ตอนที่ 5 หมามุ่ย
งานมงคลวันนี้เริ่มด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม เมื่อเจ้าบ่าวนั้นไปรับเจ้าสาวของเขาที่จวนตระกูลโม่ด้วยตนเอง สีหน้าของเจ้าบ่าวนั้นดูมีความสุขยิ่งนัก และยังมีผู้คนที่เอ่ยเปรียบเทียบว่า เจ้าสาวคนแรกนั้นช่างดูน่าสงสาร เพราะเจ้าบ่าวมิได้ไปรับนาง และยังให้นางเข้าพิธีไหว้ฟ้ากับเจ้าบ่าวไก่อีกด้วย
แต่ใครจะรู้เล่าว่า เจ้าบ่าวไก่ตัวผู้นั้นถูกเชือดทำน้ำแกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หน้าห้องของเจ้าสาวที่แต่งงานเข้ามาก่อนหน้าและรวมวันนี้ก็เป็นวันที่สาม กุ้ยหลินซาบซึ้งใจยิ่งนัก นางนั่งคิดทบทวนว่าต่อไปนี้ นางจะก้าวเดินออกไปจากที่นี่อย่างไร ไม่ให้คนพวกนี้ดูแคลน ความหวังของนางนั้นขอเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย นางไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว
จู่ ๆ กุ้ยหลินก็ร้องไห้ออกมาทำให้สาวใช้นามว่าอาจิงเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ รีบเข้ามาปลอบโยนเจ้านายให้หายโศกเศร้าเพราะนางเข้าใจว่าฮูหยินน้อยนั้นเสียใจมากกับคุณชายน้อยที่กำลังแต่งภรรยาเพิ่มอีกคน ใครเล่าจะทนได้
“ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ คุณชายจะต้องมาพบหน้าของท่านสักวัน” อาจิงเอ่ยปลอบ คนที่ร้องไห้อยู่เงยหน้ามองสาวใช้ ใบหน้างดงามแดงระเรื่อ
“ข้าไม่ได้เสียใจที่เจ้าบ้านั่นแต่งงาน ข้าเสียใจที่ทำตามคำขอของท่านพ่อต่างหากเล่า” กุ้ยหลินพูดขึ้นมา เมื่อนึกย้อนกลับไป เหตุใดบิดาจึงทำร้ายนางได้เช่นนี้ นั่นเพราะเดิมทีบิดาคงคิดว่าตระกูลกวนนี้มั่งคั่งร่ำรวย คงจะดูแลนางอย่างดีกระมัง
“ฮูหยินน้อย” อาจิงตกใจ นางเข้าใจผิดใหญ่โตหรือนี่ “ข้าว่ารอให้คุณชายแต่งงานก่อน พรุ่งนี้ค่อยพูดคุยก็ยังไม่สายนะเจ้าคะ” อาจิงเสนอทางออกที่เหมือนตรงกันข้ามกับความคิดของกุ้ยหลินนัก นางไม่คิดจะอยู่จมปลักที่ตระกูลนี้อยู่แล้ว
“ยังจะคิดหน้าด้านอยู่อีกรึ” น้ำเสียงที่แว่วมาก่อนที่ใบหน้าของแม่สามีปรากฏให้เห็น ยามนี้ฮูหยินใหญ่แทบจะบีบคอลูกสะใภ้ผู้นี้นัก ก่อเรื่องให้นางปวดหัวเหลือเกิน และอีกอย่างนางทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ไม่รู้จะจัดการอย่างไร
นางโขกสับลูกสะใภ้ผู้นี้ทุกอย่าง แต่ว่าเด็กสาวคนนี้มิยอมลงง่าย ๆ นางช่างแสบและร้ายเหลือเกิน เกินที่แม่สามีอย่างฮูหยินกวนจะจัดการได้ง่าย ๆ หากเป็นลูกสาวบ้านอื่น เกรงว่าคงจะหวาดกลัวจนหัวหด มิกล้ายืนประจันหน้า ทำทีไม่สนใจคนผมขาวเช่นแม่สามี
