ครืด ครืด~
อังเดรเดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วอยู่ในเสื้อคลุมสีดำแหวกให้เห็นแผงอกหนาอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม นัยน์ตาดำขลับปรายมองเบอร์บนหน้าจอของเจ้าของสายเรียกเข้า ก่อนจะคว้ามาปัดหน้าจอรับสายอนาคิน
(นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมป่านนี้แกยังไม่ไปรับหนูเซียร์สักที!)
ปลายสายเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ อังเดรมองนาฬิกาบนผนังห้องนอน ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะเหยียดโค้งไปด้านข้างพร้อมเสียงในลำคอที่ดังเล็ดลอดออกมา
เลทมาหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เขาต้องไปรับลูเซียร์
"ถ้ารีบมาก พ่อก็ส่งคนไปรับเด็กนั่นแทนผมสิ"
(แกไม่ปั่นประสาทฉันสักวันจะตายไหม?)
อนาคินพยายามระงับอารมณ์ฉุนเฉียวที่โดนปลุกเร้าโดยลูกชายเอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูก โดนยิงแสกหน้าไปนานแล้ว
"ธุระของผมไม่ได้มีแค่ไปรับเด็กนั่นอย่างเดียว ธุระส่วนตัวของผมก็มี"
(ทำหน้าที่คู่หมั้นให้มันดีๆ หน่อย รีบไปรับหนูเซียร์ด้วย แค่นี้แหละ)
เขาโยนโทรศัพท์ลงเตียงนอน หลังจากสายถูกตัด เขาเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อหาเสื้อผ้าสวมใส่อย่างไม่รีบร้อน ถ้าหากยัยเด็กนั่นรอได้ ก็ได้นั่งรถเขา ถ้ารอไม่ได้เขาก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาเร่งรัดให้ทันใจตัวเอง
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาเดินออกเพนท์เฮาส์ส่วนตัวไปยังลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เท้าทั้งสองได้ตวัดตรงไปหารถหรูที่มีคนสนิทสองคนยืนรออยู่ โซลเดินเข้ามาเปิดประตูรถให้เขา
"ไปสนามบิน" เขาออกคำสั่งกับไทจิ ลูกน้องคนสนิทอีกคน
ไทจิทำการสตาร์ตรถก่อนจะขับออกจากลานจอดมุ่งหน้าไปยังสนามบินตามคำสั่งของเจ้านาย
ณ สนามบินแห่งหนึ่ง ร่างบางในชุดลำลองสบายๆ กางเกงยีนส์ขายาวสีซีดแมตช์กับเสื้อครอปแขนกุดคาดิแกนสีครีม สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ สีขาวนั่งชะเง้อมองหาอังเดรบนกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มานานนับสองชั่วโมง เมื่อไม่มีวี่แววของคนที่เฝ้ารอ จึงถอดถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง
"เมื่อไหร่จะมา" เธอพึมพำคนเดียว ตอนนี้นั่งรออีกฝ่ายจนปวดก้นไปหมด
รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ ประดับขึ้นมาเมื่อเห็นที่รอมานานกำลังเดินตรงมาหาพร้อมชายชุดดำสองคน แม้ว่าจะผ่านมาแล้วหลายปีที่ไม่ได้เจอกัน ทว่าอีกฝ่ายก็ยังดูเย็นชาแถมยังใช้สายตาไร้อารมณ์ในการมองเธอไม่เปลี่ยน
อังเดรส่งสัญญาณให้คนสนิทนำกระเป๋าเดินทางของลูเซียร์ไปขึ้นรถ ก่อนจะดึงสายตาเย็นชากลับมามองคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตร
"ทำไมเพิ่งมาเหรอคะ"
"ธุระของฉันมีแค่มารับเธอใช่ไหม?" เขาเลิกคิ้วถามลูเซียร์
"เซียร์นึกว่าพี่เดย์ลืมมารับซะอีก"
"ก็อยากทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน"
คำตอบของอังเดรทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าจิ้มลิ้มของลูเซียร์ค่อยๆ จางลง เขายังใจร้ายและเย็นชากับเธอเหมือนเดิม
อังเดรหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปยังรถโดยมีลูเซียร์เดินตามมาติดๆ
บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบจนหญิงสาวรู้สึกอึดอัด เธอลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาชายหนุ่มที่ตนแอบรักมานาน ก้อนเนื้อข้างซ้ายกระตุกวาบเมื่ออังเดรเบือนใบหน้ามาหาแล้วทำให้ดวงตาทั้งสองคู่มองประสานกัน
ครืด ครืด~
เสียงโทรศัพท์ของอังเดรที่ดังขึ้น ทำให้มาเฟียหนุ่มละสายตาจากลูเซียร์มารับสายคนเป็นพ่อ เขานั่งคุยกับปลายสายสองนาน ส่วนมากเป็นเรื่องคู่หมั้น ทุกอย่างที่พ่อเขาพูด ดังเข้าหูขวาทะลุออกหูซ้าย
ใช้เวลาไม่นานรถหรูก็ขับมาถึงเพนท์เฮาส์ของมาเฟียหนุ่ม อังเดรเดินนำลูเซียร์ไปยังลิฟต์ส่วนตัว เพื่อขึ้นไปข้างบน
ลูเซียร์กวาดสายตาสำรวจรอบที่พักของอังเดร เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเป็นสีดำตามสไตล์ความชอบของอีกฝ่าย
ของตกแต่งบางชิ้นเป็นของหายากหรือมีเพียงชิ้นเดียวในโลกก็มีประดับตกแต่งในเพนท์เฮาส์มาเฟียหนุ่ม อีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวตึกได้สวยงามและชัดเจน
"มาคุยกันหน่อย" เสียงเข้มของอังเดร ทำให้ลูเซียร์ละสายตาจากวิวตึกข้างนอกไปมองเจ้าของใบหน้าเย็นชา
"คะ?"
"เธอมีความคิดเห็นยังไงกับการแต่งงานของเราสองคน"
"ไม่รู้สิคะ เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่เขาจัดแจงให้ทั้งหมด"
"แล้วเธอเคยปฏิเสธการแต่งงานไหม หรือว่าเห็นดีเห็นงามด้วย"
"เอ่อ..." ความจริง เธอแอบดีใจที่จะได้แต่งงานกับเขา แม้รู้ว่าเขาไม่ได้ชอบพอหรือมีใจให้เลยก็ตาม
อังเดรเริ่มก้าวเท้าตรงมาหาลูเซียร์ ทำให้หญิงสาวต้องถอยออกห่างตามสัญชาตญาณ กระทั่งแผ่นหลังบางแนบชิดกับผนังหนาเย็นเฉียบ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลิ่นหอมประจำตัวลูเซียร์กำลังกระตุ้นอารมณ์กระสันเขาให้ทำงาน
"เธออยากแต่งงานกับฉันอย่างนั้นเหรอ?"
"มันคือความต้องการของผู้ใหญ่"
"ไม่ใช่รวมถึงความต้องการของเธอด้วยเหรอ?"
ลูเซียร์หลุบตาต่ำลงมามองแผงอกของอังเดร ยิ่งอยู่ใกล้เขา ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง มิหนำซ้ำก้อนเนื้อข้างซ้ายยังพลันเต้นแรง
"ว่ายังไง"
"เซียร์ขัดพวกเขาไม่ได้"
"หึ แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากเป็นเมียของฉัน?"
"เซียร์..."
"จะเป็นเมียฉันถามตัวเองรึยังว่า...เด็ดเรื่องบนเตียงไหม"
ประโยคหลังอังเดรโน้มลงไปกระซิบข้างใบหูลูเซียร์ ก่อนจะดึงสายตามองใบหน้าแดงซ่านพร้อมแสยะยิ้ม จากนั้นเดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนทำอะไรไม่ถูกคนเดียว