เด็กใหม่

1658 Words
วันต่อมา ฉันกับคีตะเดินไปโรงเรียนด้วยกันตามปกติ ราวกับเมื่อวานไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน แต่เดินไปเดินมาก็เริ่มรู้สึกเมื่อยขา นั่นเป็นเพราะฉันยังรู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัวไม่หาย "นี่นาย/นี่เธอ" ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เราใจตรงกันขึ้นมา ขณะที่ฉันเรียกเขา เขาที่เดินนำหน้าก็หมุนตัวกลับมาเรียกฉันเหมือนกัน "มีอะไรก็ว่ามาสิ" ฉันพยักพเยิดให้เขาพูดก่อน โดยไม่หวังให้เขาตอบกลับมาว่า 'เธอพูดก่อนสิ' คำนี้จะไม่มีทางหลุดออกมาจากปากของคีตะแน่นอน เพราะเขามันไม่ใช่สุภาพบุรุษ! "ฉันจะบอกว่าช่วยเดินให้มันเร็วๆ กว่านี้หน่อย ชาติที่แล้วเธอเป็นเต่ารึไง ถึงได้เดินช้าแบบนี้" ดู ดู๊ ดู คำพูดคำจา น่าตบให้เลือดกบปากซะจริงๆ "ฉันเองก็จะบอกนายว่า ชาติที่แล้วเป็นยีราฟรึไงถึงได้เดินก้าวยาวขนาดนี้ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ช่วยเดินให้มันช้าลงหน่อยได้ไหม ฉันปวดขาและยังปวดเนื้อปวดตัวไม่หาย และนั่นมันก็เป็นเพราะนายที่ทำให้ฉันตกใจจนล้มลงแบบนั้น" กว่าจะพูดจบก็ทำเอาฉันหอบ รู้สึกเหมือนความดันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ "เธอมันร่างกายอ่อนแอ ล้มแค่นี้ทำเป็นบ่นอย่างกับตกจากหลังคา เพราะฉะนั้นต้องขยันเดินให้มากๆ จะได้แข็งแรง แล้วถ้าคิดว่ามีเวลาเหลือตั้งเยอะแล้วจะเดินเอ้อระเหยยังไงก็ได้ ช่วยคิดใหม่ด้วยเพราะนาฬิกาเธอมันเดินช้าต่างหาก" จะเป็นไปได้ยังไง ฉันพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากระโปรงออกมาดูเทียบกัน แล้วก็เป็นอย่างที่คีตะว่าจริงๆ เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีเท่านั้น! "แล้วทำไมนายไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า!" ว่าแล้วฉันก็ออกตัวนำเขาไปก่อน ปวดขาแค่ไหนก็ทนกัดฟันไว้ เดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคีตะตามมา แล้วเขาก็เดินแซงฉันไป พลางชำเลืองมามองฉันด้วยสายตาสมเพช "มองทำไม ไม่เคยเห็นคนรึไง" "คนน่ะเคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นคนขาสั้นแล้วยังไม่เจียมตัวอีก ยัยเตี้ยเอ๊ย! ขอให้ทันประตูปิดละกัน บาย..." เขาโบกมือบ๊ายบายแล้วทิ้งให้ฉันฝืนสังขารกัดฟันเดินคนเดียว ในขณะที่ตัวเขาวิ่งนำหน้าไปไกลแล้ว ตอนนี้ฉันละอยากจะมีปีกจริงๆ จะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อยขาแบบนี้ และจะได้ไม่ต้องถูกมองด้วยสายตาสมเพชจากไอ้คนเฮงซวยอย่างหมอนั่นด้วย ฉันกัดฟันเดินมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน และเห็นว่าคนอื่นๆ ก็กำลังทยอยมาถึงเหมือนกัน คนที่มาก่อนก็เข้าแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เพื่อตรวจความถูกต้องของเครื่องแบบนักเรียน พอผ่านประตูเข้ามา ฉันก็เห็นคนอื่นๆ จับกลุ่มคุยกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญซะด้วย เพราะสีหน้าท่าทางแต่ละคนดูเคร่งเครียดกันไม่เบา ว่าแต่มีเรื่องอะไรกันนะ มองไปทางไหน ไม่ว่าจะเป็นม้านั่งใต้ต้นไม้ ข้างทางเดิน หรือแม้แต่มุมพักผ่อนตรงสวนหย่อม ก็เห็นแต่นักเรียนชั้นอื่นๆ ไม่เห็นเพื่อนร่วมห้องของตัวเองสักคน แม้แต่คีตะที่วิ่งหนีฉันมาก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะในห้องเรียนฉันก็ต้องทนเห็นหน้าหมอนั่นเกือบทั้งวันแล้ว ให้ฉันมีเวลาหายใจสะดวกๆ บ้างเถอะ ขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปทางอาคารเรียนเพื่อเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ แล้วถึงจะกลับลงมาเข้าแถว แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งเดินมาดักทางเอาไว้ "เอ่อ...สวัสดี" เขาคนนั้นเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ สำเนียงของเขาฟังดูเหมือนพูดไทยไม่ชัดเท่าไหร่ แล้วทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็หันมามองที่เราสองคนเป็นตาเดียว "สวัสดี" ฉันทักทายกลับตามมารยาท พร้อมกับค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นไปตามความสูงของคนตรงหน้า ซึ่งน่าจะสูงพอๆ กับคีตะ โอ๊ะ! เขาคือผู้ชายที่ยิ้มให้ฉันตอนเข้าแถวเมื่อวานนี่นา "หวัดดีอีกครั้ง ฉันชื่อต้นน้ำนะ เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ อยู่ชั้นเดียวกับเธอแต่ห้องเจ็ดน่ะ เธอชื่อต้นเตยใช่ไหม" หือ? เขาบอกว่าเพิ่งย้ายมาใหม่ แล้วรู้จักชื่อฉันได้ยังไงกันนะ "ใช่ ฉันชื่อต้นเตย นายบอกว่าเพิ่งย้ายมาใหม่ แล้วรู้จักชื่อฉันได้ยังไง" "ก็...ฉันเห็นเธอตอนเข้าแถวเมื่อวานแล้วคิดว่าน่ารักดี เลยถามเพื่อนในห้องน่ะ" อ๋อ...อย่างนี้เอง เขาชมว่าฉันน่ารักด้วยแหละ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยเวลามีคนชม "อืม นายชื่อต้นน้ำใช่ไหม ชื่อคล้ายๆ กันเลยเนอะ" ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเพราะแอบเขินอยู่ มีคนหล่อมาชมว่าน่ารักเลยทำตัวไม่ค่อยถูก แต่พอนึกได้ว่าชื่อคล้ายๆ กันก็เลยพูดออกไปอย่างนั้น "นั่นน่ะสิ ไม่แน่นะ เราอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้" เขาพูดจบก็ยิ้มจนตากลายเป็นสระอิ "ไม่หรอกมั้ง ฉันเป็นลูกคนเดียว" ฉันพูดแล้วก็หัวเราะบ้าง แต่แล้ว... "โอ๊ย!" อะไรไม่รู้แข็งๆ ลอยมาโดนตรงท้ายทอย ยังดีนะที่ไม่โดนตรงที่มันปูดขึ้นมาเมื่อวาน ซึ่งตอนนี้เองมันก็ยังปูดอยู่เลย แต่ยุบลงบ้างแล้วไม่เท่าเมื่อวาน ฉันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรหรือใครที่น่าจะลอบทำร้ายกัน เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคีตะ แต่หมอนั่นก็ไม่ได้อยู่แถวนี้นี่นา "มีอะไรหรือเปล่า ร้องเสียงหลงเลย แล้วมองหาอะไรอยู่เหรอ" "ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้เหมือนมีแมลงบินมาชนน่ะ รู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ยังไงไม่รู้" ฉันโกหกคำโต เพราะอยากตัดบทให้จบๆ ไป "ให้ฉันดูให้ไหม หรือจะไปห้องพยาบาลดี" ต้นน้ำยื่นมือมาจะจับศีรษะเพื่อดูแผล แต่ยังดีที่ฉันหลบทัน เพิ่งรู้จักกัน ไม่สนิทพอจะให้แตะตัวหรอกนะ "ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก ว่าแต่นายรู้รึเปล่า ทำไมวันนี้คนอื่นๆ ถึงได้ดูเคร่งเครียดกันนัก" "อ๋อ วันนี้เห็นว่าจะมีการเลือกชมรมน่ะ พวกเขาคงจะคุยเรื่องชมรมกันล่ะมั้ง แล้วเธอคิดไว้รึยังว่าจะอยู่ชมรมไหน" มิน่าล่ะ ทุกคนถึงได้ดูเคร่งเครียดกันนัก ฉันเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เครียดทุกปีกับการเลือกชมรม "ยังไม่รู้เลย แหะๆ เอาไว้ค่อยคิดแล้วกัน ไปเข้าแถวกันเถอะ ได้เวลาแล้ว" ฉันชวนต้นน้ำไปเข้าแถว โดยที่ยังไม่ได้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ แต่แล้วเสียงอันไม่พึงปรารถนาอยากจะได้ยินก็ดังขึ้น "อ้าว! เพิ่งมาถึงเหรอ ขาสั้น ตัวเตี้ย ก็เดินช้าแบบนี้ละนะ" พอฉันหมุนตัวกลับไปทางต้นเสียง ก็เห็นร่างสูงๆ ราวกับเป็นญาติกับเสาไฟฟ้าของคีตะ ยืนทำหน้าระรื่น โดยข้างหลังเขามีนักเรียนหญิงหลายคนเดินตามหลังเป็นพรวน บางคนก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย เฮอะ! หล่อตายล่ะ "นึกว่าใคร ที่แท้ก็หนุ่มสุดฮอตนี่เอง เราอย่าไปสนใจเลย ไปเข้าแถวกันเถอะต้นน้ำ คุณครูเรียกแล้วน่ะ" ฉันทำเป็นไม่สนใจคีตะ แล้วหันมาชวนต้นน้ำไปเข้าแถว เพราะคุณครูเร่งแล้ว "อืม ไปสิ เธออย่าลืมเรื่องชมรมก็แล้วกัน" ต้นน้ำบอกยิ้มๆ แล้วยื่นมือมาแตะไหล่ฉันเบาๆ จากนั้นเราก็เดินไปเข้าแถวด้วยกัน ก่อนจะแยกกันเพราะอยู่คนละห้อง [[ คีตะ ]] ต้นเตยเดินไปกับไอ้หน้าหล่อที่เป็นเด็กใหม่เพิ่งย้ายมา ผมกำลังจะตามไปก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางทางไว้ เธอคือซัมเมอร์ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เราเรียนห้องเดียวกันมาสองปี แต่ปีนี้ได้อยู่คนละห้อง ซึ่งผมโคตรดีใจเลย เพราะรำคาญยัยนี่เต็มทน ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งที่ความจริงเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยสักนิด แต่บางครั้งก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่พอเธอเดินเข้ามาหาผม พวกผู้หญิงที่ตามมาล้อมหน้าล้อมหลัง ก็รีบแยกย้ายสลายตัวไปทันที พูดง่ายๆ ว่าบางทีผมก็ใช้ยัยซัมเมอร์เป็นไม้กันหมา แต่บางทีมันก็ทำให้ต้นเตยเข้าใจผิดไป ว่าผมกับซัมเมอร์กำลังคบกันอยู่ "ปีนี้นายจะอยู่ชมรมบาสเกตบอลเหมือนเดิมรึเปล่า" ซัมเมอร์ถามขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง "ก็คงงั้น ฉันอยู่ในทีมบาสฯ โรงเรียนนี่นา ก็ต้องเข้าชมรมนี้สิ" "งั้นฉันก็จะเข้าชมรมบาสฯ เหมือนกัน" ยัยนั่นว่าแล้วก็เป่าบับเบิลกัมให้พองเป็นลูกโป่งขึ้นมา ด้วยท่าทางอารมณ์ดี "ทำไมเธอต้องตามฉันไปทุกที่ด้วย ฉันบอกแล้วไงว่ายังไงก็ไม่มีวันชอบเธอ" "ฉันไม่สนว่านายจะคิดยังไง แต่ฉันเล็งนายไว้นานแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่านายจะไปไหน ฉันก็จะตามไปที่นั่นแหละ" ยัยนี่ต้องจิตไม่ปกติชัวร์เลย "งั้นก็ตามให้ทันแล้วกัน" ผมพูดจบก็รีบเดินหนีออกมา เพราะทนกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจนแสบจมูกของเธอไม่ได้ ว่าแต่ต้นเตยจะเข้าชมรมไหนนะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD