บทที่ 2
“ซิงอี หงหงงอแงเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมเลื่อนนัดออกไปดีไหม จะได้อยู่ช่วยคุณดูแลลูกก่อน”
อู๋ไฉ่หงที่เพิ่งรู้ว่าตนเองกลายเป็นเด็กน้อยหงหงเมื่อไม่กี่นาทีนี้กลอกตามองซ้ายขวาเมื่อมีผู้ใหญ่อีกคนเดินเข้ามาใกล้คนที่อุ้มเธอ
ถ้าคนที่อุ้มเธออยู่เป็นแม่ คนคนนี้ก็คงจะต้องเป็นพ่อของเธอแน่ ๆ ทารกน้อยพยายามเอ่ยเสียงออกไปอีกครั้ง แต่กลับเป็นเพียงแค่คำสั้น ๆ
“มา อา มา อา ปา”
คำพูดที่ฟังคล้ายพ่อแม่ทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา แต่แล้วบรรยากาศดี ๆ ก็หายไปทันทีเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นและมีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา
“เจ้านายครับ ขอโทษที่เข้ามารบกวน แต่ผมมาตามครับ นัดวันนี้สำคัญมากยกเลิกไม่ได้นะครับ” อู๋ไฉ่หงสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน พ่อของเธอดูโมโหขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งยังเหลือบมองคนที่ได้ชื่อว่าแม่ของเธอด้วยสายตาตัดพ้ออีกด้วย
ส่วนทางแม่ของเธอก็หันหน้าหลบคนที่เพิ่งมาใหม่
“หานตงออกไปรอข้างนอก” น้ำเสียงเข้ม ๆ ที่เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจยิ่งทำให้เด็กน้อยสงสัยในความสัมพันธ์ของทุกคนตรงหน้า
หลังจากคนที่ชื่อว่าหานตงออกไปแล้ว ซิงอีก็หันไปบอกสามีของเธอ
“คุณเฉินไปทำงานเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้ คนงานก็เต็มบ้าน รีบกลับนะคะ” แม้คำพูดน่าจะทำให้คนฟังรู้สึกดี แต่ไม่รู้ทำไมสีหน้าของชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณเฉินยังดูแปลก ๆ พิกล
“ผมจะรีบกลับ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาก่อนจะเดินออกไปอย่างเย็นชา บรรยากาศดี ๆ ก่อนหน้านี้กลับมลายหายไปหมด และนั่นก็ทำให้ซิงอีถอนหายใจหนักออกมาเมื่อเธออยู่กับหงหงลูกน้อยเพียงแค่สองคน
“พ่อของเราดูจะไม่พอใจแม่อีกแล้วสินะหงหง” ทารกน้อยคงจะขมวดคิ้วแล้วถ้าเธอทำได้
เพราะชื่อของทุกคนที่เธอได้ยินตอนนี้มันคุ้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นซิงอี หงหง คุณเฉิน หรือแม้แต่หานตง
อู๋ไฉ่หงนอนคิดอยู่ในอ้อมอกของคนเป็นแม่พักใหญ่ก่อนจะพยายามดีดดิ้นสุดตัว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เธอก็หนีออกจากอ้อมกอดของคนเป็นแม่ไม่ได้
อู๋ไฉ่หงไม่สามารถควบคุมมัดกล้ามเนื้อของเธอได้แม้แต่นิด พอนึกจะขยับแขนขา ก็ทำได้เพียงแค่ปัดไปปัดมาเท่านั้น
และที่เธอขยับไปมาอยู่อย่างนี้ก็เพราะเธอรู้แล้วว่าชื่อทั้งหมดที่ได้ยินนี้คืออะไร
ไม่แปลกเลยที่หญิงสาวอย่างเธอจะคุ้น นั่นก็เพราะซิงอีคือชื่อของตัวละครที่เธอกำลังสวมบทบาทในช่วงนี้ และคุณเฉินก็คือสามีมาเฟียของเธอทั้งสองแต่งงานกันมีหงหงเป็นลูกน้อยที่น่ารัก แต่ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันควรจะดีแต่กลับไม่...
นั่นก็เพราะหานตงคนเมื่อครู่คือคนที่ซิงอีเคยรัก เด็กน้อยเริ่มร้องไห้โวยวาย เธออยากจะบอกทุกคนว่าเธอไม่ใช่เด็ก และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือทำไมถึงมาอยู่ในนิยายที่กำลังจะกลายเป็นซีรีส์ได้
แต่ไม่ว่าจะขยับ พูด หรือตะโกน เสียงที่ออกไปก็มีเพียงแค่เสียงอู ๆ อา ๆ เท่านั้น คงจะมีก็เพียงแค่การร้องไห้เสียงดังเท่านั้นที่เธอทำได้ดี
(ใครก็ได้ช่วยฉันออกไปที) และนั่นก็คือสิ่งที่เด็กน้อยคิดระหว่างที่ร้องไห้งอแง
หลายนาทีที่กู้ซิงอีต้องปลอบลูกสาวของเธอหงหง หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เด็กน้อยถึงได้งอแงนัก ปกติหงหงออกจะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย แต่...
“ขอโทษนะหงหง เพราะแม่ทำให้พ่อเข้าใจผิด เราเลยโกรธใช่ไหม” หงหงหยุดร้องและเปลี่ยนเป็นสะอื้นน้อย ๆ เพราะฟังคำของอีกฝ่าย
กู้ซิงอีแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนางร้ายของเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวร้ายประเภทไม่ดี เธอก็แค่เอาแต่ใจจนลากใครต่อใครเข้ามาในเกมความรักของเธอกับคนที่เธอรัก แต่เขาไม่ได้รักเธอด้วยก็เท่านั้น
แต่ปัญหาที่แท้จริงในชีวิตของหญิงสาวมันเริ่มหลังจากที่เธอสำนึกได้แล้วมากกว่า เพราะมันอยู่ตรงความเข้าใจผิดของผู้เป็นสามีที่คิดว่าตนเองเป็นเพียงแค่เครื่องมือของหญิงสาว
ทารกน้อยหายใจยาว และนั่นก็ทำให้ซิงอีหัวเราะ
“ทำไมหายใจยาวอย่างนั่นล่ะหงหง” ซิงอียิ้มแม้สายตาเธอจะเศร้าก็ตาม
อู๋ไฉ่หงพยายามจะเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องจริง หรือนิยาย หรือจะเป็นมิติคู่ขนานอะไรก็แล้วแต่ การที่ให้เธอมานอนร้องอ้อแอ้อยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าต้องการให้เธอเปลี่ยนโชคชะตาช่วงหลังของกู้ซิงอีล่ะมั้ง
ในนิยายไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวหลังจากพระเอกสมหวังกับนางเอก แม้จะเกริ่นเอาไว้ว่าสามีนั้นรักซิงอี และซิงอีก็รักอีกฝ่ายแล้ว แต่กลับจบปลายเปิดเอาไว้ซึ่งตอนที่อู๋ไฉ่หงอ่านบทก็แอบสงสารตัวร้ายตัวนี้ ขนาดกลับใจและคิดจะรักคนที่รักแล้วแต่ดูเหมือนมันจะสายไปเมื่อคนที่ทั้งรักเธอและเธอรักกลับไม่เชื่อเสียอย่างนั้น
(ไม่ได้การแล้วสงสัยจะต้องทำอะไรสักอย่าง)