“ใช่ว่าข้า หน้าด้านอยากจะอยู่ที่นี่นักหรอกนะ” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าแม่สาวน้อยผู้นี้มิยอมอีกแล้ว พูดจาดี ๆ แม่สามีก็ไม่ชอบ ชอบให้นางขึ้นเสียงแข็ง ๆ กระแทก ๆ น้ำเสียงไม่พอใจก็ได้ กุ้ยหลินผู้นี้จัดให้
“อยากได้เท่าไหร่บอกข้ามา ข้าชังหน้าเจ้ายิ่งนัก มิอยากมีกลิ่นสาบสางของพวกชั้นต่ำอยู่ร่วมจวนกับข้า” แววตาของแม่สามียามทอดมองลูกสะใภ้นั้น เป็นแววตาแห่งความเหยียดหยาม ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มให้อีกฝ่าย มองราวเป็นแค่สวะไร้ค่าคล้ายแค่เศษฝุ่นผงที่เปรอะเปื้อนให้มัวหมอง
“เห็นท่านแม่พูดเช่นนี้ ลูกสะใภ้จะเก็บเอาไว้พิจารณานะเจ้าคะ” กุ้ยหลินแย้มยิ้มออกมา แววตาที่หมองหม่นเมื่อครู่พลันหายไป หลงเหลือเพียงแค่แววตาชิงชังอีกฝ่าย
หากจะให้นางก้าวออกย่อมได้ แต่มันจะง่ายดายเชียวรึ
“อ้อ เหตุใดใบหน้าของท่านแม่จึงอัปลักษณ์เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่า...” กุ้ยหลินจี้จุดเข้าให้ เมื่อวานนางเอาหมามุ่ยใส่เข้าไปในชั้นในของแม่สามี มีอย่างที่ไหนใช้นางซักผ้าไม่พอ ยังเอาของใช้ส่วนตัวมาให้นางซักอีก มีหรือคนอย่างจ้าวกุ้ยหลินจะใจดี
“หุบปากของเจ้าเสีย เจ้ามันช่างร้ายกาจนัก ข้าไม่เคยเจอะเจอลูกสาวบ้านไหนที่เป็นเช่นเจ้า” แม่สามีหน้าแดงเพราะนางอับอาย และนางยังโมโหอีกด้วย เมื่อคืนสามีของนางเขาตวาดนางเสียงดังลั่นห้อง ทำให้นางอับอายขายหน้ายิ่งนัก
“เจ้าค่ะ ข้าขอบคุณที่ท่านแม่รักและเอ็นดูข้า” นางประชดก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องนอน วันนี้นางออกไปไหนไม่ได้ นั่นเพราะข้างนอกมีพวกบ่าวรับใช้ยืนขวางไม่ให้นางได้ออกไปเที่ยวเล่น หรือที่เรียกว่านางจะเล่นสนุกก็แค่นั้น
แม่สามีเข้าใจความหมายที่ลูกสะใภ้ตัวดีพูดออกไปนางจึงเดินกลับเข้าไปเรือนหลังใหญ่ด้านหน้า เพื่อรอรับลูกสะใภ้คนงามและฐานะทัดเทียมกันเข้ามาในจวนนี้ เป็นลูกสะใภ้ที่นางชื่นชอบ นั่นเพราะดูแล้วช่างอ่อนโยนและอ่อนหวาน เรียบร้อย ไม่ใช้สตรีที่กำพืดต่ำ ๆ แบบนี้
สองเท้าของฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลกวนเดินออกไปด้านนอก พร้อมกับออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ “อย่าให้นางออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว ไม่เช่นนั้นข้าจะโบยพวกเจ้าให้ตาย” แม้ว่าในวังมงคลแห่งนี้ แม่สามีก็อดที่จะเกรี้ยวกราดไม่ได้
