แค้วนจ้าว ณ เมืองหลวงหานตาน
ภายในพระราชวังหลวง
กองทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวในเวลานี้กลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ชาวเมืองต่างออกมารอรับต้อนรับการกลับมาของเหล่าทหารหาญที่รอดชีวิตกลับมาจากสงครามแห่งขุนเขาหัวซาน ซึ่งชาวเมืองต่างโจษขานกันไปทั่วทั้งแคว้น และข่าวการทำสงครามระหว่างแคว้นจ้าวกับแค้วนเว่ย ในเทือกเขาหัวซานได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ
กองทัพของแคว้นเว่ย ถือได้ว่าเป็นทัพที่ยิ่งใหญ่และเรืองอำนาจอยู่ในขณะนี้และเหนือไปกว่าแคว้นจ้าวหลายเท่ายิ่งนัก ทว่าทัพต้าเว่ยที่กำลังเรืองอำนาจกลับนำทหารมาตายนับเรือนแสนต้องจบชีวิตฝังร่างตายตกหมื่นเรื่องสิ้นภายในเทือกเขาดังกล่าว
ด้วยแผนการรบขององค์ชายจ้าวเฟยหลง แม่ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวซึ่งเป็นผู้บัญชาการทัพในครั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ มิหนำซ้ำข่าวยังแพร่สะพัดไปทั่วว่า สงครามครั้งนี้องค์ชายรูปงามทรงพลีชีพในสนามรบอย่างสมศักดิ์ศรีชายชาติบุรุษยิ่งนัก สมเป็นนักรบผู้กล้าเป็นที่ยกย่องและสรรเสริญไปทั่วทุกแคว้น
ทว่าข่าวที่แพร่สะพัดออกไปนั้น กลับเป็นสิ่งอัปยศบังเกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทจ้าวจื่อห้าวอย่างยิ่งยวด รวมไปถึงองค์ชายทั้งเจ็ดพระองค์ผู้เป็นพระเชษฐาขององค์ชายเก้า ด้วยข่าวที่แพร่สะพัดออกไปนั้นต่างกล่าวขานถึงความขี้ขลาดตาขาวของพระเชษฐาทั้งแปด
เมื่อกองทัพทั้งแปดทิศมิยอมยกทัพเข้าสมทบกับทัพใหญ่แต่อย่างใด จนแม่ทัพใหญ่องค์ชายจ้าวเฟยหลงต้องนำทหารเพียงแค่สามหมื่นนาย แลกด้วยชีวิตจนหลอกล่อกองทัพของต้าเว่ยเข้าสู่เทือกเขาหัวซานเป็นผลสำเร็จ ก่อนจะถูกฝังร่างภายใต้พื้นหิมะอันหนาวเย็นไปตลอดกาล
ทั้งนี้เป็นเพราะการตัดสินใจโดยพลการขององค์รักษ์หวังซุนเย่ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพ ผู้ติดตามเสด็จองค์ชายของตนอยู่ตลอดเวลา ตัดชิงหน้ารีบส่งข่าวให้ทางจางเหว่ยฮ่องเต้ให้ทรงทราบข่าวสารทุกอย่างทันทีที่ล่วงรู้ว่า องค์รัชทายาทปกปิดมิให้ฝ่ายข่าวรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับศึกใหญ่ในครั้งนี้ และองครักษ์ผู้กล้ายังแอบล่วงรู้จากสายข่าวที่แอบแทรกซึมอยู่ภายในพระตำหนักของต้ากุ้ยเฟยมาว่า องค์รัชทายาทและพระมารดาทรงมีแผนกำจัดองค์ชายของตนในศึกครั้งนี้ให้ได้
ด้วยเหตุนี้คนได้หน้ากลับต้องอับอาย คนมิเคยหวังสิ่งตอบแทนกลับได้รับเกรียติและการเทิดทูนจากไพร่ฟ้าประชาชนทั่วหล้า ไม่เว้นแม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็เช่นเดียวกันทรงเสียพระทัยในการจากไปของพระโอรสองค์สุดท้องอย่างยิ่งยวด จนประชวรหนักทันทีที่ทรงทราบข่าว
ตำหนักฉิงฉี
ตำหนักที่ประทับองค์ไทจื่อ
“ปัง!” พระหัตถ์ฟาดลงบนโต๊ะตรงหน้าพระพักตร์ด้วยความคับแค้นอย่างยิ่งยวด เมื่อขันทีคนสนิทนำข่าวสารที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ภายในพระราชวังหลวงมารายงานให้ทรงทราบ
“บัดซบสิ้นดี! พัง! พังหมดมิเหลือสิ้น! ชื่อเสียงในฐานะองค์รัชทายาทของแคว้น ถูกจ้าวเฟยหลงทำลายจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี! ขนาดไร้สิ้นชีพหวนกลับคืนแต่ยังทิ้งรอยอัปยศให้แก่ข้าได้อีก!” รับสั่งตะโกนก้องด้วยแรงพิโรธอย่างยิ่งยวด ท่ามกลางสายพระเนตรของต้ากุ้ยเฟย พระมารดาที่ประทับอยู่ด้วยในพระตำหนัก
“พวกเจ้าออกไปก่อน” รับสั่งไล่เหล่าขันทีและนางกำนัลหลวงที่คอยถวายการรับใช้ภายในพระตำหนัก
เหล่าขันทีและนางกำนัลค่อยๆ ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็วตามพระบัญชาพร้อมรีบปิดประตูประตำหนักทันใด ด้วยล่วงรู้ดีว่าหากมีรับสั่งเช่นนี้ ทั้งสองพระองค์ต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อปรึกษาหารือเรื่องราวสำคัญนั่นเอง ครั้นภายในพระตำหนักเหลือเพียงแค่สองพระองค์ สุรเสียงของต้ากุ้ยเฟยรับสั่งออกมาทันใด
“เก็บอาการและอารมณ์ของเจ้าหน่อยห้าวเอ๋อร์ หาไม่แล้วจะเสียแผนที่อุตส่าห์วางเอาไว้ทั้งหมด” รับสั่งเตือนพระโอรสด้วยความเป็นห่วง
ถ้อยรับสั่งของพระมารดาทำให้องค์รัชทายาทหันพระพักตร์กลับมาทอดพระเนตรทันที
“ให้ข้าได้แต่อดทน! แต่ในขณะที่เสด็จแม่กลับทรงทำตามรับสั่งไม่ได้สักอย่าง! อุตส่าห์กำจัดไอ้คนไม่เอาถ่านนั่นได้แต่แทนที่ข้ากลับมาได้ขึ้นครองบัลลังก์ ไฉนเลยต้องมานั่งอยู่ในตำหนักฉิงฉีเช่นนี้ แทนที่ข้าจะได้ไปประทับที่ตำหนักเมฆครามสำหรับองค์ฮ่องเต้! ทำไมเสด็จแม่! เรื่องเพียงแค่นี้ทรงทำไม่ได้แล้วกระนั้นรึ!” รับสั่งตวาดถามกลับไป
“ห้าวเอ๋อร์!” ต้ากุ้ยเฟยตวาดพระโอรสกลับไปทันที
และนั่นทำให้องค์ไทจื่อจึงเริ่มรู้สึกพระองค์ว่าได้ทรงใช้พระอารมณ์กับพระมารดามากเกินไป
“ลูกขอพระราชทานอภัยที่มิอาจระงับสติ แสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อเสด็จแม่ ขอได้โปรดอภัยให้ลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์รับสั่งพลางประสานพระหัตถ์เข้าด้วยกันพร้อมถวายคำนับพระมารดา
“ดี! ที่เจ้ายังรู้สึกตัวและเห็นว่าข้าเป็นแม่ของเจ้ามิใช่ผู้อื่น” รับสั่งสุรเสียงราบเรียบ ก่อนจะมีรับสั่งสำทับขึ้น
“ข้าเข้าใจที่เจ้าจะต้องมีอาการเช่นนี้ เดิมทีก็จะรวบรัดให้เป็นไปตามแผนแต่พอมาคิดทบทวน หากรีบร้อนเกินไปจะเสียงานใหญ่และอาจมีคนจับพิรุธแผนได้ สู้ให้เสด็จพ่อของเจ้าค่อยๆ เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ และสวรรคตลงไปเองจะดีกว่า จึงได้แต่แอบวางยาพิษชนิดสูดดมไว้ในกำยานหอมเวลาเข้าบรรทม และพิษนั้นจะสำแดงฤทธิ์ร้ายแรงทันทีหากได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เจ้ารออีกเพียงสามราตรีเท่านั้น แคว้นจ้าวก็จะเป็นของเจ้าแล้วห้าวเอ๋อร์”
ถ้อยรับสั่งของต้ากุ้ยเฟยทำให้พระพักตร์ขององค์รัชทายาทจากที่ถมึงทึงแปรเปลี่ยนไปโดยพลันเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น ไม่คาดคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแผนกะทันหัน
“แล้วเหตุใดต้องรอถึงสามราตรีด้วยเล่า จะทรงเก็บเสด็จพ่อเอาไว้อีกทำไม เสียเวลาการขึ้นครองราชย์ของข้าไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรเสียฮ่องเต้ผู้นี้ก็หาใช่พระบิดาผู้ให้กำเนิดของข้าแต่อย่างใดไม่ หรือเสด็จแม่ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อีกอย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามกลับไปอย่างขัดพระทัย
“เจ้าก็เป็นเสียแบบนี้! หุนหันพลันแล่นตลอด” ต้ากุ้ยเฟยรับสั่งตอบกลับไป
ภาพเหตุการณ์ในอดีตพลันปรากฏขึ้นในความคิดของพระนาง เมื่อครั้งที่แคว้นต้าหยวนถูกยึดและเชื้อพระวงศ์ถูกประหารล้างบาง มีเพียงพระนางเท่านั้นที่รอดชีวิต ครั้นจางเหว่ยฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรพระนางในนาทีสุดท้ายของพระชนม์ชีพก่อนจะถูกคมดาบบั่นคอริบเรือน จางเหว่ยฮ่องเต้นำพระนางกลับมาเป็นพระสนมจวบจนกระทั่งได้ก้าวขึ้นถึงตำแหน่งกุ้ยเฟย เหลือเพียงตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้นที่พระนางมิอาจเอื้อมถึง
ด้วยเพราะจางเหว่ยฮ่องเต้มิยอมแต่งตั้งผู้ใดมาดำรงตำแหน่งแทนที่หวังฮองเฮาอีกเลย ตามคำร้องขอครั้งสุดท้ายของพระนางเพื่อมิให้ผู้ใดข่มเหงพระโอรสเพียงองค์เดียวที่ยังเยาว์ชันษานั้นได้ แม้จะไม่ทรงโปรดหวังฮองเฮาเท่าใดนักแต่จางเหว่ยฮ่องเต้ก็ทรงผูกพันกับหวังฮองเฮาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จึงให้สัตย์สัญญาก่อนพระนางสิ้นพระชนม์เป็นแม่นมั่น
และที่พระนางเปลี่ยนพระทัยมาใช้แผนสังหารแบบค่อยเป็นค่อยไปก็เพื่อความสะพระทัย และต้องการให้จางเหว่ยฮ่องเต้ได้ล่วงรู้ความลับของพระนางตลอดระยะเวลาสามสิบปีที่ผ่านมา ว่าพระโอรสที่ทรงประสูติออกมานั้นมิได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์ หากแต่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระนางกับลูกพี่ลูกน้อง เชื้อพระวงศ์ชายที่แอบลักลอบได้เสียกันก่อนหน้าที่แคว้นจะถูกยึดเพียงหนึ่งเดือน
และพระนางก็ทรงทราบมาก่อนแล้วว่ากำลังทรงตั้งพระครรภ์อยู่ก่อนหน้านั้นแล้วก่อนจะเข้าถวายตัวเป็นพระสนมของจางเหว่ยฮ่องเต้ ซึ่งพระครรภ์ในขณะนั้นมีอายุสองเดือน จึงได้หาทางนำหมอหลวงจากแคว้นต้าหยวนเข้ามาในวังหลวงเพื่อรับหน้าที่เป็นหมอหลวงประจำราชสำนักและหาทางให้เป็นหมอหลวงประจำพระองค์ได้เป็นผลสำเร็จ จวบจนกระทั่งพระโอรสประสูติออกมาตามกำหนดเก้าเดือน แต่จางเหว่ยทรงทราบแต่เพียงว่าพระโอรสประสูติออกมาด้วยอายุครรภ์เพียงแค่เจ็ดเดือนเท่านั้น
พระนางจึงทรงทำทุกอย่างเพื่อให้พระโอรสได้ครอบครองแคว้นจ้าวในฐานะฮ่องเต้องค์ต่อไปให้จงได้ และวันใดที่พระโอรสของพระนางได้ครอบครองแคว้นจ้าว แคว้นต้าหยวนของพระนางที่ล่มสลายไปแล้วจะถูกปลดแอกมิต้องขึ้นตรงกับแคว้นจ้าวอีกต่อไป
แต่ก่อนที่จางเหว่ยฮ่องเต้จะลาลับจากไปพระนางจะทำให้จางเหว่ยฮ่องเต้รับรู้ก่อนตายว่าบัลลังก์ที่ยกให้กับพระโอรสมิได้ตกเป็นของแคว้นจ้าวแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นของต้าหยวนต่างหากเล่า
ภาพเหตุการณ์ในอดีตค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมรับสั่งของพระนางดังแทรกขึ้น
“คืนพรุ่งนี้ข้าจะทำให้จางเหว่ยฮ่องเต้ได้ล่วงรู้ก่อนตายว่าบัลลังก์นี้ตกเป็นของสายเลือดต้าหยวน หาใช่สายเลือดของตนขึ้นครองราชย์แต่อย่างใด ข้าจะทำให้จางเหว่ยกระอักเลือดก่อนตายและตรอมตรมทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว!” สุรเสียงรับสั่งเต็มไปด้วยแรงแค้นที่สั่งสมมาไว้เป็นเวลานาน
ถ้อยรับสั่งของพระมารดาทำให้องค์รัชทายาทเปล่งเสียงพระสรวลอยู่ในพระศอเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“ดี! เห็นด้วยอย่างยิ่ง! ถ้อยรับสั่งของเสด็จแม่เป็นคำตอบที่ข้าเข้าใจแผนการทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว คืนพรุ่งนี้จางเหว่ยฮ่องเต้จะได้ล่วงรู้เสียที ว่าข้าคือฮ่องเต้แคว้นจ้าวที่มีสายเลือดของต้าหยวนขึ้นครองบัลลังก์แทน! ช่างสะใจข้ายิ่งนัก! สะใจจริง!!!” รับสั่งพร้อมตะเบ็งเสียงพระสรวลออกมาดังก้องอยู่ภายในพระตำหนัก ผสานกับเสียงพระสรวลของพระมารดาที่ค่อยๆ ดังสำทับตามติดมา