ชมรมชมใจ

1476 Words
หลังจากเลิกแถว ฉันก็รีบขึ้นห้องทันที เพื่อตรวจดูกระเป๋าอีกรอบ เพราะยังไงๆ ฉันก็แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเก็บใบสมัครไว้ในกระเป๋า ยังไม่ได้ส่งครูแน่นอน และที่แน่ใจไปกว่านั้นคือฉันไม่มีทางสมัครเข้าชมรมเดียวกับคีตะแน่นอน! แต่แล้วคีตะก็เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของเขาข้างๆ ฉัน "ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นล่ะ" เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งจะดีอยู่แล้วเชียวหากเขาไม่ยิ้มมุมปากแปลกๆ "เรื่องของฉัน อย่ามายุ่ง!" แค่นี้ก็หงุดหงิดอารมณ์เสียอยู่แล้ว เห็นหน้านายก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก "ไม่ยุ่งก็ได้ เชิญนั่งทำหน้าซังกะตายต่อไปเถอะ" พูดจบหมอนั่นก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ท่าเดิม ที่เดิม เวลาเดิมทุกวัน จนกระทั่งคุณครูที่ปรึกษาเข้ามา เขาถึงได้ดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง ราวกับติดสปริงเอาไว้ "สวัสดีจ้ะเด็กๆ เปิดเทอมมาวันนี้วันที่ห้าแล้วเป็นยังไงกันบ้าง เคยอยู่กันคนละห้อง แต่วันนี้ต้องมาอยู่ด้วยกัน หวังว่าคงจะปรับตัวเข้าหากันได้แล้วใช่ไหมจ๊ะ" คุณครูผู้น่ารักจะคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของพวกเราทุกวัน "ได้แล้วค่ะ/ได้แล้วครับ" ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะทุกคนสามารถปรับตัวเข้าหากันได้อย่างรวดเร็ว "ดีมากจ้ะ วันนี้ห้องเรามาครบนะ" "ครบค่ะคุณครู" หัวหน้าห้องรีบลุกขึ้นตอบ หลังจากที่เดินเช็กชื่อตั้งแต่ครูยังไม่เข้ามา "โอเคจ้ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ เรื่องชมรมก็ถือว่าทุกคนรักษาเวลาดีมากจ้ะ วันนี้วันสุดท้าย ทุกคนก็ส่งครูครบแล้ว และหวังว่าคงจะไม่ลืมนะจ๊ะว่าเขียนลงไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้" "ค่ะ/ครับ" "งั้นครูจะให้หัวหน้าห้องออกมาอ่านรายชื่อทีละคน ว่าแต่ละคนสมัครชมรมอะไร เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องครบถ้วนนะจ๊ะ เชิญจ้ะอรอุมา" หัวหน้าห้องออกไปรับเอกใบสมัครปึกใหญ่จากคุณครู แล้วเดินไปตรงกลางห้อง ก่อนจะเริ่มอ่านรายชื่อทีละคน จนมาถึงชื่อฉันที่อยู่ลำดับท้ายๆ "ตติยา ชมรมบาส...เกตบอล" นี่ฉันต้องอยู่ชมรมนี้จริงๆ ใช่ไหม ฮือๆๆ อรอุมาอ่านไปก็ทำหน้างุนงงไป คงจะแปลกใจล่ะสิว่าฉันไปสมัครตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนไม่ต้องงงหรอกย่ะ ให้ฉันงงคนเดียวก็พอ "หือ? เธอสมัครเข้าชมรมนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" คีตะรีบหันมาถามทันที แต่ฉันก็เบือนหน้าหนีไม่สนใจเขา "คนต่อไป คีตะ ชมรมบาสเกตบอล" แหม...พอมาถึงชื่อผู้ชายแล้วเสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะยะ แต่พอนึกได้ว่าเป็นชื่อหมอนั่น ฉันก็รีบหันกลับไปมองทันที แล้วก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มอยู่ ใช่! เขากำลังยิ้ม ฉันแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด เหมือนกับที่แน่ใจว่ายังไม่ได้ส่งใบสมัครเข้าชมรม สงสัยวันนี้ฝนตกชัวร์ ร้อยวันพันปีคีตะไม่เคยยิ้ม มีแต่เก็กหน้าขรึมทั้งวัน "ยิ้มอะไร มีเรื่องน่ายินดีอะไรนักรึไง" "แล้วจะให้ฉันทำหน้าจะร้องไห้ตลอดเวลาเหมือนเธอน่ะเหรอยัยเตี้ย" "ไม่ต้องมาย้อนฉันเลยนะไอ้บ้า" "สองคนนั้นมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ ตติยา คีตะ" ตายล่ะหว่า! คุณครูเรียกชื่อพร้อมกับชี้มาที่ฉันกับคีตะ "ไม่มีอะไรค่ะคุณครู เราแค่คุยกันเรื่องชมรมนิดหน่อย ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ" ด้วยความตกใจฉันรีบลุกขึ้นและโบกมือปฏิเสธทันที "จ้ะๆ ครูเชื่อแล้วว่าไม่มีอะไรจริงๆ แล้วคนอื่นล่ะ มีใครมีปัญหาหรือสงสัยอะไรไหมจ๊ะ" มีค่ะ! หนูอยากรู้ว่าลายมือหนูไปอยู่บนใบสมัครได้ยังไงคะ แต่ก็ได้แค่สงสัยแหละ ไม่กล้าถามหรอก เดี๋ยวครูจะว่าฉันพักผ่อนไม่เพียงพออีก ก่อนจะนั่งลงอย่างช้าๆ อย่างคนหมดอาลัยตายอยาก "ไม่มีค่ะ/ไม่มีครับ" "ถ้าไม่มี งั้นครูไม่รบกวนเวลาเตรียมตัวเข้าเรียนวิชาแรกแล้วนะจ๊ะ ตั้งใจเรียนนะทุกคน" คุณครูพูดจบ หัวหน้าห้องก็บอกทำความเคารพ "นักเรียน ทำความเคารพ" "สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับคุณครู" คุณครูที่ปรึกษาเดินพ้นประตูออกไปแล้ว ยัยหัวหน้าห้องก็หันขวับมาทางฉันทันที แค่มองไม่พอยังเดินเข้ามาหาฉันอีก "ฉันไม่คิดว่าเธอจะเข้าชมรมบาสฯ แต่ผิดคาดแฮะ หรือว่าหมายตาคนไหนไว้เหรอ" ฉันล่ะหมั่นไส้ยัยหัวหน้าห้องที่กำลังจีบปากจีบคอพูดอยู่ตรงหน้าเหลือเกิน "ยัยนี่เป็นใคร เธอรู้จักด้วยเหรอ" คีตะที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ อยู่ๆ ก็สะกิดให้ฉันหันไปหาแล้วเอ่ยถามขึ้นมา "ก็อรอุมา หัวหน้าห้องไง" ฉันตอบกลับไปอย่างงงๆ อยู่ด้วยกันมาครบสัปดาห์แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าใครเป็นใคร "อ้าว! คนนี้เหรอหัวหน้าห้อง ก็นึกว่าใคร อยู่ๆ เห็นมาตีสนิทกับเธอ โทษที ฉันไม่รู้จักน่ะเพราะไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา" คีตะพูดพลางยักไหล่ ทำเอายัยหัวหน้าห้องถึงกับหน้าแดงแปร๊ด แต่น่าจะแดงเพราะโกรธนะเพราะเห็นเธอกำมือแน่นเชียว นี่ถ้ากระทืบเท้าเร่าๆ เหมือนเด็กเวลาไม่ได้ดั่งใจได้ละก็ คงทำไปแล้ว "ตีสนิทอะไร พูดดีๆ นะคีตะ ฉันก็แค่เป็นห่วงต้นเตยว่าเลือกชมรมไม่เหมาะกับตัวเอง หรือว่าที่เลือกเพราะหมายตาผู้ชายคนไหนไว้กันแน่" เอ๊ะ! ทำไมยัยนี่ถึงพยายามยัดเยียดข้อหานี้ให้กันจังเลยนะ "ห่วงตัวเองไปเถอะ แล้วก็ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นห่วงคนอื่นหรอก คนอื่นเขาดูออกว่ามันปลอม" อยากจะลุกขึ้นปรบมือให้คีตะซะจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาเพิ่งจะมีวันนี้แหละที่พูดจาเข้าหู แต่ทว่า... "ยัยนี่น่ะทั้งเตี้ย ทั้งขี้เหร่ ถึงจะหมายตาใครไว้ ก็คงไม่มีใครเขาสนใจหรอก" พูดจบเขาก็เดินหนีออกไปนอกห้องทันที เอิ่ม...ที่ฉันพูดเมื่อกี้ก็ถือซะว่าไม่ได้ยินก็แล้วกัน ลืมๆ มันไปซะเถอะ ไอ้คีตะ! ไอ้คนเฮงซวย!!! ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลิกเรียน นักเรียนทุกคนต่างก็ไปรวมกลุ่มกันตามที่แต่ละชมรมนัดแนะเอาไว้ โดยมีประกาศประชาสัมพันธ์บอกตั้งแต่ช่วงพักเที่ยงแล้ว "ฉันต้องเข้าชมรมนี้จริงๆ เหรอ" ฉันถามตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ "มาถึงที่แล้วก็คงต้องเข้าจริงๆ แล้วล่ะ อีกอย่างในใบสมัครเธอก็เขียนว่าชมรมนี้นี่นา" ตอนนี้ฉันกับฟ้าใสยืนอยู่ข้างสนามบาสเกตบอล ในขณะที่คนอื่นๆ ทยอยเข้าไปนั่งในบริเวณสนามจนเกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว "ทำไมปีนี้คนเยอะกว่าทุกปีนะ" ฟ้าใสตั้งข้อสังเกต "อ้อ! รู้แล้ว ปีนี้มีนักเรียน ม.สี่ที่เข้ามาใหม่ หน้าตาดีหลายคน อีกอย่างรุ่นเราก็มีเพิ่มมาอีกคน นายต้นน้ำนั่นไง ขวัญใจสาวๆ เลยนะนั่น ห้องเธอมีนายคีตะ ส่วนห้องฉันก็มีนายคนนั้นนี่แหละ" "อ้าว! แล้วจอมทัพล่ะ" ฉันถามอย่างกระเซ้าเย้าแหย่ แม้จะยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ก็ตาม "อีตานั่นน่ะเหรอ หล่อจ้ะ หล่อมาก กอไก่ล้านตัว แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่กล้ามายุ่งด้วยหรอก" ก็แหงสิ ใครจะกล้าล้วงคองูเห่าอย่างเธอล่ะ ฟ้าใสเรียกว่าเป็นสาวโหดก็ได้ เธอพร้อมจะปะ ฉะ ดะ หากมีใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับจอมทัพ ซึ่งทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกันมาได้สองปี ย่างเข้าสู่ปีที่สาม หลังจากที่เป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่เรียนชั้นประถมแล้ว "จ้ะ แม่คนอวดแฟน" "จ้า แม่คนไม่มีแฟน ฉันจะคอยดูวันที่เธอมีแฟนก็แล้วกัน แล้วจะเข้าใจความรู้สึกของฉันตอนนี้" คอยไปเถอะจ้ะ... "เราเข้าไปกันดีกว่า เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง" ฟ้าใสพูดจบก็เดินนำหน้าเข้าไปในสนามบาสเกตบอล สถานที่นัดหมายของชมรม ฉันได้แต่เดินตามไปพร้อมทำหน้าเบื่อๆ แถมยังต้องคอยหลบสายตาที่ไม่ค่อยจะมิตรนัก ซึ่งน่าจะเป็นบรรดาแฟนคลับแม่ยกของคีตะ หรือไม่ก็ของต้นน้ำอย่างที่ฟ้าใสว่า ต้นเตยเบื่อค่ะ! ทุกคนได้โปรดรับรู้ด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD