บทที่ 12

1491 Words
“คุณคะ...” นุชนารถแตะแขนสามีเบาๆ ใบหน้าบ่งบอกว่าเธออยากจะพูดอะไรสักอย่าง “เดี๋ยวผมจัดการเอง” ปริตรเอามือตนไปวางทับมือภรรยา เพื่อบอกให้เธอเงียบก่อน ตรีศูลมองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “มีอะไรหรือเปล่าครับพ่อ เธอด้วย” “พ่อว่าลูกๆ ก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วนะ...” ปริตรไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองกลัวสายตาจับผิดของลูกชายคนรองเท่าวันนี้มาก่อนเลย “ปีนี้พ่อว่าจะให้ตรีกับโตช่วยดูแลทั้งหมดแทนพ่อ อันที่จริงพวกแกก็ทำกันเองอยู่ทุกปี ถึงไม่มีพ่อก็ไม่น่าจะไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” “พ่อพูดเหมือนจะไม่อยู่” ตรีศูลเริ่มรวบช้อนที่อยู่ในจาน เมื่อเห็นคนเป็นสามีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นุชนารถจึงขอเป็นคนอธิบายเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างเอง “คืออย่างนี้นะคะคุณตรี ดิฉันกับพ่อคุณจะต้องเดินทางไปต่างประเทศคืนวันศุกร์นี้ ดังนั้นคิดว่าปีนี้เราทั้งคู่น่าจะอยู่ทำบุญด้วยไม่ได้” “พ่อจะไปต่างประเทศ มีงานอะไรสำคัญขนาดนั้นเหรอครับ” เขายังไม่อยากมองโลกในแง่ร้ายหรือว่าร้ายใครไปล่วงหน้า ที่จริงตรีศูลคงอยากจะถามเขาว่า ‘มีงานอะไรสำคัญกว่าวันครบรอบวันตายของแม่ตนมากกว่า’ ปานภูมิพอจะรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าทุกคนเพียงอาทิตย์เดียว และคิดไว้แล้วว่าตรีศูลจะต้องรับไม่ได้กับเหตุผลของพ่อแน่ๆ บิดาจึงมาขอให้เขาช่วยหาทางออกที่ดีให้ “เอาอย่างนี้ดีมั้ยครับพ่อ เราก็เลื่อนมาจัดงานก่อนพ่อจะออกเดินทาง” “เออ แบบนี้ก็ไม่เลว เป็นความคิดที่ดีมากเจ้าเล็ก” “ไหนใครก็ได้ช่วยอธิบายมาให้ชัดเจนหน่อยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเราจะต้องเลื่อนวันทำบุญให้แม่ แล้วพ่อมีงานอะไรเร่งด่วนสำคัญนักหนาเหรอครับ” นุชนารถเห็นทุกคนในบ้านเกรงกลัวตรีศูลจนน่าหมั่นไส้ โดยเฉพาะสามีเธอ ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรนักหนา ก็แค่... “ไม่ได้มีอะไรสำคัญเร่งด่วนหรอกค่ะ แค่ดิฉันกับคุณพ่อของคุณจะไปเที่ยวกัน แล้วเราก็จองตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ที่สำคัญ... จ่ายเงินแล้ว !” “คุณ !” ปริตรรีบห้ามให้อีกคนหยุดพูด “เวรแล้วไง” เป็นบุตรย่องออกไปจากสมรภูมิก่อนใครเพื่อน โดยที่ไม่ลืมพาพี่เลี้ยงที่นั่งตาแป๋วออกไปด้วย ตรีศูลไม่ไหวติงอยู่ชั่วอึดใจ แต่เพียงพริบตาของทุกอย่างตรงหน้ารวมถึงจานใบโตก็ถูกกวาดด้วยมือเปล่า กระจัดกระจายเสียงดังไปทั่ว บวกกับเสียงร้องของบรรดาสาวๆ ทั้งนุชนารถ นารถลักษณ์ และเหล่าบรรดาเด็กรับใช้ คงเพราะทุกคนกำลังตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ใครจะคาดคิดว่าชายหนุ่มจะก้าวอาดๆ มาด้วยความเร็วแล้วเข้าไปกระชากเสื้อคอลูกไม้ฟูฟ่องของแม่เลี้ยง ก่อนจะยกทั้งเสื้อทั้งคนมาเขย่า “เธอว่ายังไงนะ ห้ะ !” เขาตะโกนเสียงดังราวฟ้าผ่า นารถลักษณ์เข้ามาช่วยแม่ตัวเอง พยายามรั้งแขนใหญ่นั้นออกจากคอแม่แต่เหมือนเอาตัวไปโหนเขาซะมากกว่า เพราะไม่เพียงตรีศูลจะไม่ขยับแม้สักนิด แต่ดูท่าจะยิ่งรั้งแม่เธอให้ลอยขึ้นสูงไปอีก “ไอ้ตรีปล่อย !” ปริตรเข้ามาดึงลูกชายออกจากภรรยาด้วยแรงกำลังที่มากพอดู “พ่อบอกให้ปล่อยน้านุชก่อน ใจเย็นๆ เดี๋ยวพ่อจะค่อยๆ อธิบายให้ฟัง” “ปากไม่มีหูรูดนะ ความจริงก็สมควรจะโดน” ปานภูมิที่นั่งมองดูเหตุการณ์นิ่งๆ ไม่ได้ตกใจหรือมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องเมื่อครู่ พูดขึ้นลอยๆ เมื่อตรีศูลยอมปล่อยให้แม่เลี้ยงได้ใช้ปลายเท้าเหยียบพื้นเหมือนเดิม เขารู้ว่าตรีศูลจะทำแค่นั้นแหละ พี่ชายเขาไม่กล้าทำร้ายผู้หญิงไปมากกว่าที่เห็นหรอก เขามั่นใจ “คุณคะ นุชไม่ยอมจริงๆ นะคะ คุณตรีจะก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ ถ้าคุณไม่จัดการให้นุช ต่อไปเราก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก” ปริตรถอนหายใจยาว มองหน้าซีดๆ ของภรรยา สลับกับหน้าแดงคล้ำด้วยโทสะของลูกชาย “ลักษณ์พาแม่เราออกไปก่อน เดี๋ยวลุงตามไป” เมื่อจัดการกับฝั่งเมียแล้วปริตรก็หันมาที่ลูกชายบ้าง “ตรี คือพ่อเข้าใจนะว่าแกกำลังโกรธ แต่แกต้องเข้าใจพ่อด้วย” “เข้าใจสิครับ เข้าใจว่าพ่อลืมแม่แล้ว แถมยังกล้าเหยียบย่ำน้ำใจแม่ด้วยการพาผู้หญิงคนนั้นไปเที่ยวในวันครบรอบวันตายของแม่” ปริตรมองลูกชายที่พูดไปเสียงสั่นไป “พ่อไม่เคยลืมแม่พวกแก และยังยืนยันว่าผู้หญิงที่พ่อรักที่สุดมีเพียงคนเดียว ก็คือแม่ของพวกแก” “คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอกครับ” “ตรีฟังเหตุผลของพ่อบ้างได้มั้ยลูก คือพ่อสัญญากับนุชไว้ว่าจะพาเขาไปเที่ยวต่างประเทศตั้งเป็นปีแล้ว แต่พ่องานยุ่งมากพวกแกก็เห็น เดินทางทีก็ไปทำงานตลอด พ่อเลยให้เขาเป็นคนดูแลเรื่องสถานที่ เวลา อยากไปที่ไหนก็ให้จัดการมา” “แล้วเขาก็เลือกวันนั้นเนี่ยนะครับ” “นุชเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะตรงกันพอดี แต่ถ้าไม่บินไฟล์ทนี้ ก็จะต้องรออีกหลายเดือน พ่อเองก็ไม่มีวันว่างอีกแล้ว แถมเพื่อนพ่อที่โน่นยังเตรียมที่พักไว้ให้ แล้วก็คอนเฟิร์มมาแล้ว จะให้พ่อปฏิเสธได้ยังไง” “ผมจะไม่อาละวาดอีก ถ้าพ่อยกเลิกทั้งหมดซะ !” “คงไม่ได้หรอกตรี พ่อมีธุระกับเพื่อนที่โน่นด้วย เพื่อนพ่อแต่ละคน ใช่ว่าจะอยู่ประเทศเดียวกัน จะให้ทุกอย่างล่มเพราะพ่อคนเดียวไม่ได้หรอก” “ผมไม่สนว่าพ่อจะจ่ายค่าเครื่องบินไปกี่แสน หรือธุรกิจของพ่อกับเพื่อนจะขาดทุนไปกี่ล้าน หรือแม้แต่เมียพ่อจะน้อยใจทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลย ผมก็ไม่สน สิ่งเดียวที่ผมสนคือทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่จะต้องเหมือนเดิม แต่ถ้าพ่อยังยืนยันที่จะไป พ่อจะได้เห็นว่าผมทำอะไรได้บ้าง !” “พี่ตรี ไม่เห็นต้องยึดติดอะไรขนาดนั้นเลย พ่อไม่อยู่ พวกเราสี่คนก็อยู่” “ไอ้เล็กเงียบ แล้วอย่าพูดอะไรทำนองนี้อีกเด็ดขาด ไม่ว่าแกหรือใครก็ไม่มีสิทธิ์มาลดความสำคัญของแม่ลง จำไว้” ปริตรเห็นตรีศูลก้าวออกจากบ้านไปหลังพูดจบ คำทิ้งท้ายเมื่อครู่ นอกจากจะบอกน้องชายตนเองแล้ว เขารู้ว่าลูกต้องการจะบอกมันกับเขาด้วย “พี่โตๆ มาช่วยกันห้ามหน่อยเร็ว” เป็นบุตรเอาตัวกันตรีศูลสุดกำลัง ทั้งยื้อทั้งดึงให้พี่ชายหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่เขาสู้แรงคนตัวโตกว่าไม่ไหว “กรี๊ดๆ หยุดนะคะคุณตรี” นุชนารถมองข้าวของตนกับสามีกระจัดกระจายเต็มพื้นแต่ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ส่งเสียงร้องแว้ดๆ อยู่ห่างๆ จะเข้าไปห้ามใกล้ๆ ก็กลัวจะโดนลูกหลงจากลูกเลี้ยงที่กำลังบ้าคลั่ง ด้วยสามียังไม่กลับจากคุยงานกับลูกค้า เลยไม่มีคนคอยปกป้องถ้ามีเหตุอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เสียงรถอีกคันเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบคู่กับรถคันอื่นในบ้าน แต่ไม่มีใครว่างพอจะสนใจ “เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมดูพี่สี่กับพี่ตรีสนุกกันจัง” ปริญญ์ที่กระหืดกระหอบวิ่งมาเหลือบไปมองน้องชายคนเล็กที่ในมือสะพายเป้ใบเขื่อง อย่างเหนื่อยหน่ายกับสายตานิ่งๆ ของเจ้านี่เหลือเกิน “โอ๊ย ! พี่ตรีหยุดบ้าก่อน” เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เป็นบุตรรู้สึกยินดีปรีดาที่เห็นน้องชายคนเล็ก จนแทบอยากจะกระโดดจูบปากมันเลยก็ไม่ปาน “ไอ้เล็กเร็วๆ มาก็ดีแล้ว มาช่วยกันหน่อย กูจะไม่ไหวกะพี่มึงแล้ว แรงคนหรือแรงควายวะ” พี่ชายคนโตเดินมาถึงก่อนใคร แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร แขนข้างหนึ่งก็ถูกแม่เลี้ยงจับจองพร้อมเอาตัวเขาเป็นเกราะกำบังชะโงกผ่านมาแค่เสี้ยวหน้าเท่านั้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ” ทั้งเป็นบุตรและปานภูมิที่เหวี่ยงกระเป๋าลงไปกองไว้ที่พื้นแล้วช่วยกันจับตรีศูลไว้คนละข้าง ส่วนบรรดาคนใช้ก็ช่วยกันเก็บเสื้อผ้าของเจ้านายที่กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางเข้ามาใส่ไว้ในกระเป๋าใบโตเหมือนเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD