บทที่ 4 ฝ่าดงพยัคฆ์

1349 Words
                เส้นทางที่จะข้ามเทือกเขามังกรทะยานไปยังแคว้นจินมีทั้งทางตรงและทางอ้อม หากไปทางตรงจะข้ามเขาเพียงสองวัน แต่หากไปทางอ้อมจะต้องเดินทางถึงห้าวัน แต่ทางตรงนั้นล้วนไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยง ช่วงหนึ่งนั้นเป็นช่องเขาที่เกิดจากภูเขาที่ยุบลงในคืนที่ฟ้าพิโรธหนัก ฝนตกแรง ฟ้าผ่ายอดผาหิน พรานป่าที่ล่าสัตว์อยู่แถวนั้นเล่ากันว่า เทพเจ้าบนภูเขาดลบันดาลให้เกิดช่องทางเดินขนาดใหญ่ กว้างพอที่เกวียนสองคันผ่านพร้อมกันได้                 ทว่าช่องทางนั้นกลับเป็นทางผ่านสำหรับฝูงสัตว์ที่จะไปกินน้ำยังแอ่งมรกตด้วย บางคราเหล่าพรานเห็นหมีดำ หรือไม่ก็เสือโคร่งป้วนเปี้ยนมารอจับกินกวางหรือกระทิง พวกเขาจึงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เส้นทางนี่นัก                 “เราจะผ่านไปทางช่องเขามรกต” เซียงเฉินกงประกาศให้คนทั้งขบวนทราบ นอกจากจินวั่งซูและเหล่าองครักษ์แล้ว คนในสำนักคุ้มภัยและคนงานต่างพาคนตื่นตระหนก                 “ท่านไม่รู้หรือว่า เสือในช่องเขามรกตนั้นน่ากลัวเพียงใด?” ผู้นำคนจากสำนักหงส์ไฟรีบเตือนนายจ้าง                 “ไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมอุปกรณ์ดักเสืออย่างดีมาด้วย” เซียงวั่งซูผู้พี่รีบยกมือสองข้างขึ้นห้ามปรามมิให้ทุกคนในขบวนคิดมาก                 “ครั้งนี้เราจะดักเสือเอาไปขายที่แคว้นจินด้วย” ชายหนุ่มที่มีรอยปานสีเทาประปรายทั้งคอและใบหน้า พูดจาดูน่าเชื่อถือ ดวงตาของเขาองอาจกล้าหาญชวนให้ผู้คนเคารพเลื่อมใส                 สองหนุ่มพี่น้องรีบให้บ่าวไพร่เปิดเอาอุปกรณ์ในหีบไม้ใหญ่ออกมา นำเอาแผ่นเหล็กขึ้นประกอบกันเป็นรูปกรง โซ่ขนาดใหญ่สองเส้นเตรียมไว้พร้อม                 หลังจากตั้งแคมป์นอนห่างจากเชิงช่องเขามรกตหนึ่งคืน พวกเขาก็ออกเดินทางกันในยามเหม่า ทางที่ขึ้นไปใกล้ผาหินนั้นช่วงแรกจะค่อนข้างชันทำให้วัวค่อนข้างจะลากเกวียนลำบาก คนงานจะต้องคอยช่วยดึงรถด้วย ไม่นานนักก็พบช่องเขาคล้ายมีคนเอามีดฟันแบ่งออกเป็นสองส่วน แล้วเลื่อนมันออกจากกัน เมื่อเดินเข้าไปเป็นเวลาประมาณสองเค่อก็จะเห็นสวนที่ถูกโอบด้วยผาหินรอบๆ มีแอ่งน้ำใสสีมรกดกว้างประมาณ 1 หมู่ น้ำในแอ่ง ใสจนมองเห็นพื้นดินข้างใต้ “โอ....สวยราวกับแดนสวรรค์” เซียงวั่งซูเข้าไปยืนโบกพัดใกล้ๆ ฝั่งนี้เป็นลานกว้างที่ประชิดแอ่ง อีกฝั่งเป็นป่ารกทึบที่รกเรื้อซ้อนใต้เงื้อมผาหิน “ท่านเคยไปสวรรค์แล้วหรือ?” คนโบกพัดถึงกับเสียอารมณ์ “เจ้าไม่เข้าใจว่า ข้าเปรียบเปรยหรืออย่างไร?” เซียงเฉินกงเห็นหน้าบูดบึ้งของพี่ชายก็ยิ้ม “จริงของท่าน ที่นี่สวยงามมาก” “ปลาตัวโตเท่าขาข้าทั้งนั้นเลย” คนงานร้องเรียกกันมาดูอย่างตื่นเต้น “ส่วนหนึ่งระวังภัย อีกส่วนหนึ่งจับปลา” เซียงเฉินกงสั่งการ คนงานส่วนหนึ่งจึงทำการจับปลาขึ้นมาก่อไฟย่างเป็นอาหาร การเดินทางที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะกินอาหารแห้งที่เตรียมไว้ บางคราก็ได้กินสัตว์ป่าที่ล่าได้บ้าง วันนี้ปลาตัวใหญ่เสียบไม้ย่างกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวน แถมนายท่านกับนายน้อยก็ใจดี ให้หยุดพักหุงข้าวด้วย อาหารมื้อนี้จึงนับเป็นมื้อใหญ่   กลุ่มคนที่ซุ่มอยู่บนผาหิน มองลงมายังคาราวานข้างล่างอย่างแปลกใจ คนพวกนี้ไม่รู้หรือไรว่า หุบเขามรกตน่ากลัวเพียงใด ไม่เพียงแต่มีเสือร้าย แต่ยังมีหมีป่าที่คอยวนเวียนมาดื่มน้ำ และหาอาหาร “ท่านน้า ท่านว่า เสือจะออกมาหรือไม่?” แม่ทัพจินหลี่หมิง หันมามองหลานสาวที่นอนหมอบอยู่บนชะง่อนหินรอคอยด้วยความตื่นเต้น “คงอีกไม่นาน มันคงซุ่มดูวัวอยู่แถวนี้” “วัวมีเยอะทีเดียว นี่คงเป็นพ่อค้าเศรษฐีแคว้นหมิงเป็นแน่” “อืม....ข้าวสารจำนวนมากขนาดนั้น อาจจะคิดไปตั้งสาขาที่แคว้นจิน” “ถ้าเสือออกมา เราต้องช่วยพวกเขาใช่ไหมเจ้าคะ?” “ถ้าเจ้าอยากให้ประชาชนแคว้นเรามีข้าวสารกิน ไม่ต้องคอยแย่งกันซื้อ เราก็ต้องช่วยพวกเขา” จินเฟิ่งพยักหน้ารับทราบ ปีนี้อากาศหนาวยาวนาน น้ำก็ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ข้าวไม่ค่อยได้ผล ชาวเมืองคงต้องรอคอยพ่อค้าจากแคว้นหมิงและแคว้นเหลียนนำข้าวมาขายอีกเช่นเคย กลิ่นย่างปลาหอมฉุยลอยขึ้นมา จินเฟิ่งกลืนน้ำลายลงคอไปสองอึก เธอเคยมาย่างปลากินที่นี่ครั้งแรก ตอนที่ท่านน้านำทหารฝีมือดีมาด้วยกลุ่มใหญ่เพื่อสำรวจเส้นทางที่พรานป่าได้แจ้งกับทางการ เนื้อปลาหอมหวานนุ่มลิ้น “นั่นน่าจะเป็นเจ้าของขบวน” นางชี้ไปยังชายหนุ่มผิวพรรณขาวผ่องในชุดคุณชาย มือถือพัดสีขาวดำ “เอ๊ะ! พัดนั่นดูคุ้นมาก” รองแม่ทัพซ้ายหยางหมิง เห็นองค์หญิงกล่าวเช่นนั้น ก็มองดูผู้คนที่อยู่รอบตัวของเจ้าของพัด “สามคนนั้นน่าจะเป็นยอดฝีมือ” เจ้าของฉายาอินทรีขาวมองดูท่าทางการจับกระบี่ของคนทั้งสามแล้วมั่นใจยิ่ง “บางทีเราอาจจะไม่ต้องช่วยพวกเขาก็ได้” แม่ทัพจินตัดสินใจ “เรารอดูพวกเขาจัดการเสือเองก่อนดีกว่า หากพวกเขาไม่ไหวจริงๆ พวกเจ้าค่อยลงไปช่วย” เหยียนเหลยรองแม่ทัพฝ่ายขวา เจ้าของฉายาอินทรีดำ รับคำ “องค์หญิง ท่านอยู่ข้างหลังข้า ให้ข้ากับหยางหมิงขึงเสือได้ก่อน ท่านค่อยฆ่า” อินทรีขาวและอินทรีดำทำหน้าที่ติดตามองค์หญิงจินเฟิ่งล่าเสือหลายครั้ง ภายใต้การดูแลของท่านแม่ทัพจิน  ความไม่เคร่งธรรมเนียมของแคว้นจินทำให้ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับเหล่าคนในราชวงศ์ พวกเขาถือตัวว่า พวกเขายังคงเป็นชนเผ่า การตั้งราชวงศ์เป็นเพียงหน้าฉากในการติดต่อกับแคว้นอื่นเท่านั้น  เมื่อคนในคาราวานกินข้าวเสร็จ ผู้ชายหลายคนถอดเสื้อผ้าลงอาบน้ำ ท่านแม่ทัพรีบห้ามองค์หญิงไม่ให้หันไปมอง นางจึงเบือนหน้าหนีพลางบ่นพึมพำ ‘แค่นี้ข้าดูหน่อยจะเป็นไร ดูได้ก็เอาไปไม่ได้’ ครั้นทุกคนอาบน้ำเรียบร้อยพวกเขาก็เตรียมเดินทางต่อ โฮก! โฮก!  เสียงคำรามกึกก้องมาจากชะง่อนหินฝั่งที่มีต้นไม้ใหญ่ เจ้าป่าออกมาแสดงตัวแล้ว มันมาจ้องเขมือบวัวอวบหลายตัวที่เทียมเกวียนมาตั้งแต่เริ่มขึ้นเขา เฝ้ามองมาหลายคืน หากแต่เพราะฟืนไฟลุกโชน และเวรยามแน่นหนาจึงยากจะฝ่าเข้าไปคาบมาสักตัวได้ และแล้ววันนี้เหยื่อเหล่านั้นก็มาถึงถิ่นของมัน เซียงวั่งซูดีดตัวผึงขึ้นทันที “มันมาแล้ว เฉินกง” เขารีบร้องเรียกน้องชายด้วยความตื่นเต้น คนทั้งห้าดีดตัวขึ้นสูง เห็นได้ว่า พวกเขาทั้งหมดล้วนวิชาตัวเบาดีเลิศ ชายหนุ่มที่มีปานกระจายเต็มใบหน้า ขว้างตาข่ายขนาดใหญ่ออก พวกเขาทั้งห้าช่วยกันจับคนละมุม จังหวะที่เสือกระโจนลงมาใส่วัวตัวที่อยู่ใกล้สุด ควับ! ผลั่ก! เสือตัวแรกตกอยู่ในตาข่าย มันม้วนตัวลงไปกลิ้งกับพื้น แม้จะดิ้นแรงแค่ไหนก็ไม่อาจลอดพ้นจากตาข่ายที่แสนเหนียวนั้นได้ “จับได้แล้ว!” ในขณะที่พวกเขากำลังจะเอาโซ่เข้าล่าม เสือโคร่งอีกตัวกลับปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิม โฮก! โฮก “แย่แล้ว มันมีอีกตัว”       --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.         หมู่ เท่ากับ 666 ตารางเมตร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD