วันต่อมา...
บริษัทปุณณา จำกัด
"สวัสดีค่ะคุณน้ำหนึ่งเมื่อวานลาหยุดเหรอคะ?" น้ำหนึ่งเดินเข้าบริษัทก็เจอแผนกต้อนรับทักทายด้วยความสนิทกัน
"ค่ะ พอดีว่าเมื่อวานนี้ตากฝนน่ะค่ะเลยป่วยกะทันหัน" เธอเองก็หันไปตอบด้วยหน้าตาแจ่มใส น้ำหนึ่งเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดประธานบริษัทแถมยังเข้าถึงง่าย ๆ ด้วยทั้งใจดีและยิ้มแย้มเลยทำให้พนักงานชื่นชอบเธอมาก ๆ เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับบริษัทบอกผ่านน้ำหนึ่งไปจะรวดเร็วที่สุดในการส่งสารถึงท่านประธานบริษัท
"แล้วหายดีแล้วเหรอคะไม่พักอีกหน่อยทีมเลขาพร้อมทำงานแทนอยู่แล้วละค่ะ^^"
"ไม่ดีกว่าค่ะเป็นหัวหน้าจะปล่อยให้น้อง ๆ ทำงานแทนได้ยังไงกัน งั้นเดี๋ยวหนึ่งขอตัวก่อนนะคะคุณทิพย์ไว้ว่าง ๆ ไปทานข้าวด้วยกัน"
"ได้ค่ะคุณหนึ่ง"
น้ำหนึ่งแยกจากเคาท์เตอร์ต้อนรับและเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบริหารซึ่งเป็นชั้นที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง แต่ว่าก็มีคนแทรกเข้ามาด้วย เขาก็คือคนที่ทำให้เธออ่อนแอจนป่วยเมื่อวานนี้...
ติ๊ง!
"ไปด้วย" เขาหันมองเธอนิดหน่อยน้ำหนึ่งก็กดลิฟต์ชั้นที่จะไปทั้งของเขาและของเธอเอง
"...." น้ำหนึ่งมองสรัลผ่านกระจกในลิฟต์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะว่าเธอไม่มีเรื่องจะพูดกับเขาแม้ว่าจะเสียใจและคิดเรื่องแก้แค้นอยู่ก็ตามแต่น้ำหนึ่งไม่ใช่พวกชอบโวยวายและแสดงออกเท่าไหร่ เธอพยายามเก็บสีหน้าและท่าทางเสมอ
"มีอะไรจะพูดก็พูดมาเลยจะมัวมองหน้ากันทำไม?" สุดท้ายสรัลก็ทนไม่ได้ต้องพูดออกไปก่อน
"ก็แค่มอง...ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องมีอะไรพูดกับคนอย่างนาย"
"เหอะ! เปลี่ยนไปเลยนะพอโดนบอกเลิกที่หายหน้าไป 1 วันก็เพราะว่าตรอมใจที่โดนบอกเลิกสินะ"
"ไม่ใช่สักหน่อยฉันแค่อยากพักผ่อนน่ะเลยหยุดไป นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้หยุดมานานแล้ว"
"ใช่ เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้แฟนตัวเองสุดท้ายฉันก็ทนไม่ได้จนต้องบอกเลิก"
"คิดว่าฉันโง่หรือไง...และบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่เลิก"
"นี่! จะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากทำไมฮะน้ำหนึ่ง!เราไปกันไม่ได้ก็แยกทางกันแค่นั้นเองจะมาทำให้เรื่องมันใหญ่ทำไมวะ?!" หมับ! สรัลกระชากแขนของน้ำหนึ่งด้วยอารมณ์โมโหที่เธอไม่ยอมเลิกแต่โดนดี เขาเองก็อยากไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกแล้วแต่ติดแค่น้ำหนึ่งไม่ยอมปล่อยเขาไป
"ฉันไม่ได้ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่สักหน่อยฉันแค่ยังไม่อยากเลิกเท่านั้นเอง ถ้านายอยากเลิกก็ไปหาเหตุผลที่มันดีกว่านี้มาบอกฉันเผื่อว่าฉันจะใจดีปล่อยนายไปง่าย ๆ"
"ยัยโรคจิต" สรัลพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจเลยว่าน้ำหนึ่งจะรู้สึกยังไงแม้ว่าเธอจะตอบโต้เขากลับไปอย่างดุเดือดแต่ภายใจของเธอก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ ท่าทางของสรัลที่อยากเลิกกับเธอคำพูดแสนเย็นชามันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาแค่แสดงละครหลอกเธอเท่านั้น
"คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ก็นายนั่นแหละ" ติ๊ง! เสียงลิฟต์เปิดออกที่ชั้นแผนกการตลาด
"อย่าเอาแต่โทษคนอื่นโทษตัวเองเถอะที่บกพร่องด้านการดูแลแฟน!" สรัลกระแทกเสียงใส่น้ำหนึ่ง
"ถึงแผนกการตลาดแล้วเชิญ" น้ำหนึ่งผายมือให้เขาเดินออกไป
"หึ!" ติ๊ง! และลิฟต์ก็ปิดอีกครั้งเพื่อขึ้นไปที่ชั้นบนและพอสรัลออกไปน้ำตาที่เธอไม่คิดว่าจะไหลออกมาอีกมันก็กลับมาร้องไห้อีกครั้ง น้ำหนึ่งพยายามหากระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาแต่ประตูลิฟต์ก็เปิดก่อนจะถึงชั้นผู้บริหาร
ติ๊ง!
"อ๊ะ...ท่านประธาน" และคนที่หน้าลิฟต์ก็คือปุณณ์นั่นเอง
"เป็นอะไร?" เขาเดินเข้ามาในลิฟต์และก็ถามพนักงานของเขา
"คะ?"
"ผมถามว่าเป็นอะไรตาแดง ๆ ?" เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอเพราะน้ำหนึ่งกำลังทำหน้าเหมือนคนร้องไห้
"ไม่ได้เป็นอะไรคะอาจจะเพราะว่าไม่สบายเลยจามหนักไปหน่อย"
"ยังไม่หายอีกเหรอ?" แปะ! ปุณณ์ยื่นมือไปแตะหน้าผากของน้ำหนึ่ง
"เอ่อ ค่ะ" น้ำหนึ่งก็ถอยหนีทันทีเพราะกลัวว่าลิฟต์เปิดแล้วจะมีคนมาเห็น หน้าที่ของเธอคือรักษาภาพพจน์ของเขามาเป็นอันดับหนึ่ง
"ตัวก็ไม่ร้อนเท่าไหร่แล้วงั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงผมเรียกหมอมินิให้"
"ไม่เป็นไรค่ะเมื่อวานนี้หมอมินิให้ยาไว้แล้วถ้าทานต่อเนื่องเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้นเรื่อย ๆ " น้ำหนึ่งรีบปฏิเสธเพราะว่าเธอเกรงใจท่านประธานของเธอ
"ตามใจ...ยังไงวันนี้เดี๋ยวรบกวนสรุปการประชุมเมื่อวานให้ผมใหม่หน่อยนะ"
"อ้าว! เมื่อวานนี้แคร์ไม่ได้ทำให้เหรอคะ?" น้ำหนึ่งรีบถามทันที
"ทำแต่ว่าไม่โดนใจเท่าไหร่คุณงานได้ดีกว่าน่ะ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับคุณเลขาแล้วก็รักษาสุขภาพด้วยผมมีคุณคนเดียวนะ" ติ๊ง! แล้วลิฟต์ก็เปิดออกปุณณ์ก็เดินออกไปทิ้งให้น้ำหนึ่งไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
"อะไรของเขานะ?" ทั้งที่เขาก็ชอบพูดอะไรแบบนี้บ่อย ๆ แต่ว่าน้ำหนึ่งก็ไม่ชินสักทีแถมหัวใจก็เต้นแรงเสมอด้วย เฮ้อออ~
เวลาต่อมา...
