คชาภัทรคุยกับคุณแม่พร้อมกับเดินเข้ามาในตัวบ้าน เชื่อสิว่าท่านไม่เคยรู้จักเขามาก่อนแน่นอน และมาแนะนำตัวให้ท่านรู้จักแต่จะยังไม่บอกว่าเป็นใครมาจากไหนหรอกนะ
"เราเป็นแฟนลูกสาวแม่เหรอ"
"ใช่ครับ เราสองคนกำลังคบกันอยู่"
ดารารัตน์มองทั้งสองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกันก็รีบเข้าไปหาชายหนุ่มทันที จะมาก็ไม่บอกกันก่อนถ้าเกิดว่าคุณแม่รู้ขึ้นมาจะไม่แย่ไปกว่าเดิมหรือไง
"คุณแม่ คุณคชา"
"เรามีแฟนทำไมไม่เห็นเคยพามาเจอแม่เลย เรานี่นะมันน่าตีจริงเชียว ไปเถอะพ่อคชาไปทานข้าวเย็นด้วยกัน"
คุณแม่เอ่ยชวนชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร เขาดูเป็นคนจิตใจดีเข้าหาผู้ใหญ่เป็น ท่านชอบผู้ชายที่เข้าหาผู้ใหญ่แบบนี้แหละเป็นการให้เกียรติผู้หญิงด้วยถือว่าใช้ได้
"ครับคุณแม่"
"พาแฟนเราเข้ามาในบ้าน แม่จะไปเตรียมกับข้าวก่อน"
"ค่ะแม่"
เธอตอบรับคุณแม่เสียงเบาก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มดึงแขนเขาพาไปยังที่เงียบๆจะได้คุยกันสองคน
"คุณมาทำไมคะ ถ้าแม่รู้ขึ้นมาจะทำยังไง"
"ไม่เห็นรู้เลย ท่านก็ดูปกติดีนี่นาไม่เห็นเป็นเหมือนที่หนูบอกเลย"
เขาทำหน้ามึนไม่สนใจที่หญิงสาวพูด ถึงจะรู้ก็รู้ไปเลยเขาพร้อมที่จะอธิบายทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่านไม่รู้ก็ปล่อยเฉยไปก่อนแล้วกัน
"แล้วไปบอกว่าเป็นแฟนหนูเหรอคะ"
เธอเอ่ยถามอย่างจับผิด ทำไมถึงร้ายแบบนี้เพิ่งจะคุยกันได้ไม่นานนี่เองแต่ไปบอกคุณแม่แบบนั้นเสียแล้ว ถ้าคนในบ้านเธอรู้จักเขาสักคนรับรองว่าความแตกแน่นอน
"แล้วจะให้บอกว่าเป็นผัวเหรอ... คุณแม่เป็นลมพอดี"
ชายหนุ่มอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้แล้วจูบริมฝีปากเธอด้วยความคิดถึง ดารารัตน์ตีหน้าอกชายหนุ่มหลายทีอย่างหมั่นไส้ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะดื้อด้านได้มากขนาดนี้
"คุณมันร้ายที่สุดเลย หนูคิดผิดที่เชื่อใจคุณ"
"ร้ายกับเชื่อใจมันคนละส่วนกัน ว่าแต่วันนี้เซ็นสัญญาแล้วใช่มั้ย อ่านดีรึเปล่า"
เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทะเลาะกับหญิงสาวแล้ว เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
"อ่านดูแล้วค่ะ ดาราสามารถตัดสินใจเลือกงานได้ด้วยค่ะ ส่วนแบ่งก็70/30เปอร์เซ็นต์ ถือว่ากำลังดีเลยค่ะ"
"ก็ดีนะส่วนแบ่งถือว่าได้เยอะกว่าที่อื่นด้วย เตรียมถ่ายโฆษณาได้เลยนะ ฉันให้ทางทีมงานติดต่อผู้จัดการหนูไปแล้ว"
"ตกลงว่าโฆษณาปีโป้จริงๆใช่มั้ยคะ"
เธอยังคาใจอยู่ ตอนแรกนึกว่าเขาพูดเล่นเสียอีก ปีโป้มันควรเป็นดาราเด็กน่ารักสดใส มันจะเป็นเธอก็เลยรู้สึกแปลกๆ
"ใช่สิ เหมาะกับหนูที่สุดเลย อ่อ มีเครื่องดื่มด้วยเดี๋ยวผู้จัดการคนใหม่คงมาบอกแหละ"
เขายิ้มออกมาลูบผมหญิงสาวอย่างเอ็นดู เธอยกมือไหว้ขอบคุณชายหนุ่มที่เขาป้อนงานให้ตั้งสองอย่าง
"ขอบคุณนะคะคุณคชา"
"หนูน่ารักไงฉันเลยอยากให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ จริงๆทีมงานเลือกหนูอยู่ในตัวเลือกยี่สิบคนด้วย"
ดารารัตน์ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ อย่างน้อยทางทีมงานของเขายังมองเห็นความสดใสของเธอมาเป็นทางเลือก แต่ที่ได้งานก็ต้องขอบคุณชายหนุ่มเนี่ยแหละ เพราะถ้าเขาไม่เลือกคนอื่นก็คงจะได้ไปแล้ว
"จริงเหรอคะ นึกว่าคุณเลือกเองซะอีก"
"ไม่หรอกทางทีมงานเลือกมา ฉันแค่สนับสนุนชื่อหนูเข้าชิงแค่นั้นเอง"
เขายิ้มออกมาก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้แน่น หญิงสาวมองสบตาชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยชวนเขาเข้าไปในบ้าน
"เข้าบ้านเถอะค่ะ ไม่ใหญ่โตเหมือนบ้านคุณหรอกนะแต่ว่าอบอุ่นแน่นอน"
"แค่มีหนูตรงนี้ฉันอยู่ได้หมดแหละ"
เขาหยอดคำหวานใส่หญิงสาวก่อนจะกุมมือพากันเดินไปยังในตัวบ้าน ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นกับคุณแม่ ซึ่งพี่ชายทั้งสองคนยังไม่กลับเข้าบ้าน ไม่รู้ว่างานยุ่งหรือติดสาวกันแน่
"พ่อคชาทำงานในวงการเหมือนกันเหรอ แม่ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ หน้าตาดีอย่างกับพระเอกแหนะ"
คุณแม่เอ่ยชมชายหนุ่มไม่หยุดด้วยความที่ชาวหนุ่มรูปร่างดีผิวพรรณไม่เหมือนคนทั่วไป ใบหน้าหล่อเหลาอย้างกับพระเอกในละคร
"คุณคชาเค้าเป็น..."
"ผมไม่ได้ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงหรอกครับคุณแม่ ทำงานอยู่ที่บริษัทในเครือของจิรมินทรนนท์ครับ"
"บริษัทมหาเศรษฐีที่รวยๆนะเหรอ"
คุณแม่เคยได้ยินผ่านๆเพราะบริษัทนี้เป็นสปอนเซอร์หลักรายการในโทรทัศน์ อีกอย่างสินค้าของบริษัทนี้ก็มีหลายอย่าง เห็นตามห้างสรรพสินค้าเยอะแยะไปจึงพอรู้จัก
"ประมาณนั้นครับ"
เขายิ้มออกมาก่อนจะมองหญิงสาวไม่ให้เธอพูดอะไรมากกว่านี้ไม่อย่างนั้นคุณแม่จะตกใจเอาได้ ดารารัตน์ตัดสินใจเงียบไม่อธิบายให้คุณแม่ของเธอฟังต่อ ให้เขาจัดการเองแล้วกัน
"อย่างนี้นี่เอง ไม่เคยเห็นลูกแม่มีแฟนมาก่อนเลย ไม่คิดว่าจะมีด้วยซ้ำไป ดารายังเด็กมากแต่เรานะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเยอะมาก ถ้าจะคบกันจริงจังแม่ไม่ได้ว่าอะไร แต่รายนี้ยังเด็กเราต้องใจเย็นเอาหน่อยนะ"
คุณแม่เอ่ยเตือนชายหนุ่ม เธอไม่เคยบังคับลูกในทุกๆเรื่อง บ้านนี้เค้าเลี้ยงมาแบบให้อิสระเต็มที่ในการตัดสินใจ แม้กระทั่งเรื่องความรัก การทำงาน การใช้ชีวิตต่างๆ และถ้าลูกรักเธอก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่
"ถึงน้องจะเด็กแต่ก็ไม่งอแงครับ ผมว่าน้องโตพอที่จะมีเหตุผล"
"ถ้าเข้าใจกันได้แบบนั้นก็ดีจ้ะ ทานข้าวเถอะ"
ทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะยิ้มออกมา คุณแม่เธอใจดีมากไม่ว่าใครที่ได้รู้จักก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งสามคนนั่งทานอาหารด้วยกันเกือบชั่วโมงก่อนจะมานั่งเล่นที่ห้องรับแขกของบ้าน
"กินขนมก่อนพ่อคชา แม่ทำเองนะ"
"น่ากินมากเลยครับ"
เขาชิมขนมตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ครอบครัวของดารารัตน์อบอุ่นมากจริงๆ ต่างจากครอบครัวของเขาที่ต่างคนต่างอยู่ พี่น้องแยกย้ายกันไปทำธุรกิจของตัวเองคนละทาง พ่อกับแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนานๆลูกก็ไปหารวมญาติกันปีไหนสองสามครั้งเท่านั้น
เขาหันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไรบางอย่าง ดารารัตน์มองท่าทีของชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยถาม
"หาอะไรเหรอคะ"
"พี่ทำกุญคอนโดหายอ่ะ สงสัยตกในรถแท็กซี่แน่เลย"
เธอมองชายหนุ่มอย่างมึนงง บ้านเขาเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ทำไมถึงมาหากุญแจห้องล่ะ แล้วไหนจะแท็กซี่อีกปกติลูกน้องมาส่งไม่ใช่เหรอ
"แต่ว่า..."
"ช่างมันเถอะไม่เป็นอะไร เดี๋ยวพี่ไปหาเช่าห้องนอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมาเปิดให้ งั้นผมกลับก่อนนะครับคุณแม่"
คุณแม่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสงสารชายหนุ่ม ถ้าต้องไปเช่าห้องนอนคงลำบากน่าดูไหนจะต้องมาเสียเงินอีก
"ไม่ต้องไปเช่าหรอกค้างที่นี่ก็ได้ บ้านนี้ห้องรับแขกก็มี อยู่ที่เราแหละจะนอนได้รึเปล่า"
"นอนได้ครับผมนอนได้ สบายมากเลยครับ"
เขารีบตอบรับทันทีเพราะกลัวว่าคุณแม่จะเปลี่ยนใจ และแผนที่วางไว้มันได้ผลมาก ในที่สุดคืนนี้เขาก็จะได้นอนค้างที่นี่ แต่คนที่มึนงงที่สุดก็คือดารารัตน์ งงกับที่ชายหนุ่มพูดทั้งหมด
'อะไรของเค้าเนี่ย...'