บทที่ 1
แพรวา
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม มันกลับเบามากในโสตประสาทการรับฟังของผม เพราะผมกำลังสนใจอะไรบางอย่างอยู่
สนใจ?
ไม่หรอก…
สงสัยต่างหาก
ผมใช้สายตาจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ไล่มองดวงหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง คิ้วเรียวสวยของเธอกระตุกเล็กน้อย เหมือนกับว่าเธอกำลังสับสนอะไรในใจ จากที่รู้สึกคุ้น แต่ในตอนนี้ผมรู้สึก
ยิ่งกว่าคุ้น…
“เราเคยเจอกันหรือเปล่า…” อันนี้ไม่ใช่มุกจีบสาว ผมเอ่ยปากถามเสียงเรียบ พร้อมกับไล่สายตามองเธอคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มร้ายกาจของผมที่ไม่อาจอดกลั้นผุดขึ้นมา หรือว่า
“ฉัน แพรวาค่ะ”
แอนนี่?
ผมกระตุกยิ้มเบา ๆ ให้เธอเมื่อได้ยินชื่อของเธอที่เธอเอ่ยออกมาเสียงเล็กเสียงน้อย ถึงแม้ชื่อของเธอจะไม่ตรงกับความคิดของผม แต่ผมว่าความคิดของผมถูกนะ และเธอเหมือนกำลังจีบปากจีบคอพูดอยู่ และแน่นอนล่ะ
ผมดูออก!
แอนนี่เธอเป็นเลขาส่วนตัวของผมเพียงคนเดียว ปีนี้ก็เข้าปีที่แปดแล้ว ตอนนี้เธอกำลังเล่นอะไรอยู่ ยอมรับว่าในตอนแรกผมจำเธอไม่ได้ ก็เล่นแต่งตัวสวยซะขนาดนี้ ปกติเห็นทำตัวเป็นป้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่ตอนนี้
“เรียกแพรเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ” เธอยกมือขึ้นลูบที่ท้ายทอยของตัวเองเหมือนกับกำลังเคอะเขินอะไรอยู่ ส่วนผมน่ะหรอ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผม…ไทป์” ผมยื่นมือออกไปหมายจะทำความรู้จัก เธอตาโตเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือเรียวออกมาจับมือผม มือเธอสั่น ผมรู้สึกได้
“เอ่อ แพรขอไปตามชิลล์ก่อนนะคะ” เหมือนเธอจะรู้สึกอึดอัดนะ ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอมันน่ามองตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมถึงมองไม่หยุดได้ขนาดนี้ และก่อนที่แอนนี่จะเดินออกไปผมก็ได้
หมับ!
“อะ!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อผมเอื้อมฝ่ามือไปคว้าหมับที่ข้อแขนของเธอก่อนจะออกแรงดึงเบา ๆ เพียงเท่านี้ร่างบางของเธอก็เสียหลักเข้ามาในอ้อมแขนผมทันที ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้น
“ปะ ปล่อยอะ เอ่อ แพร…” เหมือนเธอจะเกือบหลุดชื่อตัวเองออกมา ผมใช้สายตาคมจ้องมองลึกลงไปในนัยย์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอ พร้อมกับใช้ลำแขนแกร่งโอบรัดเอวบางของเธอให้เข้ามาแนบชิดลำตัว จนในตอนนี้เหมือนกับว่าเราเป็นคนคนเดียวกัน
ทำไมผมถึงทำแบบนี้น่ะเหรอ
เพราะผมไม่ชอบคนโกหกไง!
แอนนี่กำลังคิดอยากปั่นประสาทผมหรือไงถึงลุกขึ้นมาสลัดคราบป้าออก ตัดผมบ๊อบสั้นแถมยังแต่งตัวที่แบบ… ดูก็รู้ว่าจงใจจะมายั่วผม
และอะไรที่ทำให้ผมมั่นใจว่าเป็นแอนนี่เลขาผมจริง ๆ น่ะเหรอ
เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอชื่อแพรวา ซึ่งมันเป็นชื่อสิ้นคิดที่สุด เพราะว่าเธอ
เป็นลูกครึ่ง!
“คะ คุณไทป์คะ…” แอนนี่เบี่ยงใบหน้าไปทางด้านข้าง พร้อมกับยกมือขึ้นยันแผงอกผมไว้ อยู่ดี ๆ ผมก็อยากจะแกล้งเธอขึ้นมาซะงั้น อยากจะปั่นประสาทเธอกลับ อยากจะบอกให้รู้ว่าอย่ามาเล่นกับเสือ!
“หึ เป็นอะไรกับชิลล์เหรอครับ หืม?” กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอมันเหมือนกับกลิ่นของเนื้อสด ๆ ที่ทำให้เสือร้ายอย่างผมอยากจะขยำเธอเข้าให้
เธอทำราวกับไม่รู้จักผมดี
เธอทำเหมือนกับว่าผมดูโง่
และเธอทำเหมือนกับว่า…เธอชอบผม
“ปะ เป็นเพื่อนค่ะ คุณไทป์ช่วยปล่อยแพรก่อนได้ไหม แพร เอ่อ อึดอัด” แอนนี่ว่าพลางพยายามขยับตัวออกจากอ้อมแขนของผม ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ หน้าอกหน้าใจที่ผมรู้สึกได้ว่ามันใหญ่แค่ไหนกำลังถูไถเบียดเสียดแผงอกผมอยู่ เธอซ่อนรูปซะจนอยากจะดูรูปที่เธอซ่อนอยู่ซะแล้วสิ
“เหรอครับ ชิลล์เคยบอกผมว่า เธอมีเพื่อนคนเดียวนิครับ เพื่อนเธอเป็นเลขาของผมเอง…” ก่อนที่เสือมันจะกินเหยื่อ มันจะไล่ต้อนหรือกระโจนเข้าใส่ ความอร่อยมันต่างกัน ผมกำลังนึกสนุกอยากไล่ต้อนเธอให้จนมุม และค่อย ๆ กัดกินเธอไปเรื่อย ๆ
“เอ่อ เพื่อนร่วมห้องค่ะ” เธอโกหก อาจจะเป็นเพราะแสงไฟที่มันสลัวหน่อย ๆ มันทำให้ผมมองไม่เห็นสีหน้าของเธอชัด แต่ผมรับรู้ได้ว่าหน้าเธอคงกำลังเห่อร้อน
เอาจริง ผมก็แอบคิดมานานเหมือนกันว่าแอนนี่ชอบผม ยิ่งเธอทำแบบนี้ ทำเหมือนอยากเข้ามาทำความรู้จักกับผมที่ไม่ใช่ในฐานะนายจ้างกับลูกน้อง หรือในฐานะเพื่อนแต่บอกไว้อย่างหนึ่ง
สมภารเขาไม่กินไก่วัดหรอกนะ
มันเสียระบบ!
“เหรอครับ อืมมม แล้ววันงานเลี้ยงรุ่นเมื่อสองวันที่แล้ว คุณไม่ได้ไปเหรอครับ ผมไปเป็นเพื่อนเลขาผม ทำไมไม่เจอคุณเลย” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปหาเธอมากกว่าเดิม แอนนี่เธอทำหน้าเลิ่กลั่กทันทีกับคำถามผม หึ มันไม่เนียนเลยแอน ผมอยากบอกเธออย่างนี้นะ สงสัยเธอดูละครหนักเกินไปถึงคิดว่าผมดูไม่ออก กะอีแค่ ตัดผม แต่งหน้า ไม่ใส่แว่น ใส่ส้นสูง และใส่ชุดที่มัน…ล่อตาล่อใจแบบนี้
“คะ ? คุณไทป์คะ ปล่อยก่อนได้ไหมคะ แพร…” ยังจะมาพงมาแพรอีก ผมค่อย ๆ คลายลำแขนออก เป็นผลให้คนตัวเล็กกว่าหลุดออกจากการกักขังของผมทันที แอนนี่ยกมือขึ้นทาบอก เหมือนเธอจะใจเต้นแรงสินะ
“คุณยังไม่ตอบผมนะ” แอนนี่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผม เมื่อเห็นว่าผมทวงคำตอบจากเธอ
“เอ่อ วันนั้นแพรไม่ว่างไปค่ะ งานยุ่งมากเลยค่ะ”
“เหรอครับ แต่เลขาผมบอกว่าวันนั้นไปครบทุกคนเลย ยกเว้นชิลล์ที่ไม่ได้ไปเพราะไม่ได้จบพร้อมคนอื่น”
“_” แอนนี่ทำปากพึมพำเหมือนกับหมดคำจะแก้ตัว
“อืมมมม สงสัยเลขาผมจะมั่วอีกแล้ว” ผมว่าพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็ก มือหนาของผมนับจำนวนถุงยางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง จริง ๆ วันนี้อย่างที่บอกว่าผมไม่มีแรง แต่สำหรับเธอคนนี้แล้ว ที่มีอยู่ในกระเป๋ากางเกง ตอนนี้ก็คงไม่พอ
จะทำให้หลาบจำไปเลยว่าอย่ามาเล่นกับเสือ!
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” อยู่ ๆ ผมก็นึกอะไรสนุก ๆ ออก แอนนี่ยกมือขึ้นลูบต้นคอของเธออีกแล้ว เหมือนเธอจะรู้สึกชอบใจที่ผมพูดเพราะกับเธอนะ
“ค่ะ” เธอว่าพลางยิ้มให้ผมบาง ๆ เหมือนกับอมยิ้มเสียมากกว่า แอนนี่เธอเดินกลับไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหมุนตัวออกไปเช่นกัน
-Type end-
ราวกับฝันที่ยังไม่ได้นอน ร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีดำขลับระยิบระยับเรียกสายตาให้ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาได้หันมามอง มือเรียวสวยยกขึ้นลูบศีรษะด้วยความไม่เคยชินกับทรงผมใหม่
“นานจัง” ริมฝีปากอวบอิ่มฉบับสาวลูกครึ่งพึมพำออกมา เพียงแค่เขาหายไปไม่กี่นาที เธอก็พึมพำหาเขาเสียแล้ว
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นเมื่อนึกถึงสัมผัสใกล้ชิดเมื่อสักครู่จากเจ้านายของเธอเอง กลิ่นน้ำหอมของเขาที่เธอรู้สึกคุ้นเคยมาตลอดแปดปี มันทำให้เธอใจเต้นไม่ส่ำ แต่แล้ว
ครืด ครืดดด~
อาจจะเป็นเพราะยังคงเคลิบเคลิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้เธอไม่รู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ นานสองนานก่อนที่เจ้าตัวจะรู้
“ตายแล้วไง” ไม่มีใครตายในตอนนี้ ก็คงเป็นเธอในอีกไม่นาน มือเรียวสวยล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นจากกระเป๋าสะพายข้าง ก่อนจะพบว่าเป็นเขาคนนั้นเองที่โทรมา ซึ่งไม่เกินคาดเดาสักเท่าไร
ติ๊ด!
“ค่ะ บอส” เธอกรอกเสียงที่เป็นธรรมชาติของเธอลงไป ใจดวงน้อยเต้นโครมครามกลัวว่าเขาจะหงุดหงิดต่อว่าเธอที่รับโทรศัพท์ช้า นานพอสมควรที่เธอยกโทรศัพท์แนบหู แต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับจากต้นสาย
ต้นสายที่ยืนห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง...
ร่างหนาใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีคราม เขายังคงเป็นคนที่เรียกสายตาผู้คนได้เสมอ ชายหนุ่มยืนใช้มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ส่วนอีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูเช่นกัน สายตาคมมองไปยังร่างสูงโปร่งเหมือนกับนางแบบแต่ทว่ามีสัดส่วนซะจนทำให้เขาทนไม่ไหว
“บอสคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงที่ดูเป็นธรรมชาติไม่ผ่านการดัดแปลงเสียงทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามในเรื่องที่จะทำให้อีกฝ่ายอึ้ง
“ถุงยางในรถที่บอกว่าหมด ซื้อไว้ให้ยัง…”