุณไม่ใช่พ่อฉัน” แน่นอนว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงของฉันหลังจากที่พ่อเสียไปหลายปี แม่ก็พบรักกับเขาเมื่อสามเดือนก่อนตอนไปพักผ่อนที่รีสอร์ททางเหนือ ฉันคิดว่าเขาจะมาเกาะแม่แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ เขารวยกว่าแม่มากและที่เขามาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะกำลังเปิดกิจการโรงแรมที่นี่ แม่จึงให้เขามาพักอยู่ที่บ้านโดยไม่ถามฉันแม้แต่นิด
“ไม่อยากได้พ่อ แล้วอยากได้อะไร?” ฉันไม่ชอบการกระทำของเขาสักนิด แม้ว่าเขาจะดูดีไม่แก่ตามวัย แถมยังหล่อมากจนสาวใช้ในบ้านพากันประจบ แต่ไม่สำหรับฉัน... เพราะเขามันน่ารังเกียจ
“ฉันไม่ได้อยากได้อะไรจากคุณ” พูดจบจึงเดินสวนเขาไปแต่ทว่ากลับถูกคว้าต้นแขนแล้วดึงเข้าหาร่างแกร่ง “ปล่อย”
“ตอบคำถามฉันก่อน” เขาโน้มใบหน้ามาลงใกล้จนฉันเอนตัวหลบหลีก กระทั่งรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดรินบริเวณลำคอ “ไม่อยากให้ฉันเป็นพ่อ ก็คงอยากได้ฉันเป็น... ผัว”
“หยาบคาย!” หันไปตวัดมองเขาตาขวาง “คุณเป็นสามีแม่ฉันนะ”
“ฉันยังไม่ได้เป็น แค่คบกับแม่เธอไม่ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันสักหน่อย”
“เลว” กัดฟันและพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดที่น่าขยะแขยง “คุณมันสารเลว”
“สักวันฉันจะจัดการปากเธอ” ชี้หน้าฉันหลังจากที่ปล่อยออกจากการกอดรั้ง “เอาให้ครางเรียกชื่อฉันไม่หยุด คอยดู”
เมื่อทิ้งคำพูดทุเรศไว้จึงเดินออกจากห้องครัวไป ฉันยกมือทาบอกตัวเองก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ในครัวเลื่อนมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองสองสามครั้งจึงพาตัวเองเข้าห้องและปิดล็อคอย่างแน่นหนา นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับบ้านเร็ว มันมีเหตุผลไม่มากแต่ฉันคิดว่ามันปลอดภัยสำหรับฉันถ้าหากจะรีบทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยจากคนสารเลวอย่างพ่อเลี้ยงสิงห์
สายตาเหลือบไปเห็นนามบัตรที่ตั้งอยู่ข้างมือถือ “คัท...”
ผู้ชายที่ฉันเห็นครั้งแรกก็พาให้หัวใจเต้นแรง มันแปลกถ้าหากฉันตัดสินใจไปเปลือยร่างกายให้ใครก็ไม่รู้วาดภาพ ตอนแรกก็แค่อยากจะลอง ไปๆ มาๆ กลับกลัวจนไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น แต่พอได้เห็นหน้าเขา คัท คิรบดินทร์ จิตรกรมากฝีมือที่ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาเพราะเปิดนิทรรศการเป็นของตัวเองได้ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนจนวันนั้นได้เห็น ในใจฉันคิดว่าคงเป็นผู้ชายเซอร์ๆ ไว้หนวดรุงรัง ทว่ากลับแตกต่างกับที่คิดไว้
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากจนทำให้หัวใจของฉันสามารถเต้นแรงได้ แม้จะเคยเห็นผู้ชายหล่อมามาก ดวงตาคมของเขายามมองมาทำให้ฉันรู้สึกสั่นไปทั้งตัว กลัวและเขินที่จะต้องเปลือยร่างให้เขามอง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ให้ฉันทำแบบนั้น แถมยังเลือกคนอย่างฉันให้เป็นแบบ ทั้งที่เหมยเคยบอกว่าเขาเป็นจิตรกรที่เรื่องมาก ถ้าสิ่งที่เขาต้องการวาดไม่สมบูรณ์แบบเขาจะไม่มีทางรับงานเด็ดขาด แต่งานนี้เขาเฟ้นหานางแบบมานานจนสุดท้ายฉันก็ได้งานนี้ไป
“ว่าแล้ว ทำไมถึงได้ถามแบบนั้น” แสดงว่าเขาก็มองว่าฉันสมบูรณ์แบบเหมือนที่ใครๆ มองสินะ แต่ไม่สิ! เขาถามฉันว่าทำศัลยกรรมมาหรือเปล่าด้วยนะ ไม่คิดจะเชื่อใจกันตั้งแต่แรกแล้วนี่ เหอะ คนแรกเลยนะที่กล้าถามฉันแบบนั้น “เฮ้อ...”
แม้จะอายถ้าต้องไปเปลือยให้เขาวาด แต่มันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นา ฉันชอบศิลปะดังนั้นมองให้เป็นศิลปะคิดแบบนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไร สำคัญคือเงินที่จ้างได้เยอะพอควรอย่างน้อยก็คิดแบบนี้แล้วกัน ในส่วนหลังจากนี้ฉันอาจจะรับจ้างวาดภาพอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ได้ ถึงจะมีใครมาจ้างแค่คนเดียวก็เถอะ (เศร้าดีแท้ชีวิตน้ำขิง) เมื่อตัดสินใจได้จึงกดเบอร์ต่อสายไปหาเขา แล้วทำไมจะต้องตื่นเต้นด้วยเนี่ย
(“คัทพูดครับ”)
“เออ คุณคัทคะฉันเป็นเพื่อนของเหมยนะคะ คือฉันตัดสินใจแล้วค่ะ”