บทที่ 3 เขิน

1771 Words
-Type- “หนาวเหรอ” ผมเอ่ยปากถามคนตัวสั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในรถปอร์เช่ 911 ไม่ยักจะรู้ว่าเธอมีมุมแบบนี้เหมือนกัน “นิดหน่อยค่ะ” เธอว่าพลางเบี่ยงตัวออกไปทางหน้าต่างรถก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปปรับเพิ่มอุณหภูมิแอร์เครื่องยนต์ขึ้น รู้แหละว่าเธอไม่ได้หนาว ดูก็รู้ว่าตื่นเต้น “รู้ความหมายคำว่าไปต่อข้างนอกหรือเปล่า ถึงยอมขึ้นมากับผม” ผมเอ่ยถามเชิงเย้าแหย่ ยิ่งเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วอยากแกล้งให้หนัก “ระ รู้…” เธอตอบออกเสียงแผ่วเบา ก่อนจะยกมือขึ้นลูบต้นคอ…อีกแล้ว “อืมมม ง่ายดี” “ง่าย?” แอนนี่หันขวับมามองผมทันทีที่ได้ยินคำว่าง่ายออกจากปากผม เสียงเธอแข็งขึ้นมาเหมือนกับกำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้ง่าย “_” “จอดรถเลยค่ะ ฉันไม่ได้ง่าย” เธอน่ารักแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร บ้าหน่า… เมื่อกี้ผมคิดอะไรนะ ไม่หรอกผมไม่ได้มองเธอน่ารักหรอกใช่ไหม “หึ” ผมกระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ ผมรู้ว่าเธอไม่ได้ง่ายหรอก ถ้าเธอง่ายจริง ๆ คงไม่ปล่อยให้ตัวเองขึ้นคานแบบนี้ “_” ผมพยายามโฟกัสสายตาไปที่ท้องถนนในเวลากลางคืน ไม่อยากหันไปมองหน้าเธอที่ดูเหมือนจะง้ำงอขึ้นมา “_” เหมือนแอนนี่จะจ้องมองหน้าผมนะ ผมชำเลืองสายตามองเธอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันขวับกลับไป ดูเหมือนเธอจะโกรธที่ผมว่าเธอง่าย “หมายถึงง่ายกว่าที่คิด” ผมคิดอยู่นานสองนานว่าจะรวบรัดเธอมาเลยหรือเปล่า ก่อนอื่นผมไม่ใช่คนที่จะมาขอมีอะไรกับใครก่อนน่ะเลยไม่เคยโดนปฏิเสธในเรื่องวันไนต์ เธอเป็นคนแรกพอได้ยินเธอตอบกลับก็เลยคิดว่าง่ายกว่าที่คิด ก็แค่นั้น “จะพาไปไหนคะ” แอนนี่เงียบอยู่นานหลังจากผมตอบกลับไป ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น ผมชำเลืองมองคนข้างกายที่ตอนนี้เริ่มลุกลี้ลุกลนเหมือนกลัวว่าผมจะพาไปฆ่าข่มขืน “ไปขึ้นสวรรค์” แอนนี่กะพริบตาถี่ ๆ เหมือนกับตกใจที่ผมตอบตรงไปตรงมา ทำเอาผมเกือบหลุดขำออกมา “หมายถึงที่ที่จะพาขึ้นสวรรค์ค่ะ” ผมหันขวับไปมองคนที่เพิ่งตอบกลับด้วยประโยคที่ดูเหมือนอยากเอาคืนของเธอ แหนะ เหิมเกริมแล้วนะป้า ผมคิดในใจ แล้วยิ่งวันนี้ผมเป็นคนขับรถให้เธอนั่งอีก ปกติเธอเป็นคนขับให้ตลอด “เดี๋ยวคุณก็รู้” ผมตอบเสียงเรียบ แอนนี่ดูพูดมากขึ้นนะ ผมไม่ค่อยเห็นเธอพูดมากกับผมตั้งแต่ตอนไหนก็จำไม่ได้ อยู่ ๆ เธอก็ดูกลายเป็นคนเงียบ ๆ ต่อหน้าผม พอเธออยู่กับเพื่อนเธอพูดมากเหมือนไฟลามทุ่ง “ฉันมีทำงานแต่เช้าค่ะ ไม่อยากให้ไปไกลมาก” บอกเลยว่าไม่ไกลตื่นมาทำงานต่อได้เลย ผมไม่ได้บอกอะไรเธอไปเพราะเดี๋ยวเธอก็รู้ บรรยากาศในรถเงียบสงบหลังจากที่ผมไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ยังไงดีล่ะอยู่ ๆ ก็รู้สึกแปลก ๆ ผมมองแอนนี่เป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่คิดแบบเดียวกัน แอนนี่ชอบบอกว่าเธอเป็นลูกน้อง ไม่อยากทำตัวเท่าเทียม แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มจากการเป็นเพื่อน จนถึงตอนนี้เรากำลังกลายเป็นคู่นอน จะไม่ให้รู้สึกแปลกก็ไม่ได้ แต่ถามว่าถอยไหม ถอยก็หมาสิครับ! “เอ๊ะ นี่มัน…” เธอชะงักเหมือนกับกำลังจะหลุดพูดอะไรออกมาทันทีที่ผมหมุนพวงมาลัยเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง โรงแรมในเครือบริษัทผมเอง ตอนแรกแอนนี่ห้ามไม่ให้ผมขับรถนะ เพราะเธอคิดว่าผมเมา เหมือนเธอจะสมองเสื่อมหรือกะไรก็ไม่รู้ถึงลืมว่าผมเมาไม่เป็น “ที่นี่แหละที่จะพาคุณขึ้นสวรรค์” “_” เธอเม้มปากแน่นเลยที่ได้ยินแบบนี้ ดูเหมือนเธอจะรู้แล้วว่าทำไมผมพาเธอมาทีนี่ เพราะเธอเป็นคนทำตารางงานของผมเองไง แกร็ก~ ทันทีที่ผมดับเครื่องยนต์แอนนี่ก็เปิดประตูลงไปทันที ผมกระตุกยิ้มออกมา ว่าแต่ผมจะยิ้มทำไม นั่นสิ ก่อนที่ผมจะลงจากรถผมก็ได้หยิบถุงยางในลิ้นชักใต้คอนโซลรถมาใส่ในกระเป๋าเพิ่มอีก เอาสิ ลงทุนเลื่อนนัดสำคัญในตอนเช้า จะเอาให้คุมไปเลย จะเอาให้รู้ว่าอย่ามาทำอะไรแบบนี้กับผมอีก “เป็นอะไร” ผมเลิกคิ้วสูงมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความงงนิดหน่อยหลังจากลงมาจากรถก็เห็นเธอยืนกระสับกระส่ายหันรีหันขวางมองหาอะไรก็ไม่รู้ “ปะ เปล่าค่ะ” เธอยกมือขึ้นจับปอยผมมาทัดที่ใบหู ทำเอาผมมองไม่วางตา ก่อนที่จะหันหน้าหนีทันทีที่เธอช้อนสายตามองผมกลับ “พร้อมไปขึ้นสวรรค์หรือยัง” ผมถามเชิงเย้าแหย่ ก่อนจะขยับลำตัวเขาหาเธอพร้อมกับยื่นแขนไปโอบเอวบางของเธอไว้แล้วออกตัวเดิน “ทะ ทำอะไร เดินเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินมาพร้อมกับผม ในเวลานี้แขกที่เข้าพักในโรงแรมระดับห้าดาวมีไม่กี่อย่างหรอก ผมไม่ค่อยพาผู้หญิงไปค้างที่ไหนนะ ทำกิจกรรมเข้าจังหวะเสร็จผมขับรถกลับทันที แต่แอนนี่ยกไว้เป็นกรณีหนึ่ง ไม่ได้พิศวาทที่จะอยากนอนกับเธอต่อหรอก แต่เพราะบ่ายนี้เรามีงานที่ต้องทำด้วยกันที่โรงแรมแห่งนี้ @ The great feature hotel [02.00 น.] ผมพาเธอเดินเข้ามาในตัวโรงแรมขนาดใหญ่ เอาจริงไม่ค่อยได้มาเหมือนกัน แต่โรงแรมนี้ทำเงินให้ผมได้เยอะมากตินอันดับหนึ่งในธุรกิจที่ทำเงินให้บริษัทผมเลยก็ว่าได้ “สวัสดีค่ะท่านประธาน” เสียงของผู้จัดการสาวเอ่ยสวัสดีผมทันที่ที่ผมย่างกายเข้ามาในส่วนของล็อบบี้โรงแรม “อือ เปิดห้อง ชั้นเจ็ดนะ” แอนนี่หันมามองผมทันทีที่ผมพูดว่าชั้น เจ็ดแสดงว่าเธอรู้ว่าผมหมายถึงอะไร ตลกจังเลยทำไมชอบทำหน้าแบบนั้น “โอเคค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับ ไม่นึกว่าคุณจะมาพักที่นี่ นึกว่าคุณจะมาตอนบ่ายเลย” ผู้จัดการโรงแรมก้มหน้าก้มตาพูดหลังจากที่เดินไปเอาคีย์การ์ดมาให้ผม สิ่งหนึ่งหลังจากที่ผมได้เป็นผู้บริหาร ผมรู้สึกไม่ค่อยได้มองใครเต็มตานะ หลาย ๆ คนชอบก้มหัวให้กับผม แอนนี่ก็เช่นกัน จนในตอนนี้ที่ผมได้มองเธอเต็มตาอีกครั้ง “ไม่เป็นไร ขออาหารเช้าเที่ยง ชุดผมและชุดผู้หญิงด้วย” ผมบอกผู้จัดการโรงแรมพร้อมกับกระชับเอวแอนนี่แน่นขึ้น เพราะเห็นเธอตัวเกร็งแข็งทื่ออยู่ ทำไมถึงชอบทำตัวให้ผมมันเขี้ยว อยากจะบ้าตาย “ค่ะ ขอให้สนุกนะคะ” เธอพูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น ผมหันไปมองแอนนี่อีกครั้ง ใบหน้าเราห่างกันไม่กี่คืบ แอนนี่ที่พยายามเบี่ยงหน้าไปอีกด้าน ทำให้ผมเห็นใบหูเล็กของเธอแดงไปหมด “หึ” ผมไม่ได้ตอบอะไรผู้จัดการ เพราะตอนนี้ผมอยากจะทำอย่างอื่นแล้ว “คุณไทป์” แอนนี่พูดขึ้นหลังจากที่ผมพาเธอเดินเข้าลิฟต์ ผมมองเธอผ่านผนังลิฟต์สีทองที่มันสะท้อนเงาเธอกับผมอยู่ “หือ?” ผมไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่กลับกระชับแขนแน่นขึ้น “ปะ เปล่าค่ะ” เธอก้มหน้าลงเมื่อเผลอสบตากับผมผ่านเงาสะท้อนอยู่ อยู่ ๆ ใจผมก็เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับกำลังตื่นเต้นอะไรอยู่ พร้อมกับตัวเลขจำนวนชั้นที่บอกว่ากำลังจะถึงที่หมาย ติ๊ง! “แพร” ผมรู้สึกลำคอแห้งผากอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย อะไรวะ งงไปหมด ทำไมร่างกายผมตอบสนองความต้องการที่แปลกจากคนอื่น ผมไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน รู้สึกแบบนี้ก็ตอนเส้นสองสลึงขาด “คะ อ้อ ถึงแล้ว” แอนนี่ที่ได้ยินผมเรียก เธอขยับตัวออกจากแขนของผม ซึ่งอยู่ ๆ ผมเองก็เริ่มมือไม้อ่อนปล่อยเธอเดินออกไปก่อน “คุณไทป์?” ผมเดินออกจากตัวลิฟต์ช้า ๆ ไม่ใช่อะไรนะ ผมรู้สึกขาอ่อน ใจเต้นตุบตับรุนแรงจนผมขมวดคิ้ว แอนนี่ยืนนิ่งมองผมอยู่ในขณะที่ผมค่อย ๆ เดินเข้าหาตัวเธอ โรงแรมของผมพอแตะคีย์การ์ดที่ลิฟต์ตัวมันจะเคลื่อนมาถึงห้องทันที พอประตูลิฟต์เปิดก็จะพบกับห้องรับแขกเลย ผมจ้องมองแอนนี่ไม่วางตาขณะที่ก้าวเดินเข้าไปหาเธอ เธอไม่ได้ถอยหนี เพียงแต่ยกมือขึ้นลูบที่ต้นคอ แม่ง! โคตรเซ็กซี่ ผมยังจำได้ในตอนที่ผมไปงานเลี้ยงรุ่นของเธอ เพื่อน ๆ ของเธอบอกว่าเธอเคยเป็นดาวมาหา’ลัย ตอนนั้นผมบอกเธอว่ามหา’ลัยของเธอเขาจับฉลากเอาเหรอ แต่ตอนนี้ผมกลับพูดได้เต็มปากเลยว่า “คุณสวยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” ผมเดินเข้าไปแนบชิดกับลำตัวของเธอ พร้อมกับเอื้อมแขนไปโอบกอดเธอก่อนจะออกแรงดึงตัวแอนนี่เข้าหาอกแกร่ง แอนนี่เป็นคนตัวสูง และตอนนี้เธออยู่ในส้นสูงทำให้ผมไม่ต้องก้มหน้ามาก แต่ก็ต้องก้มอยู่ดี “เมื่อวานมั้งคะ” เธอตอบติดตลก แต่ดูเหมือนจะจริง เพราะวันก่อนยังเป็นยัยป้าผมไม่สระอยู่เลย “หึ” ยังไงดีล่ะ ผมเหมือนคนกำลังกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ แอนนี่เหมือนจะพยายามจะเบี่ยงตัวไปทางด้านหลัง ซึ่งดูเหมือนเธอจะขัดขืนอยู่ แต่ก็กำเสื้อผมแน่น “เขินเหรอ…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD