วิศวะกินเด็ก 5 | ยิ่งไม่อยากเจอ ยิ่งได้เจอ

1646 Words
ปัง… มิราแนบแผ่นหลังลงประตูห้องนอนตัวเองที่เพิ่งปิดตัวลง ภาพตอนถูกคาร์มินจูบยังคงฉายซ้ำในหัว อีกทั้งความรู้สึกยังติดตรึงจนถึงตอนนี้ ‘อยากได้ของคืน ก็หาอะไรมาแลกสิ… เด็กน้อย’ ‘หนูไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร’ ‘ก็ลองเดาดูสิว่าฉันต้องการอะไร’ หรือที่เขาบอกให้เธอหาอะไรมาแลก เขาหมายถึงจูบหรือเปล่านะที่ต้องการ เธอเลื่อนมือขึ้นมาแตะริมฝีปากที่โดนผู้ชายอันตรายคนนั้นจูบ เสียครั้งแรกให้ไม่พอ นี่ยังเสียจูบแรกให้เขาอีก ทุกสัมผัสจากเขายังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกวินาที พยายามไม่คิดมากเท่าไร ก็ยิ่งคิดมากเท่านั้น “เลิกคิดได้แล้วมิรา ก็แค่จูบและ… เซ็กซ์” เธอเดินออกจากตรงนี้เพื่ออาบน้ำเตรียมเข้านอน ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปหาน้องชายที่โรงพยาบาล ••• “พี่กับแม่รอเมฆอยู่นะ พวกเราคุยกันไว้ว่า ถ้าเมฆฟื้นเมื่อไหร่ แม่จะทำของโปรดที่เมฆชอบไว้ให้เยอะๆ เลย รีบฟื้นขึ้นมานะ” น้องชายเธอยังคงนอนอาการโคม่า อีกไม่กี่ชั่วโมงเมฆต้องเข้ารับการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ถือว่าสูงเลยทีเดียว เงินที่มีอยู่ตอนนี้ไม่พอต้องหาเพิ่ม เธอบอกแม่ว่าไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน เพราะจะเป็นคนหาเอง เธอยอมสละเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อมาทำงานอย่างหนัก หาเงินมาจ่ายรักษาพยาบาลของน้องชาย “มิรา ค่ารักษาพยาบาลของน้อง…” “เดี๋ยวหนูจัดการเองค่ะแม่” “มันเยอะมากเลยนะลูก” “แค่ทำงานหนักขึ้นจากเดิม ก็น่าจะหาได้นะคะแม่” มะลิมองลูกสาวด้วยความเห็นใจ มิราทำงานหนักมาก เธอเป็นห่วง กลัวว่าจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ช่วงนี้ลูกสาวนอนน้อยมาก แถมยังต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อมาช่วยตนเปิดร้าน ครอบครัวไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อน นับตั้งแต่หย่ากับสามี ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น เงินเก็บทุกบาททุกสตางค์ถูกสามีเก่าขโมยไปจนหมดบัญชีธนาคาร ซ้ำยังหาหนี้สินมาให้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามีเก่าเอาบ้านไปค้ำประกันกับ ‘เสี่ยวิชัย’ เพิ่งมารู้ตอนหย่ากันได้สองอาทิตย์กว่าๆ เพราะทางนั้นมาทวงหนี้ และเอาหลักฐานทุกอย่างมายืนยัน หากไม่ยอมจ่ายหนี้ บ้านหลังนี้คงถูกยึด มิราออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อในโรงพยาบาล หลังจากได้ของที่ต้องการแล้วจึงเดินมากดลิฟต์เพื่อขึ้นไปข้างบน ประตูลิฟต์ที่กำลังปิดตัวลงแยกออกจากกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นคาร์มินก้าวเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับกระเช้าผลไม้ในมือ ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่มิราจะเป็นฝ่ายหลบสายตา หญิงสาวขยับออกห่างจากคนข้างกายจนติดผนังในลิฟต์ หมายเลขชั้นของเขาคือจุดหมายปลายทางเดียวกันกับเธอ… ภายในลิฟต์เงียบสนิทจนความอึดอัดก่อตัว มิรากำถุงของกินในมือแน่น ริมฝีปากพลางเม้มเข้าหากัน สายตามองหมายเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอยากออกไปจากตรงนี้เร็วเท่าไร หมายเลขชั้นที่กำลังเลื่อนขึ้นยิ่งช้าลงมากเท่านั้น ติ้ง~ เสียงสวรรค์มาแล้ว พอลิฟต์เปิดออก คาร์มินเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปโดยไม่สนใจหญิงสาว ทำราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น “สวัสดีค่ะคุณคาร์มิน” “สวัสดีค่ะ” อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นคนในโรงพยาบาลยกมือไหว้ทักทายคาร์มินแทบทุกคน ไม่สิ… ต้องบอกว่าทุกคนที่เดินผ่านเขา เธอเลิกสนใจในตัวผู้ชายคนนั้นว่าเป็นใครกันแน่ รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องที่น้องชายพักรักษาตัวอยู่ ตอนนี้เมฆผ่าตัดเสร็จแล้วเรียบร้อย 19:00 น. “มิรารีบไปทำงานเถอะลูก เดี๋ยวทางนี้แม่ดูแลต่อเอง” “ค่ะแม่” ตอนนี้ถึงเวลางานแล้ว เธอบอกเจ้มอลลี่ว่าอาจจะไปสายหน่อย มิราออกจากโรงพยาบาลมารอแท็กซี่ ระยะทางจากโรงพยาบาลไปไนต์คลับไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึง คนตัวเล็กควักเงินจ่ายให้คุณลุงขับแท็กซี่ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา วันนี้รู้สึกเพลียเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนนอนเกือบตีหนึ่งครึ่ง ซ้ำยังต้องตื่นนอนตอนหกโมงเช้า สภาพเธอตอนนี้พร้อมนอนทุกช่วงเวลาเลยก็ว่าได้ “สวัสดีค่ะเจ้มอลลี่” “สวัสดีจ้า ทำไมตาเราเหมือนคนไม่ได้นอนมาเลยล่ะ” “นอนดึกตื่นเช้าค่ะเจ้” “พักผ่อนเยอะๆ หน่อยนะ อันที่จริงไม่ต้องทำงานจนร้านปิดก็ได้ สี่ห้าทุ่มกลับบ้านก็ได้เจ้ไม่ว่า” “ไม่เป็นไรค่ะเจ้ หนูไหว” “พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วยนิ วันนี้เจ้ให้ทำงานถึงสี่ทุ่มพอ ถ้ามิราดื้อ เจ้จะหักเงินเดือน” “เจ้มอลลี่…” “ไม่ต้องเลย เอาร่างกายตัวเองก่อน วันนี้เลิกงานสี่ทุ่มเข้าใจไหม?” “เข้าใจแล้วค่า” แม้อยากอยู่ทำงานต่อ ทว่าก็ไม่สามารถขัดเจ้มอลลี่ได้ กลับเร็วก็ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ใจยังไหวแต่ร่างกายมันเรียกร้องหาเตียงและหมอนใบที่คุ้นเคย มิราง่วนทำงานอย่างตั้งใจ วันนี้ได้ดูแลลูกค้าวีไอพีถึงสองคน ทิปไม่ต้องพูดถึง เพราะด้วยใบหน้าสะสวยบวกกับความน่ารัก จึงทำให้ลูกค้าผู้ชายต่างเอ็นดูแล้วป้อนทิปให้อย่างไม่อั้น “ช่วงนี้เนื้อหอมจังเลยนะเกว” เพื่อนในที่ทำงานเอ่ยแซว “พี่นิดหน่อยก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะคะ แล้ววันนี้ลูกค้าเป็นยังไงบ้างคะ เห็นคนบอกว่างานดีมาก” “งานดีจริง ได้ทิปมาเยอะเลย” “รอบหน้าเอาให้ได้เยอะกว่านี้นะคะพี่นิดหน่อย” “ก็ขอให้เจอลูกค้าที่กระเป๋าหนักและไม่ขี้เหนียว” เธอและพี่นิดหน่อยคุยกันอย่างสนุกสนานถูกคอ ขณะกำลังยืนคุยอยู่นั้น สายตาพลันไปเห็นคาร์มิน ซึ่งนั่งอยู่โซนวีไอพีพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสี่คนที่เป็นเพื่อนของเขา แม้ไม่อยากเจอแต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเขาและเพื่อนมาดื่มที่นี่บ่อยมาก “นั่นมันลูกค้าของเกวคืนนั้นนิ รู้ไหมว่าวันนั้นพวกพี่อิจฉาเกวกันตาร้อนมาก” “อิจฉาอะไรกันคะพี่นิดหน่อย ไม่เห็นมีอะไรให้น่าอิจฉาเลย…” “เอ๋า! ก็ต้องอิจฉาสิ นั่นคุณคาร์มินเชียวนะ” “พี่นิดหน่อยรู้จักเขาด้วยเหรอคะ?” “รู้สิ ครอบครัวเขาดังจะตาย แถมยังรวยมากอีกด้วยนะ คุณคาร์มินเกิดมาบนกองเงินกองทอง เหมือนคาบช้อนทองมาเกิด หลายคนอิจฉาชีวิตเขามากเลยล่ะ นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังรวย และเก่งรอบด้านอีกต่างหาก” “เวลามองเขา พี่นิดหน่อยรู้สึกว่าเขามีรังสีน่ากลัวบางอย่างไหมคะ” “ใครๆ ก็พูดกันว่าเขาดูน่ากลัว ว่ากันว่าครอบครัวคุณคาร์มินสืบเชื้อสายมาจากตระกูลมาเฟียเก่าแก่ แต่ไม่มีใครฟังธงว่าคือเรื่องจริง เท่าที่มองแววตาเขา พี่ก็ว่าเขาดูน่ากลัว ลึกลับ และน่าค้นหาดีนะ” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมาเฟียอย่างนั้นเหรอ เธอละสายตาจากพี่นิดหน่อยไปมองเขาอีกครั้ง คราวนี้คาร์มินหันมาสบตา วินาทีนั้นหัวใจเธอกระตุกวูบจนต้องรีบหลบแววตาน่ากลัวคู่นั้นไป “สาวๆ คงเข้าหาเขาเยอะนะคะ” “อยู่แล้ว จะเอาไม่เอาก็อีกเรื่อง คุณคาร์มินไม่เคยเข้าไปเป็นตัวเลือกของผู้หญิงคนไหน เพราะเขาเองที่เป็นคนเลือกผู้หญิงเข้ามาในชีวิต” “หมดเวลาพักของพี่แล้ว พี่ไปทำงานต่อก่อนนะ” เธอพยักหน้าให้พี่นิดหน่อยแล้วดึงสาวตาไปมองนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เธอเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อเปลี่ยนชุดกลับบ้าน ระหว่างกำลังยืนรอรถแท็กซี่ผ่านมา เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความบอกแม่ว่ากำลังกลับบ้านอย่างกลัวเป็นห่วงเพราะคืนนี้แม่นอนเฝ้าเมฆที่โรงพยาบาล “รอรถเหรอคนสวย” เสียงนั้นทำให้เธอหันไปมอง เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางเมากรึ่มกำลังมองด้วยสายตาแทะโลม “ค่ะ” ตอบกลับสั้นๆ แล้วเดินไปยืนที่อื่น แต่ไม่วายที่ชายขี้เมาจะเดินตามมา เธอเริ่มกลัวแล้ว… “ให้พี่ยืนรอเป็นเพื่อนเอาไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ” หมับ พรึ่บ! “คะ…คิดจะทำอะไร!” เธอตวาดเสียงใส่เมื่อชายคนนี้เอื้อมมือมาสัมผัสแขนอย่างถือวิสาสะ “คนอะไรนอกจากจะสวย ขาวแล้ว ผิวยังนุ่มอีกต่างหาก ขอจับอีกนิดหน่อยได้ไหมคนสวย” “อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!” ปึก! มิราถอยห่างออกจากชายขี้เมาโดยไม่รู้เลยว่าข้างหลังมีคนยืนอยู่ ทำให้ชนเข้ากับอีกคนเต็มๆ ตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา เพราะกำลังคิดว่าคนที่ยืนข้างหลังเป็นพวกเดียวกับชายขี้เมาตรงหน้า “ไปซะ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง” น้ำเสียงเย็นเยียบคุ้นเคยดังเข้ามาในหูมิรา วินาทีนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นลงไปชั่วคราว มือหนาที่กำลังจับเอวบางทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร คาร์มิน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD