บทที่ 8
แม้จะรับปากกับหมอกับเมียแต่เฉินกวงก็เริ่มกลับมาจมอยู่กับงานมากเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากธุรกิจของเขาเริ่มมีปัญหาที่ต้องแก้ไข เรื่องของธุรกิจก็แบบนี้ ไม่เกิดปัญหาขึ้นเองก็มีศัตรูเก่าที่เฝ้ารอจังหวะเหมาะสมเคลื่อนไหว ทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ ทำให้เฉินกวงต้องระวังทุกฝีก้าว
หงหงที่เริ่มเดินได้เองบ้างแล้ว เดินเตาะแตะเข้ามาหาเฉินกวงขณะที่เขากำลังนั่งดูเอกสารอยู่ที่ห้องทำงานในบ้าน “ปะป๊า... หม่ำ ๆ” เสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวทำให้เฉินกวงต้องเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารนั้น
“หงหงหิวเหรอ” เขาถามพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ให้ลูกสาวที่ยืนมองเขาด้วยตาแป๋ว หงหงพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“หม่ำ ๆ แล้ว... แล้วไปเที่ยว” อู๋ไฉ่หงอุตส่าห์หาเวลาที่แม่ของเธอเดินไปหยิบของ เข้ามาอ้อนพ่อแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่อซิงอีเดินกลับเข้ามาพอดี
“หงหงอยากไปเที่ยวอีกแล้วเหรอคะ ไปกับแม่ได้นะ” เธอบอกลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ ปะป๊า เที่ยว เที่ยว” หงหงพูดซ้ำพร้อมกับโบกมือไปมา
เฉินกวงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจ
“วันนี้พ่อมีงานเยอะ แต่ถ้าเสร็จเร็วเราอาจจะไปเที่ยวกันสักหน่อยก็ได้” เขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาว
“ตอนนี้ไปกับแม่ก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อทำงานเสร็จแล้วจะไปหา” ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่เฉินกวงก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ซิงอีไม่ได้ว่าอะไร แต่ดูเหมือนอู๋ไฉ่หงที่อยู่ในร่างเด็กน้อยดูจะไม่พอใจ เธอเข้าใจดีในฐานะของคนที่โตแล้วก็ทำงาน แต่ปัญหาของเฉินกวงคือ เจ้าตัวบ้างานแล้วก็ชอบคิดไปเองนี่สิ
งานที่เข้ามาเยอะจนไม่สามารถนำมาทำที่บ้านได้หมด บางครั้งเฉินกวงก็ต้องแวะเข้าไปเซ็นเอกสารหรือประชุมในบริษัทโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หงหงที่ดูจะติดพ่อมากขึ้นทุกวันก็ไม่หยุดเรียกหาจนชายหนุ่มต้องพาทั้งลูกและภรรยาของเขาไปด้วย บางวันก็พามาเอง บางวันภรรยาของเขาก็ถูกลูกสาวคนดีตื้อให้พามาหา
“ไปเที่ยว ๆ ไปหาพ่อ” ซิงอีที่ไม่อยากให้ลูกสาวงอแงเกินไป จึงตัดสินใจพาหงหงไปที่บริษัทกับเฉินกวงในบางวัน
เมื่อทั้งสามคนมาถึงที่บริษัท พนักงานหลายคนต่างหันมามองด้วยความแปลกใจ “ไม่ค่อยเห็นภรรยาของท่านประธานมาที่บริษัทเลยนะ แต่ช่วงนี้มาบ่อยเลย” คนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ
“ใช่ ช่วงนี้มาบ่อยจริง ๆ บางครั้งเห็นท่านประธานกับเด็ก ก็น่ารักไปอย่างนะ” อีกคนพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เฉินกวงเดินเข้ามาพร้อมกับซิงอีและหงหงในอ้อมแขนของเขา เด็กน้อยที่ยังพูดจ้อตลอดเวลาทำให้บรรยากาศในบริษัทดูผ่อนคลายขึ้น “ปะป๊า ทำงาน หงหง... หงหงก็ทำงาน” หงหงพูดพลางชี้ไปที่โต๊ะทำงานในห้องของเฉินกวง ทำให้ทั้งซิงอีและเฉินกวงหัวเราะออกมา
เฉินกวงรู้ดีว่าการพาลูกและภรรยามาที่บริษัทบ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องปลอดภัยเท่าไร โดยเฉพาะกับธุรกิจบางส่วนของเขาที่เกี่ยวข้องกับอะไรเทา ๆ เขาจึงไม่เคยพาพวกเขาเข้าไปเสี่ยงในพื้นที่ที่ต้องจัดการเรื่องสำคัญเหล่านั้น แต่การที่ซิงอีกับหงหงมาอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย บรรยากาศที่มีเสียงหัวเราะของลูกสาวที่พูดคุยไม่หยุด ทำให้เขาลืมเรื่องที่ค้างคาในใจไปได้ชั่วคราว
บางครั้งเมื่อหงหงปีนขึ้นมานั่งบนตักของเขา หรือซิงอีเข้ามาพูดคุยข้าง ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะดึงหญิงสาวเข้ามาหอมด้วยความรัก เขาเริ่มลืมเรื่องที่อีกฝ่ายเคยชอบหานตงไปอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่มองเธอเลี้ยงลูกอยู่ใกล้ ๆ เขารู้สึกว่าครอบครัวของเขาสมบูรณ์แบบแล้ว
แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แทรกเข้ามาในหัวของเขา แม้จะไม่ได้คิดถึงเรื่องหานตงมาพักใหญ่ แต่การที่ซิงอีติดตามเขามาที่บริษัทบ่อย ๆ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางที... บางทีเธออาจจะอยากเจอกับหานตงหรือเปล่า
ชายหนุ่มเผลอนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง มองซิงอีที่กำลังจัดข้าวของให้หงหงเล่นบนโต๊ะ มันเป็นความคิดที่บ้าบอเกินไป เมื่อคิดได้เฉินกวงก็ส่ายหัวเบา ๆ ปัดความคิดนั้นทิ้งไปโดยไม่อยากให้ตัวเองจมอยู่กับมันอีก
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ขณะมองลูกสาวที่ยิ้มร่าเริง
หลังจากผ่านไปค่อนวัน หานตงก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเฉินกวงตามปกติ เขาเคยชินกับการเข้าพบเจ้านายเพื่อรายงานงานสำคัญโดยไม่ต้องเคาะประตูหรือรอคำเชิญ แต่เมื่อประตูเปิดออก เขาก็ต้องหยุดชะงักลงทันที
สายตาของหานตงสะดุดที่ซิงอี ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับหงหงที่กำลังนั่งเล่นนั่นนี่อยู่ตรงนั้น เด็กน้อยกำลังหัวเราะร่าเริงแต่ทันทีที่เห็นหานตงเข้ามา เสียงหัวเราะของเธอก็หายไปแทบจะทันที
“ขอโทษครับผมนึกว่าเจ้านายอยู่คนเดียว” ซิงอีหันหลังให้อีกฝ่าย ไม่สนใจหรือใส่ใจแม้แต่น้อย ต่างกับหงหงที่ส่งเสียงไม่พอใจที่หานตงยังคงอยู่ที่นี่
เฉินกวงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเหลือบมองหานตง
“เข้ามาสิ มีอะไรก็พูด” เฉินกวงพูดเสียงเรียบ
ซิงอียังคงหันหนีตลอดเวลาที่หานตงอยู่ในห้อง เธอไม่อยากให้สามีรู้สึกกังวลใจอะไร
แต่หงหงกลับไม่มีท่าทีเช่นนั้น เด็กน้อยแสดงชัดว่าไม่ชอบคนที่เพิ่งเข้ามา หงหงทำหน้าบึ้งใส่หานตงทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในห้องและตลอดเวลาที่เจ้าตัวอยู่ที่นี่ เธอเข้าใจดีถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายไม่เคยรับรักซิงอี แต่ก็ยังรู้สึกไม่ถูกชะตาอยู่ดี
“ไม่ชอบ...บู้ ๆ” เสียงเล็ก ๆ ของหงหงพึมพำออกมา ทำให้ทุกคนในห้องหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“หงหง พูดอะไรน่ะลูก” ซิงอีพยายามกล่อมลูกสาว แต่หงหงยังคงมองหานตงด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ชัดเจนว่าเด็กน้อยไม่ชอบใจชายคนนี้
เฉินกวงที่นั่งฟังอยู่ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมลูกสาวของเขาถึงแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา แต่ในใจลึก ๆ เขากลับรู้สึกเห็นด้วยกับความรู้สึกของหงหงโดยไม่รู้ตัว
หานตงยิ้มแห้ง ๆ “ผมรายงานเสร็จแล้วไปดีกว่าครับ ดูเหมือนคุณหนูจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไร” เขาพูดขึ้นและเพียงแค่เฉินกวงพยักหน้าชายหนุ่มก็เดินออกไปในทันที
หานตงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และค่อย ๆ ถอยหลังออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทันทีที่เขาปิดประตู หงหงก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม ทำให้ซิงอีและเฉินกวงต้องหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมลูกถึงทำแบบนั้น” ซิงอีพูดขึ้นเบา ๆ แต่อู๋ไฉ่หงในร่างของหงหงก็แกล้งทำเป็นไม่ชอบหนึ่งในตุ๊กตาของเธอแทน ทุกคนเลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร