ก่อนหน้านี้… [10.00 น.]
-Type-
“_” ภายในห้องสวีตของโรงแรมสุดหรูมันเงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของผู้หญิงที่นอนข้าง ๆ ผม แอนนี่เพิ่งหลับไปหลังจากบทรักรอบที่เท่าไรไม่รู้ไม่ได้นับได้จบลง แต่เธอเพิ่งหลับไปเมื่อสักครู่
ผมยังไม่ได้นอน ไม่รู้คึกมาแต่ไหนทั้ง ๆ ที่เมื่อวานแค่เดินก็ยังไม่ไหว ไม่คิดว่าตัวเองจะลากยาวมาถึงเวลาเกือบเที่ยงแบบนี้ แต่เอาเถอะดูจากถุงยางที่ใช้แล้วเกลื่อนเต็มเตียงนอน และบนพื้นก็ทำเอาผมยกมือทึ้งหัวตัวเอง
“บ้าชิบ” ผมสบถออกมาเบา ๆ เมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา แต่เอาเถอะ ไม่ได้ขืนใจสักหน่อย
“_” ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าซีดเผือดของผู้หญิงคนนี้ แอนนี่เป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ ผมตลอด ผมมีเลขาคนเดียวเพราะความลับทางธุรกิจทำให้ผมเลือกที่จะมีเลขาคนเดียวเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
เธอทำงานได้ดีทุกอย่าง พูดได้ห้าภาษา มนุษย์สัมพันธ์ดี โลกสวย ยอมรับว่าเธอมีส่วนในการเติบโตของธุรกิจผม และแน่นอน ผมจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน
“หึ” ผมแค่นหัวเราะเบา ๆ เมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิด ผมไม่ควรมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้กับลูกน้อง มันเสียระบบการปกครอง ผมนอนกับผู้หญิงมาเยอะ แต่ทุกคนต้องไม่ใช่พนักงานในบริษัท
“อื้อออ” เสียงครางเล็ก ๆ ดังขึ้นมันทำให้ผมขมวดคิ้วยุ่ง เหมือน ว่าเธอกำลังฝันนะ คิ้วเรียวสวยของเธอขมวดเข้าหากัน เห็นแล้วอดไม่ได้ที่เอานิ้วไปคลี่ปมนั้นออก แต่ก่อนที่ผมจะยื่นไปถึง
ครืดดด ครืดดดดด~
พรึ่บ!
ตุบ!
“โอ้ย!…อึก” บ้าเอ้ย! เจ็บชิบ.. ผมค่อย ๆ หยัดกายตัวเองลุกขึ้นหลังจากตกใจเสียงโทรศัพท์ที่มันดังขึ้นขัดจังหวะที่ผมจะยื่นมือไปหาแอนนี่จนสะดุ้งตกเตียง แต่ร้องโอดครวญได้ไม่นานก็ต้องหุบปากไว้เพราะกลัวเธอตื่น
ไม่รู้จะตกใจอะไรขนาดนั้นเหมือนกัน เหมือนกับว่ากลัวเธอจะตื่นมาเห็นว่าผมทำอะไรแบบนั้น
ครืดดด ครืดดด~
ใครวะ ผมค่อย ๆ เดินไปล้วงเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองออกมาพร้อมกับมือที่บีบนวดสะโพกตัวเองไปด้วย
“K.” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อของต้นสายที่โทรเข้ามา พร้อมกับคิ้วหนาที่เลิกขึ้นสูง ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา ผมบีบโทรศัพท์-
มือถือแรงขึ้นด้วยแรงอารมณ์ที่เริ่มปะทุขึ้น เมื่อเห็นชื่อของเพื่อนคนนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจกดรับ
ติ๊ด!
“Hey...” เสียงต้นสายที่ดังขึ้นเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับน้ำเสียงที่เรียบเฉยทำให้ผมยิ่งไม่พอใจ
“_” ผมไม่ตอบอะไรไป ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เควินเป็นเพื่อนของผมสมัยเรียนบริหารตอนปีสอง แต่ตอนนี้มันหายหน้าไปสิบสองปี นานใช่ไหมล่ะ
“กูจะได้กลับไทยแล้ว” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นทำให้ผมหยุดชะงักมือที่กำลังผูกเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำ
“ทำไม”
“ผ่านแล้ว” ผมกระตุกยิ้มเบา ๆ กับคำว่าผ่านแล้วของมัน ชีวิตของผมมีเพื่อนไม่กี่คน คนแรกคือฝาแฝดผม แต่ต้องแยกกันเพราะพี่ผมไปเรียนหมอ ส่วนไอ้นี่เป็นเพื่อนคนเดียวในชีวิตมหา’ลัย แม้ว่าผมจะเรียนไปแค่สองปีก็เถอะ
ใช่แล้วล่ะ ผมเรียนไม่จบ
เหตุผลหนึ่งเพราะผมรวยเลยออกมามาฝึกงานที่บริษัท อยากทำงานแทนแม่ด้วย และไอ้นี่ก็เป็นอีกเหตุที่ทำให้ผมไม่อยากเรียนต่อ
“มึงทิ้งกู” ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ เควินมีเหตุผลที่ต้องไปผมรู้ดี แต่พอไม่มีมันแล้วชีวิตผมเหมือนขาดอะไรไป
“เขาไม่ให้กูติดต่อใคร มึงอ่านข่าวต่างประเทศหรือยัง” อาจจะไปนานมั้งมันเลยพูดแต่ภาษาอังกฤษ ผมขมวดคิ้วกับคำว่าอ่านข่าว ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกไปห้องรับแขก ไปหยุดที่โต๊ะกระจกขนาดเล็กที่มีหนังสือพิมพ์วางอยู่
“นานกว่าที่คิด” ตัวหนังสือขนาดใหญ่เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่ของคาสิโนหรือบ่อนพนันที่ถูกกฎหมายของประเทศอิตาลี และมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย มันทำให้ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นชื่อของคนในโทรศัพท์
“หึ เกือบตาย” ในใจผมกำลังกระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้ยินแบบนี้ การพิสูจน์ตัวเองเป็นอะไรที่ยากที่สุดในชีวิต กว่าจะผ่านมาได้ทำเอาเกือบตาย แต่ต่างกันที่เควินน่าจะหนักกว่า เพราะธุรกิจของครอบครัวเควินมันค่อนข้างสีเทา ออกทางดำเลยล่ะ
“กลับไทย??” ว่าแต่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมที่ได้ยินมันบอกว่าจะกลับไทย
“กูเลือกอยู่ไทย”
“ทำไมวะ”
“อยากฆ่ามึงมั้ง”
“หึ” เอาเถอะผมจะคิดว่าเป็นคำบอกคิดถึงก็แล้วกัน
“อาทิตย์หน้า”
“ครับมาเฟีย”
“หึ เดี๋ยวได้แดกตะกั่วแทนข้าว” ผมอดขำไม่ได้กับมาเฟียหน้าใหม่ แต่เอาจริงตั้งแต่รู้จักกันมา ชีวิตของเควินโคตรน่ากลัวขนาดไปเรียนมันยังพกปืนไปด้วย
“พอดีเลย มีเรื่องให้ช่วย” ผมยกยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดอะไรออก เหมือนกับว่าสวรรค์กำลังเห็นใจ
“ว่า…”
“มีคนอยากฆ่ากู” ว่าแล้วก็เปิดแผลที่หน้าท้องตัวเองดู ยังคงจำความเจ็บปวดตอนที่โดนคมมีดแทงเข้าไปได้ดี เกือบไม่รอด
“ไม่ใช่มึงไปเอาเมียคนอื่นแล้วผัวเขามาตามฆ่ามึงหรอกเหรอ”
“มึงเห็นกูเป็นคนแบบนั้น?”
“ใช่”
“_” พูดไม่ออกเลย
“อาทิตย์หน้า…เจอกัน” มาเฟียใหม่พูดเหมือนจะสื่อให้ผมรู้ว่ามันจะมาจัดการให้ ก่อนที่ต้นสายจะกดตัดสายไป
ตุบ!
ผมโยนโทรศัพท์เครื่องหรูลงที่โซฟา ก่อนจะเหม่อมองไปนอกกระจกบานใหญ่ พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังทำให้ผมเจ็บใจไม่หาย เหมือนศัตรูของผมจะเอาถึงตาย ไม่ใช่แค่ขู่ และนี่เป็นเหตุผลที่มีชายชุดดำเดินตามผมไปทั่ว รวมถึงใต้ตึกโรงแรมแห่งนี้ด้วย
ถามว่ากลัวไหม กลัวสิ มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องของพ่อ พ่อผมก็เสียชีวิตจากการถูกปองร้ายเหมือนกัน ตำรวจช่วยไรเราไม่ได้ พอได้ยินว่าไอ้เคมันได้ขึ้นเป็นมาเฟียเต็มตัว แล้วอยากลองทำผิดศีลธรรมดูบ้าง