นางเกรงว่าจ้าวกุ้ยหลินจะพังงานแต่งงานของลูกชายในวันนี้ ทว่าเจ้ากุ้ยหลินมีหรือจะยอม เรือนของนางนั้นก็ไม่ได้ดูสูงจนนางกระโดดออกทางหน้าต่างไม่ได้ เท้าข้างหนึ่งของกุ้ยหลินเหยียบอยู่ที่ขอบหน้าต่าง
มือเรียวที่กำลังจับที่ขอบของหน้าต่างเอาไว้มาดหมายว่าจะลงไปสั่งสอนเจ้าบ่าวชั่วช้าเสียหน่อย ทว่ากลับถูกอาจิงยื้อยุดมิให้นางไปก่อเรื่องอีก “ฮูหยินน้อย อย่าไปเลยเจ้าค่ะ ลงมาเถิดเดี๋ยวตกลงไปแข้งขาหักจะทำอย่างไรเจ้าคะ” อาจิงสาวใช้เป็นห่วง นับวันที่อยู่กับฮูหยินน้อย นางไม่เคยรำคาญหรือไม่ชอบหน้าเลย กลับทำให้สาวใช้เช่นนางมีความสุขมากเสียอีก
“อาจิงเจ้าปล่อยข้าเถิด” กุ้ยหลินสะบัดแขนออกจากการจับกุมของสาวใช้ จากนั้นนางก็กระโดดลงไปทันที ร่างบอบบางทรงตัวอยู่ที่พื้น มิได้ทำให้ตนเองล้มจนหน้าทิ่มลงไปแต่อย่างใด
อาจิงอ้าปากค้างอีกเช่นเคย สาวใช้ผู้นี้ช่างตลกนัก หากนางตกใจเมื่อไหร่ มักจะอ้าปากทำตาค้าง กุ้ยหลินส่งยิ้มยักคิ้วหลิ่วตาไปให้อาจิงอย่างชอบใจ “ข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา” สิ้นเสียงหวานที่ดูจะร่าเริงของฮูหยินน้อย อาจิงทรุดเข่าลงที่พื้นอย่างอ่อนแรง
“วันนี้ท่านจะก่อเรื่องอะไรอีกเจ้าคะ” อาจิงปาดน้ำตาเกรงว่าหากก่อเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง คงจะซวยเป็นแน่ มีหวังนายท่านเล่นงานคราวซวยของนางมาเยือนแล้วสินะ กุ้ยหลินวิ่งหน้าตั้ง พอนางมาสอดส่องที่เรือนหอประดับประดาด้วยผ้ามงคล มองซ้ายที ขวาที แอบอยู่ครู่หนึ่งก็ไร้บ่าวรับใช้เดินเพ่นพ่าน
จากนั้นคนงามก็วิ่งลิ่วเข้าไปข้างในเรือนหอ แววตาของนางมองภายในห้องนี้ที่ประดับประดาตกแต่งอย่างดงามเพื่อเอาใจสตรีที่เขารัก นางยืนเท้าเอวด้วยแววตายิ้มแย้ม “ข้าจะเริ่มตรงไหนดีนะ” นั่นไงคนคิดร้ายหาทางเล่นงานคู่แต่งงานเสียแล้ว
เมื่อวานนางไม่ทันตั้งตัว จึงได้ถูกหมามุ่ยเล่นงานไปด้วย วันนี้คิดดีแล้ว จึงได้เก็บเจ้าหมามุ่ยที่น่ารักเอาไว้อีก หวังว่าจะให้คู่แต่งงานใหม่คืนนี้มีแต่เสียงร้อง จากนั้นคนเจ้าเล่ห์ แววตายิ้มเยาะเดินไปยังเตียงนอน จัดการละเลงเจ้าหมามุ่ยทาบนผ้าปูเตียงสีแดงนั่นเข้าให้
หลังจากนั้นนางก็เกือบหลงลืมไปว่า หลังฉากกั้นในนั้นมีอ่างน้ำเอาไว้ให้สำหรับคู่แต่งงานใหม่ แววตาเหี้ยมของกุ้ยหลินเร่งฝีเท้าเข้าไป แต่ทว่าได้ยินเสียของสาวใช้พูดคุยกัน นางจึงได้ไปหลบซ่อนตัวที่หลังฉากกั้นนั้นทันที
นางนั่งกอดเข่าลงที่พื้นแอบให้มิดชิดหวังว่าสาวใช้พวกนี้จะไม่เห็นนาง “ข้าว่าคืนนี้คุณชายน้อยจะต้องมีความสุขมาก ๆ แน่”
“ข้าคิดว่าหากคุณชายพบหน้าของฮูหยินจะต้องถูกใจนางนัก นางงดงามออกเพียงนั้น อาจิงยังพูดให้ฟังว่า นางงดงามจนไม่อาจละสายตาได้เชียวล่ะ”
“แล้วเหตุใดคุณชายไม่เคยไปที่เรือนของฮูหยินน้อยเลย”
“จะอะไรเสียอีกเล่า คุณชายไม่รู้นะสิว่าฮูหยินน้อยงดงามเพียงใด” สาวใช้เมื่อจัดการเตรียมสิ่งของให้คู่แต่งงานพูดคุยกันอยู่สองคนก็จากไป คนที่นั่งฟังอยู่นั้นมิได้คิดอยากจะให้สามีผู้นี้มาพบหน้าสักนิด นางกำลังคิดว่าจะทำอะไรเพื่อแก้แค้นคนพวกนี้
เมื่อสาวใช้ทั้งคู่ออกไป กุ้ยหลินก็โยนเจ้าหมามุ่ยลงไปในอ่างอาบน้ำนั้นทันที จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าออกข้างนอก นางมองซ้ายที ขวาทีที่ประตู ชะโงกหน้ามองหลายครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่เรือนของตนเอง
“ฮูหยินน้อย ข้ากลัวแทบแย่” อาจิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เมื่อฮูหยินน้อยนั้นปีหน้าต่างเข้ามา
“คืนนี้รับรองสนุกแน่ อาจิงข้าขอนอนสักงีบนะ” คนเจ้าเล่ห์ ได้นอนหลับพักอย่างสบายใจ แต่ทว่าอาหารมื้อเช้ามิได้ตกถึงท้องนางเลย นั่นเพราะเป็นคำสั่งของฮูหยินใหญ่แม่สามีของนาง พาลทำให้อาจิงนั้นไม่ได้รับอาหารในมื้อนี้ไปด้วย
เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าพิธีตามธรรมเนียมเสร็จสิ้นแล้ว โม่อวี้เฟยมีความสุขมากนัก นางยิ้มไม่หุบเมื่อนางได้แต่งงานกับชายที่นางรักปักใจ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว แม่สามีกับพ่อสามีต่างก็อวยพรให้นางมีความสุข ผู้คนมากมายมาร่วมแสดงความยินดีให้กับขุนนางกวนที่มีลูกสะใภ้จากตระกูลโม่
เจ้าสาวถูกส่งตัวไปยังห้องนอนแล้ว ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นกำลังดื่มด่ำสุรากับสหายของเขารวมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้เจ้าสาวนั่งรอเขาอยู่บนเตียงนอน โม่อวี้เฟยนางนั่งอยู่ได้ราว ๆ ครู่ใหญ่ก็รู้สึกคันยุบยิบที่ก้นของนาง แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้
จนแล้วจนรอดนางทนไม่ไหว จะลุกขึ้นยืน “คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยถามขึ้น
“ไปตามพี่เหวินปินมาเร็วเข้า ข้าทนไม่ไหวแล้ว” นางคันที่เบื้องล่างจนทนไม่ไหว เร่งให้สาวใช้ไปตามเจ้าบ่าว นางยืนบิดไปบิดมาหนีบที่ขาจนเนื้อด้านในเบียดเสียดกัน นางคันจนแทบอยากจะเกาหากเกรงว่าเกากายสาวนั้นน่าเกลียดเพียงใด
“คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะอีกครู่คุณชายน่าจะเข้ามาแล้ว” สาวใช้ช่างไม่รู้เสียเลยว่า คุณหนูของนางถูกเล่นงานจนนางคันคะเยอที่กายสาว
“จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร ข้าคันไปหมดแล้ว เร็ว ๆ เข้า” โม่อวี้เฟยทนไม่ไหวเร่งเร้าให้สาวใช้รีบไปตามว่าเจ้าบ่าวของนางอย่างรวดเร็ว สาวใช้สีหน้างุนงงนัก ครั้นจะเอ่ยปากถามก็เกรงว่าจะถูกตำหนิเอาได้ นางจึงได้เร่งเท้าออกไป
เจ้าบ่าวกำลังร่ำสุรากับสหาย เมื่อสาวใช้มากระซิบบางอย่างเข้าให้ เขาถึงขั้นหัวเราอย่างภูมิใจ เจ้าสาวรอเขาไม่ไหวเร่งให้ไปเข้าหอเสียแล้ว “เดี๋ยวข้าตามไป” เจ้าบ่าวรับคำ ก่อนจะขอตัว
สหายของเจ้าบ่าวนั้นดูเหมือนจะหัวเราะและพูดคุยกันเรื่องเจ้าสาวที่ทำตัวงามหน้า เร่งให้เจ้าบ่าวรีบไปเข้าหอ นางถึงกับอดทนรอไม่ไหวเป็นที่น่าหัวเราะยิ่งนัก
เจ้าสาวยืนไม่ติดกระมิดกระเมี้ยนเพราะคันเบื้องล่าง นางอยากจะอาบน้ำเหลือเกิน แต่ก็ต้องอดทนรอเจ้าบ่าวให้มาเปิดผ้าคลุมหน้า มือเรียวเผลอเกาที่ก้นของตนเองไปหลายครั้งหลายคราและก็พบว่าช่างมีความสุขเมื่อได้ทำอย่างนั้น
เจ้าบ่าวเร่งมาตามคำบอกกล่าวว่าเจ้าสาวนั้นเรียกหา เขายืนอยู่หน้าประตู เดินเข้ามาเพื่อมาพบหน้าของคนรัก แววตาดูอ่อนโยนหวานละมุน “มาแล้วหรือเจ้าคะ รีบเปิดผ้าคลุมหน้าเร็ว ๆ เข้าเจ้าค่ะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
“เฟยเอ๋อร์ของข้า เจ้าช่างใจร้อนยิ่งนัก” เจ้าบ่าวพูดจบก็เปิดผ้าคลุมหน้าทันที พอผ้าคลุมหน้าหล่นพื้น ฝ่ายเจ้าสาวก็รีบวิ่งเข้าไปหลังฉากกัน ปล่อยให้เจ้าบ่าวยืนเคว้งคว้างอยู่ในห้องด้วยความงุนงง กระนั้นเขาคิดว่าเจ้าสาวใจร้อนจึงได้รีบถอดชุดเจ้าบ่าวออกและไปอาบน้ำด้วยกันกับนาง
ชายหนุ่มนั้นลงไปในอ่างใบเดียวกันกับภรรยาคนตัวเล็กกว่า แต่ทว่าทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติยิ่งนัก ความรู้สึกนั้นคันยุบยิบไปหมด แก่นกายจากที่โด่ชันกลายเป็นหดเหลือเพียงแค่ปลายเล็บเท่านั้นเองกระมัง
“ท่านพี่ข้าคันไปทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ” โม่อวี้เฟยลุกขึ้นยืน เนื้อตัวเปลือยเปล่าทว่ามิได้ทำให้อีกฝ่ายหลงใหลแต่อย่างใด ผิวของนางมีตุ่มสีแดงขึ้นทั้งตัวไปหมด อีกทั้งใบหน้างดงามก็ด้วยเช่นเดียวกัน
“เฟยเอ๋อร์ พวกเราคงจะถูกนางเล่นงานเข้าให้แน่ ๆ”
“ใครกันเจ้าค่ะ เหตุใดใจคอถึงได้ร้ายกาจเพียงนี้ นี่เป็นงานมงคลเหตุใดจึงใจร้ายกับข้านัก”
กวนเหวินปินเห็นคนรักผิวพรรณขึ้นผื่นแดงไปหมด เขาจึงคิดว่าถูกกลั่นแกล้งให้เป็นแน่ และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากว่า
“จ้าวกุ้ยหลิน คอยดูเถิดพรุ่งนี้ข้าจะชำระความ”