ตอนที่ 9

1068 Words
“พี่ไม่อยากเอาเปรียบฝ้าย ถ้าวันหนึ่งฝ้ายเจอคนที่ใช่พี่จะปล่อยฝ้ายไป แต่จากวันนี้เป็นต้นไปเราจะเริ่มเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ อนาคตมันไม่แน่นอน ถ้าฝ้ายไม่ปล่อยมือพี่ พี่ก็จะอยู่กับฝ้ายตลอดไป แต่ขอเวลาพี่หน่อยนะ เดือนหน้าคุณแม่ให้พี่ไปติดต่อขยายงานที่ต่างประเทศ ไปอยู่ตั้งเกือบสองเดือน พี่สัญญาว่าจะกลับมารับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น” คำสัญญาสุดท้ายก่อนที่นักรบจะหายไปจากชีวิตของแก้วกานดา มันผ่านมาเกือบปีแล้ว แต่มันยังดังก้องอยู่ในหูของผู้หญิงช่างฝันอย่างเธอ หากแต่ความเป็นจริงมันไม่เป็นอย่างฝัน “ฝ้าย ถึงแล้ว เหม่ออะไรนักหนา” เสียงนลินดังขึ้นดึงให้แก้วกานดากลับเข้าสู่โลกความจริง “ดูดาวอยู่จ้ะ ท้องฟ้าคืนนี้สวยดีเนอะลิน” “อือ...แต่ตอนนี้ลินหิวมาก ไปกันเถอะ” “จ้า” แก้วกานดาฝืนยิ้มให้กับเพื่อน หญิงสาวชำเลืองดูนักรบที่ขึ้นไปยืนบนสะพานที่ทอดยาวไปสู่ชายฝั่งก่อนแล้ว นักรบยื่นมือให้น้องสาวจับและช่วยดึงขึ้นจากเรือ “ตามมาเร็วๆนะฝ้าย พี่รบ ลินไปก่อนล่ะ ใครถึงทีหลังล้างชามนะ” นลินหัวเราะร่วนแล้วรีบวิ่งไปตามสะพาน แก้วกานดามองตามเพื่อนอ้าปากค้าง เมื่อหันกลับมามองสบตากับนักรบก็หุบปากฉับ มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า แต่แก้วกานดาลังเลที่จะรับความช่วยเหลือนั้น “อย่าทำเป็นเล่นตัว นี่มันแค่จับมือ ผมจับล้วงฝ้ายมาทั้งตัวแล้วล่ะ ยื่นมือมาเร็วๆ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ มือเล็กยื่นออกไปโดยไม่มองหน้าคนที่อยู่บนสะพาน นักรบออกแรงดึงช่วยจนแก้วกานดามาอยู่บนสะพานแล้ว แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังกุมมือเล็กไว้แน่น “ปล่อยได้แล้วค่ะ” แก้วกานดาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่ปล่อย รีบๆเดิน หรือจะให้อุ้มไป” แก้วกานดาสบสายตาแข็งกร้าวครู่เดียว หญิงสาวจึงเลือกที่จะก้มหน้างุด แล้วเดินตามแรงจับจูงของนักรบไปอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความเกลียด ความกลัว และความรู้สึกดีๆที่แอบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ทำให้แก้วกานดาลอบถอนหายใจเบาๆ ต่างจากอีกคนที่แบกความเจ็บและแค้นไว้เต็มอก จนเผลอออกแรงบีบมือของหญิงสาวแรง “อุ๊ย! คุณรบฝ้ายเจ็บนะคะ” แก้วกานดาประท้วง “เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป ฝ้ายรู้ไหมว่าผมเจ็บมากกว่าฝ้ายหลายร้อยเท่านัก” นักรบหยุดเดินแล้วกระชากร่างเล็กจนเซปะทะกับร่างของตน แล้วรวบร่างของหญิงสาวแน่น “ปล่อยฝ้ายนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายฝ้ายแบบนี้” “แล้วใครล่ะถึงจะมีสิทธิ์ ผัวคนที่สอง ผัวคนที่สาม หรือผัวคนที่ร้อย” นักรบกระซิบเสียงเครียดชิดใบหูเล็ก “จะผัวคนที่เท่าไรก็ช่าง เรื่องของฝ้าย ถ้าคุณรบรังแกฝ้ายอีก ฝ้ายจะบอกคุณแม่ของคุณ จะบอกเจนนี่” นักรบยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านที่แก้วกานดาเอาแม่และคู่หมั้นของเขามาอ้าง “หึๆ...ถ้าฝ้ายกล้าที่จะประจานตัวเองก็เชิญ อ้อ...ถ้าไม่มีใครเชื่อในเรื่องที่ฝ้ายพูด ผมให้ฝ้ายยืมหลักฐานก็ได้นะ ทั้งรูปและเสียงคมชัดแจ๋วเลยล่ะ” แก้วกานดาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หญิงสาวเลือกที่จะเมินหน้าหนี เธอเป็นรองและเสียเปรียบเขาทุกอย่าง เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบนักรบจึงกระชากข้อมือของแก้วกานดาแล้วออกเดินเร็ว จนคนที่ขาสั้นกว่าแทบจะต้องวิ่งตาม “ลิน...ฝ้ายว่าจะกลับบ้านพรุ่งนี้” แก้วกานดาในชุดนอนกระโปรงสีชมพูลายน่ารักนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจก หันหน้ากลับมาคุยกับนลินที่เพิ่งล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มด้วยความอ่อนเพลีย “จะรีบกลับไปไหนล่ะฝ้าย กลับไปก็ไม่ได้ทำงาน” “เอ่อ...” “ไม่เอาๆ อยู่ต่ออีกสักคืน...นะๆ ไม่พูดด้วยแล้ว ห้ามกลับนะ” “ลิน...คือ...” “ลินง่วงมาก ปวดหัวด้วย นอนล่ะ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันต่อเนอะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะเพื่อนรัก” นลินพลิกกายตะแคงหันหลังให้เพื่อนทันทีที่พูดจบ แก้วกานดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาบ่งบอกความยุ่งยากใจยิ่งนัก “เธอคิดจะจับลูกชายฉันเหรอ” มันคือเสียงที่กรีดแทงลงกลางใจของแก้วกานดา เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว จากคุณนัยนาผู้เป็นมารดาของนักรบและนลิน “ปะ...เปล่าค่ะคุณแม่ ฝ้ายไม่ได้คิดอย่างนั้น” แก้วกานดานั่งอยู่บนโซฟารับแขกในบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวถูกคุณนัยนาติดต่อให้เข้ามาพูดคุยในเรื่องระหว่างเธอกับนักรบ หลังจากชายหนุ่มเดินทางไปต่างประเทศเพียงแค่หนึ่งวัน ซึ่งหลังจากวันที่เขาและเธอเจอหน้ากันบนเตียงในเช้าวันนั้น นักรบก็ปฏิบัติกับเธอราวกับว่าแก้วกานดาเป็นคนพิเศษของตัวเอง จนหญิงสาวยอมรับว่ารู้สึกดีกับเขา และเริ่มกลายเป็นความรักในเวลาไม่นาน ด้วยความใกล้ชิดและความน่ารักของแก้วกานดา นักรบเองจึงหลงรักหญิงสาวเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะราบรื่นดี จนกระทั่งวันนี้ที่แก้วกานดารู้สึกว่ามันคงไม่สวยหรูอย่างที่นักรบและเธอวาดฝันไว้ “ตารบต้องดูแลกิจการของครอบครัว บริษัทของเรากำลังขยายกิจการ ตารบต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะการก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เหมือนพ่อของเขาที่จากไปแล้วทำไว้ มันหนักหนาเอาการอยู่นะ การมีคู่ครองที่เหมาะสมกันทางด้านฐานะ และสังคมจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ตารบประสบความสำเร็จได้ ฉันพูดอย่างนี้เธอเข้าใจใช่ไหม” แก้วกานดาสบตาของผู้เป็นประมุขของบ้าน คุณนัยนานักบริหารรุ่นใหญ่ผู้ล่วงเลยวัยหกสิบปีมาเมื่อปีที่แล้ว กำลังรอคอยคำตอบจากหญิงสาวตรงหน้า เธอรู้ว่าแก้วกานดาเข้าใจความหมายที่เธอพูด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD