หลังจากที่ทั้งคู่กอดกันอยู่นานภายในห้องก็ทำการเปลี่ยนที่มานั่งลงบนโซฟาภายในห้องเพื่อที่จะทำการพูดคุยกันให้รู้เรื่องคนหนึ่งต้องการตัดส่วนอีกคนต้องการรั้งไม่รู้ว่าการหันหน้าคุยกันจะส่งผลให้ทุกอย่างดูย่ำแย่หรือว่าดีกว่าเดิมแต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะคุยกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะมีการทะเลาะกันแต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่รุนแรงหรือทำร้ายร่างกายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
"เรามาปรับความเข้าใจกันก่อนสักหน่อยดีไหม" แรนดิ้งค์เริ่มพูดขึ้นมาก่อนด้วยความกระตือรือร้นที่มากว่าปกติแถมยังแฝงความกังวลที่อยู่ภายในใจไปด้วย
"ปรับไปก็ไม่เข้าใจหรอกในเมื่อทุกอย่างมันเลยจุดนั้นมาแล้ว จุดที่ความสัมพันธ์ของเราไม่มีใครสามารถอยู่หรือไปต่อได้นายเข้าใจใช่ไหมแรนดิ้งค์" ไอซ์แลนด์พูดออกมาด้วยเหตุผลที่ดูเข้าใจง่ายที่สุดว่าระหว่างเราควรพอและจบมันลงตั้งนานแล้ว
"ฉันเข้าใจ แต่ช่วยฟังกันอีกหน่อยอยู่ด้วยกันอีกหน่อยไม่ได้หรอ" ชายหนุ่มอยากจะเข้าไปสวมกอดและฉุดรั้งเธอเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เพียงแต่เป็นแค่ความคิดและความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่ไม่ยอมเอ่ยออกมาจากเขาเลย ทำได้เพียงพูดขอร้อง
"นายเข้าใจ !? แล้วที่ขอออกมามันคืออะไรกัน มันไม่ใช่การรั้งให้ฉันอยู่กับนายต่อหรอกหรอแรนดิ้งค์" หญิงสาวพูดออกมาตามความรู้สึกที่ได้รับฟังคำที่ชายหนุ่มพูดออกมา
"ไม่ มันไม่ใช้การรั้งเธอแต่มันคือการขอร้องเธอจะอยู่ต่ออีกหน่อยใช่ไหม" ชายหนุ่มยังคงถามออกมาเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำให้เธออยู่กับเขายังไงเขาไม่มีวิธีรับมือกับคนตรงหน้าที่ตอนนี้พร้อมจะเดินจากไปอย่างไม่หันหลังกลับมา
"นายไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสักครั้งจริงๆสินะแรนดิ้งค์ การที่เราคุยกันนายต้องรับฟังเหตุและผลของอีกฝ่ายไม่ใช่เอาแต่คำพูดของตัวเองเป็นที่ตั้งแบบนี้" ไอซ์แลนด์พยายามอย่างยิ่งที่จะคุยด้วยเหตุผลเพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้จบลงด้วยดีโดยไม่มีการเกียดชังกันไปมากกว่านี้
"ใครบอกเธอกัน เหตุผลของฉันคือเธอ" ชายหนุ่มรีบท้วงทันทีที่เธอพูดจบเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะตอนนี้เขาพร้อมที่จะให้ใจเธอเพียงคนเดียว
"???" หญิงสาวเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
"ดูเหมือนวันนี้เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละแรนดิ้งค์" ไอซ์แลนด์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ฉัน... ฉันขอโอกาส" ชายหนุ่มพูดออกมาทันทีแทบจะไม่ต้องคิดอะไร
"โอกาสของนาย นายเคยได้มันไปแล้ว ไม่ใช่หรอแล้วตอนนี้ยังจะมาขอโอกาสอะไรอีกฉันไม่มีให้หรอกนะ" หญิงสาวพูดออกมาช้าๆในเมื่อเขาเคยได้มันไปแล้วแล้วไม่เคยรักษาโอกาสอันมีค่าไว้เลยแล้วมันจะต่างอะไรกับการให้โอกาสเขาอีกครั้งมันก็คงจะเป็นแบบเดิมไปเรื่อยๆ
"ฉันต้องทำยังไงบอกฉันสิ บอกฉันหน่อย" แรนดิ้งค์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเคืองดวงตากลมโตเริ่มแดงกล่ำ
"ไม่ยากเลยแรนดิ้งค์ นายแค่ปล่อยฉันไปเราแค่เลิกกันทำได้ใช่ไหมถ้าฉันจะขอร้องนายบ้าง" หญิงสาวพูดออกมาด้วยความปวดหนึบในใจแม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจอะไรแต่ภายในใจกลับเจ็บปวดเมื่อเห็นหยดน้ำตาของชายหนุ่มเธอรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะกลัวจะใจอ่อนให้กับชายหนุ่ม
"ไม่ฉันทำไม่ได้ฉันไม่ยอม" แรนดิ้งค์รีบพูดขึ้นมาและพยายามที่จะควบคุมเสียงตัวเองให้อยู่ในโทนเสียงที่ดูปกติ
"อยู่ไปก็ไม่มีใครมีความสุขหรอกนะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้รัก ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดีช่วยปล่อยฉันไปได้ไหมในเมื่อเราก็ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกนายไม่ได้รักฉันไม่เคยรักแล้วจะขอร้องหรือรั้งไว้ทำไม สักวันนายคงได้เจอคนที่นายอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยจริงๆนายจะเอาฉันไปไว้ตรงไหนเราควรจบตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้ไม่ดีหรอ" เธอยังคงหาข้อที่เป็นเหตุเป็นผลกับการจากลาครั้งนี้โดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดแต่กลับเป็นตัวเธอเองที่พยายามฝืนพูดมันออกมาอย่างเจ็บปวดแทน
"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยรักเธอ ฉันไม่เคยบอกว่าไม่รักเธอเลย มีแต่เธอที่คิดไปคนเดียวและฉันจะไม่ยอมเลิกกับเธอแน่ช่างเหตุผลเธอสิ" ชายหนุ่มเริ่มระเบิดอารมณ์ความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ยอมกับเหตุผลน้ำเน่าของเธอ
"ใช่นายไม่เคยพูดว่าไม่รักฉันนายพูดถูกฉันคิดไปเอง แต่นายก็ไม่เคยที่จะบอกรักฉันเหมือนกันไม่ใช่หรอ" หญิงสาวรีบพูดท้วงออกมาทันทีเหมือนว่าวันนี้การพูดคุยจะไม่จบลงง่ายๆอย่างที่คิด
"ฉันไม่อยากเจ็บปวดอีก" เพียงคำพูดสั้นๆของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มฉุดคิดได้อีกครั้ง
"เธอจะไม่เจ็บปวดอีกขอแค่เธอยังอยู่ตรงนี้อยู่กับฉัน" ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นมาทันที
"ฉันว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ" เธอพูดออกมาก่อนจะคว้ากระเป๋าบนโต๊ะที่เตรียมไว้เพื่อจะออกไปข้างนอกไปเอารถที่ถูกทิ้งไว้ที่สนามแข่งทั้งคืน แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดลง
หมับ! ชายหนุ่มรีบคว้าข้อมือของเธอแล้วหมุนตัวเธอกลับเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น
"อย่าไป...จากฉัน" น้ำเสียงแหบแห้งเพียงเบาๆที่ออกมาจากปากชายหนุ่มแต่ก็ทำให้เธอได้ยินมันอย่างชัดเจนเขากลับรั้งเธอในวันที่เธอจะก้าวออกจากชีวิตของเขาแล้วจริงๆ ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงควรอยู่ต่อหรือเดินออกไปโดยไม่หันหลันกลับมาอีกเลยความสับสนตีฝ่าเส้นเลือดในสมองกระตุกให้ทำงานหนักกว่าเดิม หรือเธอควรจะเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งแทนความคิด