แผนกการตลาด
"อ้าว!คุณน้ำหนึ่งมาทำอะไรคะเนี่ย?" พักเที่ยงแล้วน้ำหนึ่งก็เลยมาที่แผนกการตลาดเพื่อปั่นใครบางคนสักหน่อยหรืออาจจะสองคนก็ได้
"มาหาสรัลน่ะค่ะพอดีว่าช่วงนี้เขาบ่น ๆ ว่าหนึ่งไม่ค่อยมีเวลาให้เลยมาชวนไปทานเที่ยงด้วยกัน"
"แต่ว่าสรัลออกไปแล้วนะคะที่ว่ามีนัดก็นัดกับคุณน้ำหนึ่งนี่เองสินะคะ" หัวหน้าแผนกการตลาดพูดไปยิ้มไป
"อ่อ เปล่าหรอกค่ะหนึ่งมาเซอร์ไพรส์เขาแต่โดนเซอร์ไพรส์กลับซะนี่เศร้าเลย..." น้ำหนึ่งพูดด้วยแววตาเศร้าที่มาไม่ทันแฟนของเธอ
"โอ๋ ๆ แต่ว่าพี่ได้ยินว่าไปที่จอดรถนะคะลองตามไปดูสิคะ" หัวหน้าการตลาดกระซิบกับน้ำหนึ่งซึ่งนั่นทำให้น้ำหนึ่งยิ้มในใจทันที
"ขอบคุณนะคะงั้นหนึ่งขอตัวก่อนวันหลังจะซื้อขนมมาฝากนะคะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะเกรงใจ^^"
และน้ำหนึ่งก็เดินออกมาจากแผนกการตลาดเพื่อไปที่ลานจอดรถถ้าโชคดีอาจจะเจอเขากับผู้หญิงที่เขาอยากแต่งงานด้วยจนบอกเลิกเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะผิดจริงที่ไม่ได้มีเวลาให้เขาแต่เขาก็ควรบอกกันสิไม่ใช่ไปมีคนอื่นแบบนี้และมาบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น...
ลานจอดรถ
"ยังไม่ได้เลิกอีกเหรอคะ?!" กึก! ขาของน้ำหนึ่งชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาเป็นเสียงที่คุ้นหูมาก ๆ ด้วย
"ใจเย็นก่อนสิคะพี่กำลังบอกเลิกไงแต่ว่าหนึ่งเขาไม่เลิกด้วยอะจะให้พี่ทำยังไงละคะที่รัก?" ชัดเจน...เจ้าของสองเสียงนั้นคือสรัลและแฟนเก็บของเขา
"เหอะ! เขาไม่อยากเลิกหรือว่าพี่ยังไม่ได้บอกกันแน่อะจะจับปลาสองมือเหรอคะหรือว่าอยากให้หนูไปบอกเอง!!"
"ที่รักกกก~ถ้าที่รักบอกเท่ากับว่าน้ำหนึ่งรู้ว่าพี่นอกใจเขานะและบางทีเราอาจจะอยู่บริษัทนี้ไม่ได้เลยก็ได้นะ"
"ไม่รู้แหละยังไงพี่ก็ต้องเลิกไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกัน!!หนูเบื่อ!!เบื่อที่จะเป็นแฟนเก็บของพี่แล้ว!!"
"พี่เข้าใจแล้วที่รัก...พี่จะกดดันหนึ่งเองจนหนึ่งต้องเลิกกับพี่เอง"
"เฮอะ!"
"พี่ไม่อยากเลิกโดยมีคนรู้ว่าพี่นอกใจหนึ่งหรอกนะพี่ยังต้องทำงานที่นี่...และถ้าหนึ่งรู้ว่าเราคบกันอยู่แล้วหนึ่งไปบอกคนในบริษัทที่รักจะกลายเป็นมือที่สามโดนด่านะที่รักพี่ไม่อยากให้ที่รักต้องเจออะไรแบบนั้น พี่ขอเวลาอีกไม่นานนะคะเมื่อพี่เลิกกับหนึ่งแล้วเราจะได้คบกันอย่างเปิดเผยแน่นอนพี่รัก...ที่รักนะคะ" หมับ!! ทั้งคู่ยืนกอดโดยที่น้ำหนึ่งกำลังยืนมองอยู่
"อย่านานนะคะหนูอึดอัดจะแย่แล้วอะที่ต้องเก็บซ่อนแบบนี้"
"ค่ะที่รักไปหาอร่อย ๆ ทานกันเถอะนะคะพี่เลี้ยงเองค่ะที่รัก"
"น่ารักที่สุดเลยแล้วแบบนี้..หนูแคร์จะไม่รักพี่สรัลได้ยังไงละคะ" กึก!! ชื่อนั้นทำให้น้ำหนึ่งชาทั้งตัวก่อนเธอจะออกไปมองทั้งคู่เพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองได้ยินและภาพตรงหน้าก็คือแคร์...น้องสาวในแผนกของเธอกำลังคบกับแฟนของเธอ
"แคร์...ฮึก!"