สวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ณ เทือกเขาจันทรา ตำหนักดวงดารา
“พรึ่บ!” พระวรกายสูงใหญ่ของเทพเจ้าศาสตราปรากฏขึ้นภายในพระตำหนักส่วนพระองค์ของเทพเจ้าจันทรา
ทว่าภายในตำหนักกลับมีแต่ความเงียบงัน ไร้สิ้นพระสหายต่างวัยพำนักอยู่ภายในนั้น
“เย่วเทียน! ท่านหายไปไหน! เวลาเช่นนี้ที่ต้องการคำปรึกษากลับเร้นกายไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า” เทพเฟิ่งเหมี่ยนรับสั่งบ่นพึมพำพลางทอดพระเนตรไปทั่วพระตำหนัก
“เยว่เทียน! เยว่เทียน! ท่านอยู่ที่ใด! รีบออกมาข้ามีเรื่องจะปรึกษาเร่งด่วน” เทพเจ้าหนุ่มตะโกนหาพระสหายสนิท ก่อนจะทอดพระเนตรร่างเลือนรางของต้าหลงศิษย์เอกที่คอยดูแลเทือกเขาจันทราปรากฏกายขึ้นภายในพระตำหนักพร้อมถวายคำนับเทพบรรพกาลทันใด
“เจ้าเองรึต้าหลง!” รับสั่งถามกลับไปทันที
“กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เสด็จมาพบมหาเทพอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เซียนหนุ่มหน้ามนทูลถามกลับไป
“ถูกต้อง! มหาเทพอยู่ที่ใดรีบไปบอกว่าข้าต้องการพบ มีเรื่องเร่งด่วนจากโลกมนุษย์ที่ต้องปรึกษาหารืออย่างยิ่งยวด” รับสั่งตอบกลับไปอย่างร้อนรน
“ตอนนี้มหาเทพทรงกักตันอยู่ภายในเทือกเขาลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทรงรับสั่งเอาไว้ว่าช่วงนี้ห้ามรบกวนอย่างเด็ดขาด เพราะทรงต้องการฟื้นฟูพลังบำเพ็ญให้คืนกลับมาดั่งเดิม”
ถ้อยกราบทูลของเซียนหนุ่มต้าหลงทำให้เทฟเฟิ่งเหมี่ยนตกพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“เจ้าว่าอะไรนะ! เยว่เทียนกักตนเพื่อฟื้นฟูพลังบำเพ็ญกระนั้นรึ ท่านผู้เฒ่าได้รับบาดเจ็บมาจากที่ใดหรือนี่” รับสั่งรำพึงถามกลับไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อชั่วยามที่ผ่านมาองค์มหาเทพเสด็จลงไปโลกมนุษย์พ่ะย่ะค่ะ ครั้นพอกลับขึ้นมาก็มีพระอาการบาดเจ็บสาหัส ทรงสูญเสียพลังบำเพ็ญไปกว่าครึ่งมิรู้ว่าเพราะเหตุใด ก่อนจะทรงเข้ากักตน ได้รับสั่งกำชับกระหม่อมเอาไว้ว่าห้ามมิให้ผู้ใดรบกวนในขณะที่ทรงกักตนในช่วงนี้ ทูลเชิญพระองค์เสด็จกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากแม้นมหาเทพเสด็จออกจากการกักตนแล้ว กระหม่อมจะรีบรายงานให้ทรงทราบทันที”
ถ้อยกราบทูลของเซียนหนุ่มต้าหลง ทำให้เทพเฟิ่งเหมี่ยนพระดำเนินกลับไปกลับมาด้วยเพราะทรงใช้ความคิดอย่างหนักเป็นห่วงพระสหายทั้งสองอย่างยิ่งยวด
“เหวินฉางก็น่าเป็นห่วง ท่านผู้เฒ่าก็มิรู้ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมาจากที่ใด ผู้ใดในโลกมนุษย์มีอำนาจมหาศาลจนสามารถทำให้มหาเทพผู้เก่งกล้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ได้เล่า จะเป็นองค์ชายเผ่ามารก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย ในเมื่อข้าเพิ่งเทียบฝีมือเมื่อครู่ที่ผ่านมา พลังบำเพ็ญยังอ่อนด้อยยิ่งนักไม่สามารถทำให้เยว่เทียนได้รับบาดเจ็บจนสูญเสียพลังไปกว่าครึ่งเช่นนี้ได้เป็นแน่” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัยก่อนจะทรงมีรับสั่งกลับไป
“หากมหาเทพออกจากการกักตนแล้ว จงนำความของข้าไปบอกว่า ชินซางโอรสของคางค่ายยังไม่ตายตอนนี้ไปปรากฏตัวอยู่ที่โลกมนุษย์แล้ว... แต่มหาเทพไม่ต้องห่วงข้าคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา... ข้าต้องรีบไปแล้ว อย่าลืมถ้อยคำที่ฝากไว้เป็นแม่นมั่น” รับสั่งกำชับก่อนจะร่ายเวทกลับลงไปโลกมนุษย์ทันใด เพื่อค้นหาพระสหายสนิท
ท่ามกลางเสียงรำพึงรำพันของเซียนหนุ่มหน้ามนเมื่อได้ยินถ้อยรับสั่งกำชับของเทพเจ้าศาสตรา
“เผ่าพันธุ์มารยังหลงเหลือผู้รอดชีวิตอยู่หรือนี่ มิหนำซ้ำผู้ที่อยู่รอดกลับเป็นโอรสของจอมมาร... หายนะบังเกิดกับสวรรค์เข้าให้แล้ว!” เซียนหนุ่มหน้ามนรำพึงอย่างเป็นกังวลก่อนจะเร้นกายหายลับไปจากพระตำหนัก
สิบวันผ่านไป
ชายแดนแคว้นหลงอัน
ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีแสงไฟจากกองเพลิงที่สุมให้ลุกโชนเพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำคืน นอกจากขับไล่ความหนาวเหน็บในเวลากลางคืนด้วยแล้ว ยังขับไล่สัตว์ป่าที่ออกหากินในช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย ภายในกองเพลิงที่กำลังแผดเผาไก่ป่าตัวเขื่อง ที่ผ่านการปรุงรสด้วยเครื่องเทศส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
ภายในบริเวณดังกล่าวมีห่อผ้าวางอยู่ใกล้ๆ ราวกับว่ามีผู้คนกำลังเดินทางรอนแรมกลางป่าและพักค้างคืนเมื่ออาทิตย์อัสดง หากแต่กลับมีเพียงข้าวของเครื่องใช้แต่ไร้สิ้นรูปกายปรากฏอยู่ภายในบริเวณดังกล่าว
“พรึ่บ!!!” พระวรกายใหญ่ขององค์ชายเผ่ามารปรากฏขึ้นทันใด ท่าม กลางเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน
“พรืดดด!” โลหิตแดงฉานพุ่งออกจากพระโอษฐ์ออกมาทันใด พระวรกายทรุดลงนั่งกับพื้นดินด้วยเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับเทพศาสตราเมื่อสิบวันที่ผ่านมาบนยอดเขาหัวซาน
“เห็นทีข้ามิอาจอยู่ในโลกมนุษย์นี้อีกต่อไปได้ ยิ่งอยู่อาการบาดเจ็บของข้านับวันก็มีแต่จะทรุดลงยิ่งกว่าเดิม ต้องกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ทะเลประจิมดั่งเดิมเสียแล้ว หลังจากนั้นค่อยกลับมาคิดบัญชีแค้นกับเฟิ่งเหมี่ยน!!!”
องค์ชายเผ่ามารรับสั่งเต็มไปด้วยความคั่งแค้นอย่างยิ่งยวด ก่อนจะรีบร่ายเวทอำพรางพระวรกายเพียงชั่วคราวเมื่อทรงสัมผัสได้ว่า มีฝีเท้าของมนุษย์กำลังเดินมายังทิศทางที่ทรงประทับอยู่ในขณะนี้
ร่างสตรีมนุษย์งามระหง ใบหน้างดงามลึกล้ำยากนักที่จะพานพบในดินแดนของโลกมนุษย์ สวรรค์ประทานรูปพักตร์และกายอันงดงามให้เจียงอิ้งเยว่เหนือกว่าสตรีอื่นใดในผืนพิภพมนุษย์ ยิ่งหยกจันทราสถิตอยู่ในกายนางทำให้มีความงดงามลึกล้ำดั่งดวงจันทราแฝงเร้นความงามอย่างน่าประหลาดและน่าค้นหาอย่างยิ่งยวด ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์ชายชินซาง ทรงทอดพระเนตรสตรีมนุษย์ที่กำลังทรุดกายลงนั่งกับพื้นแนบชิดพระองค์ โดยมิล่วงรู้ว่าทรงอำพรางพระวรกายอยู่ในบริเวณนั้น
ใบหน้างามหมดจดเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา กลิ่นกายหอมรัญจวนจิตจากกายงามตลบอบอวลไปทั่ว กองไม้แห้งถูกวางลงบนพื้น ก่อนจะถูกวางเข้าไปในกองเพลิงเพื่อสุมให้เปลวเพลิงลุกโชนมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเอี้ยวกายหันกลับไปค้นหาของใช้ส่วนตัวในห่อผ้า โดยมิรู้เลยว่าใบหน้างามแนบชิดทาบทับลงบนพระพักตร์คมคายขององค์ชายเผ่ามารโดยมิรู้ตัว เล่นเอาอีกฝ่ายชะงักงัน นั่งตกตะลึงไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นเองใบหน้างามลึกล้ำแหงนหน้ามองดวงจันทร์บนแผ่นฟ้าเบื้องบน ค่ำคืนนี้บังเกิดพระจันทร์เต็มดวง
“พระจันทร์เต็มดวงสวยจัง” เสียงหวานรำพึงออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นเองพระเนตรสีน้ำตาลอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามหวานซึ้งดั่งน้ำผึ้งสวรรค์ไปโดยพลัน ทันทีที่กระทบกับแสงจันทราต่อหน้าพระพักตร์องค์ชายเผ่ามาร
“เป็นไปไม่ได้!!!” องค์ชายเผ่ามารรับสั่งออกมาทันทีครั้นทอดพระเนตรดวงตาสวรรค์ได้จากสตรีมนุษย์ปรากฏตรงเบื้องพระพักตร์อยู่ในขณะนี้
“นางเป็นสตรีมนุษย์เหตุใดจึงมีดวงตาสวรรค์ปรากฏให้เห็นเช่นนี้! หรือว่านางเป็นเทพธิดาจากเผ่าสวรรค์ลงมาจุติในโลกมนุษย์กระนั้นหรอกรึ!” รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัย พระเนตรที่วาบหวามเมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปโดยพลันก่อนจะร่ายเวทอดีตกาลเพื่อให้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น
เวทอดีตกาลของเผ่ามารจะสามารถเรียกภาพเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาได้ ต้องได้ญาณตบะขั้นที่แปดเท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังเวทดังกล่าวนี้ได้ พลังเวทของเผ่ามารกำลังแสดงภาพเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมด ปรากฏตรงหน้าพระพักตร์ขององค์ชายชินซางตั้งแต่แรกประสูติขององค์หญิงเจียงอิ้งเยว่จนถึงขณะนี้
ทว่าเหตุการณ์ในอดีตกลับไม่สะท้อนให้เห็นหยกจันทราสถิตอยู่ภายในพระวรกายขององค์หญิงแสนสวยแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะถูกพลังเวทของเทพเจ้าจันทราซึ่งมีพลังเวทแก่กล้าบดบังไว้มิให้เหล่ามารและปีศาจหรือแม้กระทั่งเหล่าเทพเซียนสามารถมองเห็นได้ อีกทั้งถูกปิดผนึกจนไอทิพย์กลับเข้าไปสถิตอยู่ในหัวใจขององค์หญิงน้อยดั่งเดิม
พระโอษฐ์ค่อยๆ แย้มเยือนออกมาบางๆ เมื่อทรงล่วงรู้ว่าสตรีมนุษย์ผู้นี้ได้พานพบกับศัตรูตัวฉกาจของพระองค์ที่เสด็จลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ภาพเหตุการณ์ในสนามรบทำให้พระองค์ล่วงรู้จนหมดสิ้นและนั่นทำให้ทรงมีความคิดบางอย่างแล่นขึ้นมาทันที
“มิเสียแรงที่มาโลกมนุษย์ในครั้งนี้ เห็นทีข้าควรจะส่งเสริมให้สตรีมนุษย์ผู้นี้บรรลุแผนการของตน แม้จะมีวรยุทธ์สูงส่งอยู่คู่กายแต่หามีพลังเวทซ่อนเร้นตัวตน เอาเถิด ข้าจะส่งเสริมเจ้าเองเด็กน้อย” องค์ชายชินซางรำพึงอยู่ภายในพระทัยพลางครุ่นคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา
พระองค์ทอดพระเนตรร่างงามกำลังทรุดกายลงนอนไปกับพื้นดินที่ปูด้วยผ้าผืนบางเบา ศีรษะทุยได้รูปสวยหนุนห่อผ้าแทนหมอนหนุน รอคอยไก่ป่าตัวเขื่องที่กำลังย่างไฟให้สุกไปจนถ้วนทั่วทั้งตัว
“กว่าจะสุกทั้งตัวคงอีกครึ่งชั่วยาม คิดถูกหรือคิดผิดที่มื้อนี้ข้าจะกินไก่แทนที่จะกินผลไม้เป็นมื้อค่ำ แต่เอาเถอะไหนๆ ก็ได้ไก่ป่าตัวเบ้อเริ่มซะขนาดนี้ รออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป” สุรเสียงรำพึงรำพัน
“จ๊อกๆๆๆ” เสียงท้องร้องดังออกมาถึงข้างนอกจนองค์ชายเผ่ามารได้ยินอย่างชัดเจน
“อู้ยยยย! ท้องข้าเหตุใดจึงส่งเสียงร้องดังออกมาเช่นนี้ ดีนะที่อยู่เพียงลำพัง ขืนท้องร้องออกมาต่อหน้าผู้อื่น ข้าคงอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี้เป็นแน่แท้” รับสั่งพลางยกพระหัตถ์กุมหน้าท้องแบนราบเอาไว้ทันที
ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยทำให้องค์ชายชินซางทรงพระสรวลออกมาเบาๆ เสียงพระสรวลทำให้องค์หญิงน้อยที่กำลังกุมหน้าท้องอยู่ในขณะนั้น หยุดชะงักทันทีด้วยเพราะได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษดังอยู่ใกล้ๆ นั่นเอง
“เสียงหัวเราะของบุรุษเหตุใดจึงดังอยู่แถวนี้นะ” รับสั่งพร้อมลุกพรวดพราดขึ้นมาจากที่ประทับทันใด
ดวงหน้างามที่จู่ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมานั้นทาบทับลงบนพระพักตร์คมคายขององค์ชายเผ่ามารทันทีโดยมิรู้ตัว เล่นเอาองค์ชายปีศาจตกตะลึงนั่งประทับนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อพระพักตร์งามล้ำขององค์หญิงน้อยทาบทับพระพักตร์ของพระองค์อยู่เช่นนั้น
“จะ... เจ้า” องค์ชายชินซางรำพึงได้เพียงแค่นั้น
พระเนตรสีดำสนิทที่เคยแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนไปทันที พระองค์ทอดพระเนตรสตรีมนุษย์ตรงหน้าพระพักตร์ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเต็มไปด้วยความสับสนยากจะเอื้อนเอ่ยเป็นถ้อยเจรจาออกมาได้ ว่าในขณะนี้ทรงมีความรู้สึกเช่นไรกับสตรีตรงหน้าพระพักตร์ พระวรกายใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปมาเมื่อร่างงามค่อยๆ ทรุดกายลงนอนตามเดิม ก่อนจะค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา
“หลับแล้วหรอกรึ!” องค์ชายปีศาจรับสั่งพึมพำพลางชะโงกพระพักตร์ทอดพระเนตรไปยังร่างบอบบาง ก่อนจะร่ายเวทปรากฏพระวรกายออกมาโดยพลัน พลางนั่งประทับทอดพระเนตรสตรีมนุษย์เบื้องหน้าพระพักตร์อยู่เช่นนั้นนิ่งนานก่อนจะรู้สึกพระองค์
พระโอษฐ์คลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อทรงคิดว่าได้เผลอพระองค์ทอดพระเนตรสตรีมนุษย์ผู้นี้เป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วยามเลยทีเดียว ในเวลานี้ทรงนึกออกแล้วว่าจะส่งเสริมนางให้บรรลุผลได้อย่างไร
“เจ้ามีใบหน้างดงามหมดจดแลน่าค้นหา อีกทั้งบอบบางยิ่งนัก สมควรจะได้รับการทนุถนอมเป็นที่สุดหากแม้นผู้ใดได้พานพบ ดังนั้นเจ้าคู่ควรอย่างยิ่งที่จะกลายเป็นสิ่งนี้” รับสั่งพร้อมจรดพระดรรชนีลงบนกลางหน้าผากมน แสงเรืองรองสว่างวาบค่อยๆ ลามเลียไปทั่วพระวรกายงามขององค์หญิงน้อยทันใด
องค์ชายปีศาจมิรู้ทรงครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ภายในพระทัย พระองค์ร่ายเวทเปลี่ยนกายและรูปโฉมขององค์หญิงน้อยให้แปรเปลี่ยนเป็นแมวน้อย ร่างสตรีมนุษย์แสนสวยค่อยๆ กลายร่างเป็นเจ้าตัวกลมขนฟูสีขาวสะอาดตา มีดวงตากลมโตสีทองอร่ามหวานซึ้งดั่งน้ำผึ้งสวรรค์ หางฟูฟ่องนอนขดตัวกลมอยู่บนผ้าปูรองนอนอย่างมีความสุข หางกลมยาวกวัดแกว่งไปมานุ่มนิ่มน่าสัมผัสเป็นยิ่งนัก
ครั้นทรงทอดพระเนตรสตรีมนุษย์กลายร่างเป็นแมวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังเช่นนั้น องค์ชายเผ่ามารคลี่พระโอษฐ์กว้างออกมาทันที
“ข้าคิดไม่ผิดรูปโฉมของเจ้าเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์งดงามต้องตาผู้ที่ได้พานพบประสบพักตร์เจ้าเป็นยิ่งนัก ครั้นอยู่ในร่างแมวน้อยก็แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูเสียนี่กระไร” รับสั่งพร้อมทรงเอื้อมพระหัตถ์ลูบไล้ขนฟูนุ่มนิ่มสีขาวดุจหิมะอย่างพึงพอพระทัยเป็นยิ่งนัก
“เจ้าจะอยู่ในร่างแมวน้อยในเวลากลางวัน แต่ข้าเพิ่งทำให้เจ้าเปลี่ยนร่างจงนิทราต่อไปเสียเถิดจนกว่าจะถึงเที่ยงคืนในวันพรุ่งนี้ และการคืนร่างกลับไปเป็นมนุษย์จะเกิดขึ้นในวันพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป หลังจากนั้นทุกวันหลังเที่ยงคืนเจ้าจะกลับคืนร่างเป็นมนุษย์ดั่งเดิมเป็นเช่นนี้ตลอดไป” รับสั่งพลางลูบไล้ขนนุ่มนิ่มไปมาก่อนจะทรงมีรับสั่งสำทับขึ้นมาอีกครา
“หวังว่าการที่เจ้าอยู่ในร่างของแมวน้อยนี้จะเป็นวิธีที่ข้าสามารถส่งเสริมให้เจ้าทำงานสำเร็จสมดั่งใจหวัง เพราะนั่นหมายถึงศัตรูตัวฉกาจของข้าก็จะถูกกำจัดไปในคราวเดียวกัน เมื่อข้ารักษาอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติดีแล้วจะกลับมาถอนเวทบทนี้ให้เจ้ากลับคืนเป็นมนุษย์ดั่งเดิม”
องค์ชายปีศาจรับสั่งเบาๆ กับแมวน้อยแสนสวย ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์หมายพระทัยนำร่างกลมขนฟูของเจ้าแมวน้อยกอดเอาไว้แนบอกก่อนจะเสด็จกลับทะเลประจิม
ทันใดนั้นเอง
กลิ่นไอทิพย์ของเทพสวรรค์สัมผัสถูกญาณตบะขององค์ชายปีศาจ พระองค์ทรงล่วงรู้โดยพลันว่ากลิ่นอายทิพย์นี้เป็นของของเทพสวรรค์พระองค์ใด
“เฟิ่งเหมี่ยน!” รับสั่งพระนามของเทพศาสตรา องค์ชายปีศาจรีบร่ายเวทเร้นพระวรกายเสด็จกลับทะเลประจิมอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทรงลืมที่จะกลบไอมารของพระองค์ให้หมดสิ้นไปจากบริเวณนั้นเพื่อป้องกันมิให้เทพศาสตราตามมากำจัดพระองค์ให้เผ่ามารไร้สิ้นเผ่าพันธุ์