ตอนที่ 3.ว่าที่นักศึกษาแพทย์

1588 Words
ฉันเงยหน้าส่งยิ้มแหยๆ ให้ทั้งสองคน ฉันหัวสมองทึบ ฉันเลยเถียงไม่ออก การจดจำตำราเรียนหรือการอ่านหนังสือเพื่อทบทวนวิชาที่เรียนมาเป็นเรื่องอยากสำหรับคนที่สอบได้อันดับเกือบท้ายสุดของห้องแบบฉัน ในขณะที่พี่ชายสอบติดท็อปไฟว์เสมอ “ถ้ามั่นใจขนาดนั้น จะอ่านไปทำไมให้เสียเวลา มาผ่อนคลายดีกว่า ปะ น้องสาวเดี๋ยวพี่ลุคคนนี้จะสอนเราปั่นจักรยานคันนี้ให้ก็ได้ค่ะ” ฉันมองตาค้าง รอยยิ้มสว่างสดใสนั่นทำเอาฉันพูดอะไรไม่ถูก หัวใจในช่องอกเต้นกระหน่ำจนกลัวคนใกล้ๆ ได้ยิน พี่ชายเดินมาช่วยรั้งให้ฉันลุกขึ้นยืน ฉันยื่นมือให้และลุกขึ้นยืนตามแรงรั้ง “คราวนี้ลองขึ้นไปนั่งบนอานนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยจับให้ ไม่มีทางล้มอีกแน่นอนค่ะ” คงเป็นเพราะฉันรู้สึกไว้ใจพี่ชายคนนี้ ความกล้าๆ กลัวๆ ก่อนหน้านี้หดหายไปทั้งหมด ฉันเขย่งปลายเท้าตวัดขาคร่อมรถจักรยานไว้ และพยายามนั่งบนอานจักรยานทรงตัวให้นิ่งที่สุด ฉันรู้สึกถึงความมั่นคงตอนที่หย่อนก้นนั่งบนอานจักรยานคันนั้น พี่ชายจับช่วงท้ายจักรยานและช่วยฉันประคองไว้จริงๆ “ทีนี้ลองปั่นจักรยานไปข้างหน้าช้าๆ สิคะ” ฉันได้ยินเสียงกระแทกลมหายใจแรงๆ จากพี่ชายของฉัน เลยหันไปเบ้ปากให้ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาออกแรงปั่นจักรยาน สายลมเย็นๆ พัดโชยปะทะใบหน้า จักรยานวิ่งฉิ่วไปข้างหน้า และฉันรู้สึกถึงความสำเร็จ “รสาทำได้แล้วค่ะ” ฉันคุยฟุ้ง ลงทุนออกแรงเพิ่มอีกหน่อย รถจักรยานที่ฉันปั่นวิ่งตรงไปข้างหน้าและมีเสียงกระซิบให้กำลังใจดังอยู่ข้างหลัง ฉันเอะใจหน่อยๆ เสียงที่ได้ยินเหมือนอยู่ไกลตัวเหลือเกิน ฉันเอี้ยวตัวกลับไปมองด้านหลัง รถจักรยานแฉลบเกือบล้ม เพราะทั้งพี่ชายของฉันและเพื่อนของพี่ชายยืนอยู่ไกลๆ ขาฉันยกขึ้นเองแบบอัตโนมัติ รถจักรยานยังวิ่งตรงไปข้างหน้า “น้องสาวคนเก่ง อย่าเสียสมาธิสิค่ะ ปั่นต่อไปเถอะ เธอทำได้” เสียงตะโกนดังๆ ฉันกัดฟันวางเท้าไว้ที่เดิมและพยายามประคองทั้งตัวและแฮนต์จักรยานเลี้ยวกลับมาที่จุดที่พี่ชายทั้งสองคนยืนอยู่ “พี่ยังไม่ได้สอนรสาหยุดรถเลยนะคะ” ฉันแหกปากร้องเสียงหลง พี่ชายคนใหม่กระโจนเข้ามาใกล้และจับทั้งแฮนต์รถจักรยานและมือของฉันไว้ แรงรั้งมหาศาลทำให้จักรยานหยุดสนิท เสียงพี่ชายแท้ๆ ฉันหัวเราะร่วน ฉันเอียงคอมองลอดวงแขนของพี่ชายคนใหม่ ย่นจมูกใส่พี่ชายแท้ๆ “เก่งเหมือนกันนะเรา” คำชมผสมกับรอยยิ้มที่ฉันชอบมอง ฉันเลยเลิกสนใจเสียงหัวเราะเยาะเย้ยนั่น “พี่จะปล่อยมือทำไมไม่บอกรสาก่อนคะ” ฉันอดต่อว่าไม่ได้ พี่ชายคนนี้ทำเอาฉันใจหายใจคว่ำ “พี่อยากรู้ไงคะ รสาทำด้วยตัวเองได้ไหม” “คราวหลัง พี่อย่าแกล้งรสาแบบนี้อีกนะคะ” ฉันก็ยังไม่วายทักท้วง พี่ชายคนใหม่อมยิ้มแล้วก็ตอบเสียงนุ่ม “ครั้งต่อไปน้องสาวไม่ต้องให้พี่ช่วยแล้วนะ” “ทำไมคะ รสายังไม่เก่งสักหน่อย” “เก่งแล้ว แค่ตัดความกลัวทิ้งไป เรื่องแค่นี้น้องทำได้เชื่อพี่สิ” คงเพราะฉันเชื่อแววตาคู่นั้นละมั้ง หลังจากพี่ชายแสนดีสอนวิธีหยุดรถจักรยานจนฉันเข้าใจ จากนั้นแรงยั่วยุของพี่ชายแท้ๆ ก็ทำให้ฉันฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ฉันตั้งใจมั่น ฉันจะต้องเก่งกว่านี้เพื่อลบคำสบประมาทของคนบางคน “อย่าให้ท้ายยัยเด็กนั่นมากนัก แค่นี้ก็แทบไม่เห็นหัวฉันแล้ว” เมฆาบ่นพึมพำ มีทั้งความริษยาและหมั่นไส้รวมอยู่ในประโยคบอกเล่านั้น “อิจฉาน้องสาว?” ลุคถามแบบไม่ได้หวังคำตอบ “รำคาญ” เมฆาตอบ มองเลยไปที่ลานกว้าง น้องสาววัยห่างกันเกือบแปดปีกำลังตั้งใจปั่นจักรยานด้วยความตั้งใจ “น้องยังเด็ก รอโตกว่านี้อีกหน่อย นายจะไม่พูดแบบนี้” เมฆาไม่ได้ตอบ เขากระแทกลมหายใจเป็นคำตอบแทน ไม่มีทางที่เขาจะเลิกรำคาญน้องสาว เมื่อคนทั้งบ้านรุมโอ๋ จนความสำคัญของเขาลดลง “ฉันอยากมีน้องสาวแบบนี้สักคนเหมือนกันนะ” ลุคเปรยลอยๆ เพราะสุขภาพมารดาที่อ่อนแอและขี้โรค ลุคเลยเป็นแค่บุตรชายคนเดียวของบ้าน หลายครั้งที่เขานอนอยู่ท่ามกลางความมืดคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ เนื่องจากบิดาและมารดาออกไปข้างนอกพร้อมกันสองคน “ตอนที่นายมีน้องสาวขี้โรค วันนั้นนายจะคิดเหมือนฉัน” เมฆาพึมพำ แล้วก็เดินหนีไปดื้อๆ “จะไปแล้วเหรอ?” ลุคตะโกนถาม “อืม จะไปอ่านหนังสือต่อ” ใกล้สอบเข้าไปทุกวัน เมฆาอยากได้เกรดสวยๆ ก่อนที่เข้าจะเปลี่ยนสถานะเป็นนักศึกษา ซึ่งลุคเองก็เช่นกัน แต่ทว่าเพราะลุคเป็นนักกีฬามาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เขาได้โคตานักกีฬาเลยไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่ “อย่าหักโหมนักเลย ระดับนายน่าจะเลือกที่เรียนได้หลายที่” เมฆาไม่ได้ตอบ เขามองเลยไปที่ลานบ้าน เขาเบื่อน้องสาวอยากหนีไปไกลๆ เขาเลยเลือกมหาวิทยาลัยที่ไกลออกไป เลยต้องใช้คะแนนมากขึ้น ตอนที่ 3.ว่าที่นักศึกษาแพทย์ ฉันชะเง้อคอมองผ่านรั้วบ้านทุกวันและหวังจะได้เห็นพี่ชายคนนั้นอีกสักครั้ง แต่กลับไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้ ทั้งที่รั้วบ้านติดกันแท้ๆ แต่ฉันแทบจะได้เจอพี่ชายคนนั้นนับครั้งได้ ฉันยืนเกาะรั้ว สอดส่ายสายตามองเข้าไปด้านใน “มาทำอะไรตรงนี้!!” เสียงคุ้นหูดังอยู่ด้านหลัง ฉันก้มหน้าลง มองแค่ปลายเท้าตัวเองแต่ไม่ยอมตอบ “ไอ้ลุคมันไม่อยู่หรอก ที่บ้านนั้นมีเรื่อง” พี่ชายฉันบอกแบบนั้น ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด จนกระทั่งมื้อเย็นที่มีแค่ฉันกับแม่เท่านั้น พ่อไม่รู้ไปไหน พี่ชายฉันก็ด้วย “พ่อไปไหนเหรอคะแม่?” ฉันถามแม่แล้วก็รอคำตอบ “ไปวัดกับพี่เมฆไง” แม่ตอบ พลางตักกับข้าวใส่จานให้ฉัน “ไปวัด ไปทำไมคะ?” ฉันถามต่อ เสียงแม่ถอนใจ “ไปฟังพระ คนข้างบ้านเรา แม่เขาเสียแล้ว” ฉันนิ่งอึ้ง นึกถึงแววตาเศร้าๆ ของพี่ชายข้างบ้าน วงหน้าของเขาช่วงหลังบอกถึงความหดหู่ ฉันมาถึงบางอ้อเอาก็วันนี้เอง “พรุ่งนี้แม่จะไปฟังพระกับพ่อด้วยไหมคะ รสาอยากไปด้วย” ฉันกลั้นใจถาม แม่ชะงักมองหน้าฉัน “รสาสงสารพี่ชายค่ะ พี่ชายน่าจะเสียใจ” ฉันตอบแม่เสียงสั่น พยายามกลั้นน้ำตาแทบแย่ หากฉันเสียแม่ไปแบบพี่ชาย ฉันคงเคว้งคว้างไม่น้อย “อืม ได้สิ” แม่พยักหน้าแล้วก็กินมื้อเย็นต่อ ฉันรู้สึกตื๊อตันแต่ก็พยายามฝืนกลืนอาหารมื้อนั้นลงไป ฉันสัญญากับตัวเองแล้ว หากอยากแข็งแรงไม่เป็นภาระของใครอีก ฉันต้องเข้มแข็งและไม่ขี้โรคเหมือนเก่า พอกลับจากโรงเรียนสิ่งแรกที่ฉันทำคือลากเก้าอี้มาที่หน้าตู้เสื้อผ้า ฉันปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ หยิบกระปุกออมสินที่ฉันซ่อนไว้ออกมา ฉันเทสตางค์ที่ฉันสะสมมาหลายปีลงบนที่นอน ใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการนับเหรียญทั้งหมดใส่ถุง ฉันเม้มปากชั่งใจระหว่างเอาเหรียญเหล่านี้ไปแลกที่แม่ หรือแอบออกไปแลกที่ร้านค้าร้านอื่น ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้ ฉันควรปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ครอบครัวของฉันรู้ ฉันหลบสายตาพ่อกับแม่ ปั่นจักรยานออกไปแลกเหรียญเป็นแบงก์ที่ร้านค้าในละแวกใกล้บ้าน หลายปีมานี่ฉันสะสมสตางค์ได้ไม่น้อยเลย หลังจากเปลี่ยนเป็นแบงก์ ฉันมีเงินสดในกระเป๋ากางเกงถึงสี่พันสามร้อยบาททีเดียว ฉันยิ้มแฉ่งจอดจักรยานไว้หน้าร้านอาหารตามสั่งของพ่อ หากเป็นเวลาปกติ พ่อกับแม่จะสาละวนกับการขายของ แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน แม่กับพ่อกำลังช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาด มีลูกค้าประจำแวะเข้ามาและกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง “ร้านปิดแล้วครับ” พ่อตอบพร้อมกับละล่ำละลักขอโทษ “วันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะครับ วันนี้ผมมีธุระจริงๆ” “ไปไหนมาละเจ้าตัวแสบ” หลังลูกค้าออกไปจากร้าน พ่อก็หันมาถามฉัน “นั่นสิ ไหนรับปากแม่แล้วไงว่าจะไม่ปั่นจักรยานบนถนน” แม่หันมาถามอีกคน ฉันก้มหน้าไม่กล้าโกหก “รสามีของที่อยากได้ค่ะ รสาไม่กล้ากวนพ่อกับแม่ด้วยค่ะ” น่าจะเป็นเพราะฉันไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง ความเชื่อใจที่มีต่อฉัน พ่อแม่เลยไม่ได้ซักไซ้มากนัก “ไปอาบน้ำสิ วันนี้เราจะไปส่งคุณน้าบ้านข้างๆ ด้วยกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD