สามีข้ามคืน #7 อยู่ด้วยกัน

1718 Words
มาร์คตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขารีบแต่งตัวแล้วออกจากบ้านทันทีเพื่อไปรับเบลมาอยู่ด้วยกัน เมื่อไปถึงบ้านของเธอเขาก็ได้เข้าไปคุยกับบิดามารดาของหญิงสาวเรียบร้อยซึ่งท่านทั้งสองเป็นคนสมัยใหม่เข้าใจดีเรื่องความรักทำให้ท่านอนุญาตให้ลูกสาวมาอยู่กับมาร์คแต่ขอเรื่องแต่งงานอย่าให้นานมาก ท่านไม่อยากให้ลูกสาวท้องก่อนแต่ง มาร์ครีบรับปากท่านทั้งสองแล้วพาเบลกลับมาที่บ้านของเขา “โอ้โห บ้านของคุณใหญ่มากเลย นี่คุณอยู่กี่คนกันคุณมาร์ค” เบลเห็นบ้านของมาร์คถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจมันโคตรใหญ่มาก เขามีบ้านที่เมืองไทยใหญ่มากขนาดนี้แล้วบ้านที่อเมริกาจะขนาดไหนเธอคิดไม่ออกจริง ๆ “ผมอยู่คนเดียว ก็มีบ้างที่ญาติ ๆ มาอยู่ด้วย แม่ผมเป็นคนไทย ผมเลยมีญาติอยู่ที่นี่” ในระหว่างที่เขาพาหญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านมาร์คก็อธิบายข้อสงสัยให้เธอฟังไปด้วย แม่ของมาร์คเป็นคนไทยเหมือนกันพบรักกับพ่อของเขาซึ่งเป็นคนอเมริกาท่านทั้งสองแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันที่โน่นซึ่งแม่ของมาร์คมีพี่ชายฝาแฝดอยู่ที่นี่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดทำให้บางครั้งลุงกับป้าและพวกลูกพี่ลูกน้องของเขามานอนที่บ้านนี้บ้างเวลามากรุงเทพ “แล้วคุณไม่เคยพาสาว ๆ ของคุณมานอนที่นี่บ้างเหรอ ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นเองไม่ได้จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะ” หญิงสาวรีบแก้ตัวกลัวว่าเขาจะว่าเธอยุ่งเรื่องของเขามากเกินไปก็เธออยากรู้เลยถามออกไปแบบนั้นมันไม่แปลกใช่ไหมล่ะในเมื่อมาอยู่ด้วยกันเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เธอควรรู้ “ไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ดีซะอีกที่คุณถาม ต่อไปถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ อยากรู้ คุณถามผมได้เลยนะ” “ค่ะ” “ส่วนเรื่องผู้หญิงผมไม่เคยพามาหรอก ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายพื้นที่ส่วนตัวของผมเท่าไหร่คุณเป็นคนแรกเลยที่มา” มาร์คพูดออกมาอย่างจริงจังเพื่อให้เธอรับรู้ว่าเขาพูดจริงไม่ได้โกหก “จริงเหรอคุณ แล้วเวลาที่คุณแบบว่า เอ่อ อยากทำอย่างนั้น คุณไปที่ไหน อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ ก็คุณบอกเองว่าอยากรู้ก็ให้ถาม” เบลถามขึ้นมาด้วยความสงสัยแต่มาร์คกลับส่งรอยยิ้มล้อเลียนมาให้เธอจนหญิงสาวต้องแก้ต่างให้ตัวเอง “ที่ผับไง บางทีก็ไปคอนโด แต่ตอนนี้คงไม่ต้องไปที่อื่นแล้ว” มาร์คพูดออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ส่งสายตาที่มีประกายวิบวับมาให้หญิงสาว “ยะ อย่างนั้นเหรอ ฉันว่าฉันขอตัวไปเก็บของก่อนดีกว่า ไหนห้องของฉันค่ะ” เบลที่เห็นสายตาของมาร์คแล้วเกิดรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาเธอรีบเปลี่ยนเรื่องดีกว่าไม่อย่างนั้นเธออาจจะตกที่นั่งลำบาก เธอไม่อยากรู้เรื่องสาว ๆ ของเขาแล้วตอนนี้ “หึหึ เดี๋ยวของให้คนเอาขึ้นไปส่วนคุณเดินตามผมมา” “ค่ะ” จากนั้นทั้งสองเดินขึ้นมาชั้นบน บ้านหลังนี้ถึงจะไม่ใหญ่เหมือนคฤหาสน์ของคริสตินแต่ก็ถือได้ว่าใหญ่กว่าบ้านอื่น ๆ ในละแวกนี้แถมยังมีเนื้อที่กว้างขวางอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกต่างหาก ทำให้ ยามเย็นที่นี่เต็มไปด้วยความสงบร่มรื่น มาร์คจึงซื้อบ้านหลังนี้เวลามาทำงานที่เมืองไทยจะได้มีที่พักผ่อนเพราะงานของเขาที่ต้องดูแลมีอยู่หลาย ๆ ที่ แต่หลัก ๆ คือทางฝั่งเอเชียส่วนยุโรปและอเมริกาบิดาจะเป็นคนดูแลเอง “ไหนล่ะห้องของฉัน” เมื่อเดินมาถึงข้างบนมาร์คพาหญิงสาวมาที่ห้องของเขาก่อน “ก็ห้องนี้ไง” มาร์คไม่คิดจะแยกห้องนอนอยู่แล้ว อุตส่าห์แต่งงานทั้งทีไม่ได้นอนกอดเมียมันก็น่าเสียดายอยู่หรอก “ห้องนี้!!! เราต้องนอนด้วยกันตั้งแต่วันนี้เลยเหรอคุณ” หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่ต้องมาอยู่ห้องเดียวกับเขาเธอคิดว่าแค่มาอยู่ด้วยกันแต่แยกห้องนอนไม่คิดเลยว่าจะต้องนอนด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่มาแบบนี้ “ก็ใช่น่ะสิ ผมบอกแล้วไงว่าเราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันถ้าแยกห้องนอนจะเรียนรู้ได้ยังไง จริงไหม” มาร์คพยายามเอาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้เธออยู่กับเขาอย่างสนิทใจ ยังไงคนอย่างเบลไม่มีทางตามคนอย่างเขาทันแน่นอนชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดของตัวเองแต่แค่แป๊บเดียวเขาก็รีบทำหน้านิ่ง ๆ จริงจังเหมือนเดิม “อืม ก็จริงอย่างที่คุณพูด” เบลที่ไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มอันร้ายกาจ เออออไปกับเหตุผลของมาร์คทันที “เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่นี่ให้เหมือนกับที่บ้านตัวเองก็แล้วกันไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวผมจะพาไปดูรอบ ๆ บ้านอีก” “โอเคค่ะ” มาร์คพาหญิงสาวเดินชมรอบ ๆ บ้าน ไปดูห้องนั้นห้องนี้จนมาถึงข้างหลังบ้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำทำให้เบลเห็นบรรยากาศอันแสนร่มรื่น เหมือนไม่ได้อยู่กรุงเทพเมืองแห่งความวุ่นวาย หาต้นไม้แทบไม่เจอนอกจากอาคารสูง ๆ เท่านั้น เธอรู้สึกชอบที่นี่อย่างบอกไม่ถูกแค่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องจากที่นี่ไปก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาจนทำให้คนที่มองดูหญิงสาวอยู่อย่างมาร์คเกิดสงสัยในสีหน้าท่าทางของหญิงสาวที่ยิ้มอยู่ดี ๆ ก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมาซะงั้น “คุณไม่ชอบที่นี่เหรอทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้น” ชายหนุ่มเดินเข้าไปถามหญิงสาวด้วยความสงสัยบวกกับความห่วงใย “เปล่าค่ะ ฉันชอบที่นี่มากแค่คิดว่าวันหนึ่งฉันต้องจากที่นี่ไปมันรู้สึกใจหายเท่านั้นเอง” “หึหึ อย่าคิดมากนะคุณ เรื่องนั้นมันอีกนานให้ถึงเวลาค่อยว่ากันไปกินข้าวเถอะนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว” มาร์ค รีบชวนหญิงสาวไปกินข้าวเนื่องจากตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้วและเขาเองก็ไม่อยากให้เธอคิดถึงเรื่องสัญญานั้นอีก “อืมก็ดีค่ะ ฉันหิวแล้วเหมือนกัน ว่าแต่จะไปกินข้าวที่ไหนหรือคุณให้คนทำแล้ว” “ไปกินข้างนอก ผมเลี้ยงเองถือว่าเป็นการต้อนรับคุณเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรา” “ทำไมมันฟังดูแปลก ๆ ชอบกลแต่ก็เอาเถอะของฟรี ฉันพร้อมเสมอ ไปค่ะ” เบลรีบบอกมาร์คด้วยความขบขันพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่สดใสมาให้เขา เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเบล เธอเป็นคนชอบกินแต่ไม่อ้วนมันจึงเป็นข้อดีที่ทำให้หญิงสาวกินอาหารได้เกือบทุกอย่าง “โอเคงั้นไปกันเลย” มาร์ค รีบพูดแล้วหันหลังเดินออกไปเขารู้สึกเขินกับรอยยิ้มที่เธอส่งมาและทำให้เขาใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งสองคนเดินออกไปขึ้นรถอย่างกะหนุงกะหนิงทำเหมือนคนเป็นแฟนกันไม่มีผิด ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมีสายใยบาง ๆ กำลังถักทอไปเรื่อย ๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว  ร้านอาหาร มาร์คพาเบลมาทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้บ้านเป็นร้านที่ไม่ใหญ่โตแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเพราะร้านนี้เป็นธุรกิจครอบครัว คนในร้านจึงเป็นคนในครอบครัวเท่านั้นทำให้บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความอบอุ่น “อาหารอร่อยมากเลยค่ะคุณมาร์ค” หญิงสาวที่ทานข้าวหมดจานพูดออกมาด้วยความชื่นชมอาหารอร่อยทุกอย่างจริง ๆ เธอกินหมดทุกอย่างที่สั่งมา “ผมเคยนั่งรถผ่าน ตอนนั้นผมหิวมากแต่ไม่อยากขับรถไปไหนแล้วเลยลองเข้ามากินดูมันทำให้ผมรู้ว่าอาหารอร่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องมีร้านที่ใหญ่โตร้านเล็ก ๆ แบบนี้ก็อร่อยได้” “จริงค่ะฉันเห็นด้วย แสดงว่าคุณมาทานข้าวที่นี่บ่อยสิ” “อืม ใช่ครับถ้าว่างผมก็จะมาหรือเวลาคิดถึงแด๊ดกับมัมผมก็จะมากินข้าวที่นี่มันทำให้ผมรู้สึกไม่เหงา” “แล้วทำไมคุณไม่กลับไปอยู่กับครอบครัวล่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาด้วยความสงสัยในเมื่อรู้สึกเหงาแล้วจะอยู่ที่นี่ทำไม “เรื่องงานน่ะสิ แล้วที่ผมอยู่ที่นี่ก็เพราะคุณยายผมด้วยท่านป่วย มัมจะพาไปอยู่ด้วยก็ไม่เอา ท่านบอกว่าอยากตายในบ้านเกิดของตัวเอง ผมก็เลยอยู่ดูแลท่านแทนมัม” “แล้วตอนนี้ท่านเป็นยังไงบ้างคะ” “ท่านจากไปเมื่อปีก่อน ท่านป่วยเป็นโรคชรา” “ฉันเสียใจด้วยนะคะคุณมาร์ค” “ไม่เป็นไร เรื่องเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นเรื่องธรรมดาของคน” “คิก คิก คนอย่างคุณคิดแบบนี้เป็นด้วยเหรอ” “เห็นไหมล่ะ ถ้าผมไม่ชวนให้คุณมาอยู่ด้วยกันจะรู้เหรอว่าเรามีนิสัยยังไง” “ค่ะ ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ฉันว่าเรากลับบ้านกันเถอะ” “โอเคไปเถอะคืนนี้เรามีเรื่องต้องทำอีกเยอะ หึหึ” มาร์คพูดออกมาเป็นนัย ๆ แต่หญิงสาวไม่ได้คิดไกลทำให้ไม่เอะใจในคำพูดที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมา หลังจากที่ทั้งคู่กลับมายังบ้านของมาร์คเรียบร้อยต่างคนก็ต่างไปทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงเวลาเข้านอนเบลที่รู้สึกง่วงมาก ๆ รีบเข้าไปอาบน้ำแล้วเข้านอนโดยใส่ชุดนอนบางเบาเหมือนตัวเองอยู่ที่บ้านไม่มีผิดจนลืมสังเกตไปว่าในห้องนี้มีชายหนุ่มรูปงามอยู่ด้วยอีกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD