ตอนที่ 9 อินอวิ๋นฉวี่/3

1471 Words
ฉาด!!!! พระหัตถ์ตบลงบนหน้าขาของพระองค์จนได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน ติดตามด้วยเสียงหัวเราะดักกึกก้องออกมาทันทีไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับวิธีการของขันทีคนสนิทหรือเห็นต่างกันแน่ “ดี! เจ้าทำได้ดีมากเสี่ยวฉิงจื่อ! ความคิดของเจ้ายอดเยี่ยมช่างตรงกับความต้องการที่อยู่ในภายในใจของข้า! ข้าต้องการให้เสด็จอาตายไปเสียที! ยิ่งเร็วได้เท่าไรยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางทางอำนาจของข้าอีกต่อไป” รับสั่งของฮ่องเต้น้อยทำให้ไส้ศึกจากสองแคว้นผ่อนลมหายใจของตนออกมาทันที รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดฮ่องเต้โง่ผู้นี้ก็มีความเห็นคล้อยตามที่คิดจะกำจัดอุปราชอินอวิ๋นหยางเกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่เสียแรงที่เฝ้ายุแยงมานานหลายปีไม่ทำให้ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์ “แต่ว่าแล้วจะเอามือสังหารจากที่ไหนทำงานนี้ได้ ในเมื่อเสด็จอามีวรยุทธสูงมากขนาดนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้เลยส่งไปก็ถูกฆ่าดั่งใบไม้ร่วงหล่นโดยเปล่าประโยชน์ และเสด็จอาต้องล่วงรู้ว่าข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แบบนี้ข้าก็แย่สิดีไม่ดีจะกลายเป็นคนถูกฆ่าเสียเอง เกิดเสด็จอาฉวยโอกาสนี้หาข้ออ้างปลิดชีวิตข้าแล้วชิงบัลลังก์ของข้าไป แบบนี้ต้องแย่แน่ๆ เลย” ฮ่องเต้หนุ่มเกิดความกลัวขึ้นมาทันทีเมื่อทรงคิดได้ถึงข้อนี้ “รู้จักคิดถึงข้อนี้เสียด้วย นับได้ว่ายังฉลาดขึ้นมาบ้าง! แต่ถึงอย่างไงเจ้าก็ช่างเป็นฮ่องเต้ที่โง่งมอยู่ดี ยิ่งเจ้าเป็นเช่นนี้เป็นการดีของต้าเหลียงและต้าซางที่จะได้หลุดพ้นจากหยวนเป่ยเสียที” ไส้ศึกจากสองแคว้นคิดอยู่ภายในใจ “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งทรงหมดหวังพ่ะย่ะค่ะ การส่งมือสังหารใช่ว่าจะต้องใช้เสมอไปเสียที่ไหนกันเล่า ทรงเคยได้ยินแผนหญิงงามล่มเมืองหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ ขึ้นชื่อว่าบุรุษย่อมพ่ายแพ้ให้แก่หญิงงาม หากพระองค์ใช้สตรีที่สามารถเข้าถึงอุปราชผู้นั้นได้สำเร็จโอกาสที่จะปลิดชีพง่ายเพียงนิดเดียว” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ฮ่องเต้ผู้โง่งมเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาทันใดพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจออกมาอีกครั้ง “จริงสิ! ใครบ้างที่จะไม่พึงพอใจหญิงงาม ต่อให้เสด็จอาแข็งแกร่งเพียงใดย่อมต้องพ่ายแพ้อยู่วันยังค่ำมีหรือที่จะสามารถต้านทานได้แม้แต่ตัวข้าเองยังพึงพอใจหญิงงามเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งมีไว้ครอบครองมากเท่าใดทำให้สบายตามากกว่านั่งอ่านฎีกาน่าเบื่อที่กองอยู่ตรงหน้าข้าเสียอีก” รับสั่งพลางเบ้พระโอษฐ์ออกมาด้วยรู้สึกเบื่อหน่ายกับกองงานตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วเพียงครู่กลับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้อินอวิ๋นฉวี่หันกลับมาทอดพระเนตรขันทีคนสนิท ในขณะที่ไส้ศึกจากสองแคว้นกำลังแสยะยิ้มเหยียดออกมาเมื่อแผนการก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยได้ฮ่องเต้จากหยวนเป่ยเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้งานสำเร็จง่ายขึ้นไปกว่าเดิม “ฝ่าบาททรงคิดสิ่งใดอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีสอพลอถามกลับไปเมื่อเห็นฮ่องเต้หนุ่มจับจ้องอยู่แต่ใบหน้าของตนอยู่เช่นนั้นนิ่งนานจนไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปได้ “เจ้าพูดถูกว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่! ดูท่าแผนหญิงงามจะใช้ไม่ได้ผลกับคนผู้นี้เพราะจนถึงทุกวันนี้ เสด็จอายังไม่อภิเษกสตรีใดเป็นพระชายาข้างกาย ข้าไม่เคยได้ยินว่าคนผู้นั้นมีสตรีคู่เคียงอยู่ด้วยเลยนะ วันๆ เอาแต่ทำสงครามเคยเชยชมสตรีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ถ้าเป็นแบบนี้ข้าก็ไม่มีวันปลิดชีพคนผู้นั้นได้เลย” รับสั่งพลางทิ้งพระวรกายลงประทับบนเก้าอี้อย่างแรงด้วยความขัดใจที่ไม่ว่าจะทรงคิดแผนอะไรออกมาเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างพระองค์เอาเสียเลย และนั่นทำให้ไส้ศึกจากสองแคว้นยิ้มในหน้าออกมาอีกครั้ง ที่เห็นฮ่องเต้จากหยวนเป่ยเฝ้าครุ่นคิดหาวิธีการต่างๆ นานาที่จะปลิดชีพอาของตัวเองให้ดับดิ้นลงไปให้ได้ “ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ สำหรับเรื่องนี้ไม่ยากเลย” เสี่ยวฉิงจื่อนามปลอมของไส้ศึกจากสองแคว้นเอ่ยขึ้น ฮ่องเต้หนุ่มหันกลับไปมองขันทีคนสนิทของพระองค์ทันทีที่ทรงได้ยินเช่นนั้น “พูดแบบนี้แสดงว่ามีทางออกหรือมีวิธีอื่นที่นอกเหนือจากนี้อย่างนั้นเหรอ” รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ รับสั่งไม่ผิด ในเมื่ออุปราชไม่เคยใกล้ชิดสตรียิ่งเป็นการดีกับแผนหญิงงามล่มเมืองของพระองค์มากยิ่งขึ้นไปอีก จะเป็นการดียิ่งนักหากฝ่าบาทมอบสมรสพระราชทานให้แก่องค์อุปราชเพื่อแสดงน้ำพระทัยของพระองค์” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นอินอวิ๋นฉวี่ตาลุกวาวโรจน์ขึ้นมาทันใด “จริงสิ! เหตุใดข้าจึงหลงลืมข้อนี้ไปได้! สมรสพระราชทานนี่เองที่จะเป็นใบสั่งตายให้แก่อินอวิ๋นหยาง มันจะได้ตายๆ ไปเสียทีข้าเบื่อที่มีแต่ผู้คนต่างสรรเสริญเยินยอคนผู้นั้นเต็มทนแล้ว” รับสั่งออกมาด้วยแรงริษยา “เจ้าว่ามาเลยเสี่ยวฉิงจื่อ แผนเป็นอย่างไงบ้างข้าอยากรู้ให้มันตายได้เร็วที่สุดยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี!” รับสั่งกระแทกเสียงลงท้าย ไส้ศึกสองแคว้นยิ้มในหน้าอย่างยินดีกับสิ่งที่ได้วางเอาไว้เมื่อเห็นอาการของฮ่องเต้หยวนเป่ยแสดงออกมาเช่นนั้น “ฝ่าบาทยังทรงจดจำได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ว่าทุกปีแคว้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของหยวนเป่ยจะส่งบรรณาการมาถวาย หากกระหม่อมจำไม่ผิดแคว้นซางและแคว้นเหลียงครบกำหนดที่จะต้องส่งเครื่องบรรณาการมาถวายหลังจากพ่ายแพ้สงคราม ในปีนี้ทั้งสองแคว้นประสงค์จะส่งบรรณาการพร้อมเชื้อพระวงศ์หญิงเพื่อให้มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหยวนเป่ย” เสี่ยวฉิงจื่อกราบทูลอธิบายกลับไป “อ้าว! ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้ว่าต้าซางและต้าเหลียงส่งทรัพย์บรรณาการมาพร้อมเชื้อพระวงศ์หญิงเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ในขณะที่แม้กระทั่งตัวเจ้ายังล่วงรู้เรื่องนี้ นี่เจ้าไปรู้มาจากไหนทำไมถึงรู้ได้!” ฮ่องเต้ผู้โง่งมเวลาเกิดจะฉลาดก็สังเกตขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน แต่ความโง่งมมีมากยิ่งกว่าจึงขลาดเขลาเบาปัญญาเสียมากกว่าฉลาดปราดเปรื่อง เสี่ยวฉิงจื่ออยากจะตบปากตัวเองที่ไม่ระวังกล่าวเช่นนั้นออกมาราวกับว่าล่วงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีก่อนจะรีบหาข้ออ้างแก่ตัวให้กับตัวเองให้ปราศจากข้อกังขา “กระหม่อมได้ยินข่าวลือมาอีกทอดพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งมาจากฝ่ายขุนนางที่ถือหางองค์อุปราช ส่วนจะจริงเท็จหรือไม่นั้นได้ยินมาว่าองค์อุปราชมีสาสน์ตอบกลับไปว่ายอมรับทรัพย์บรรณาการจากทั้งสองแคว้นรวมไปถึงการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อแสดงถึงความภักดีนำมาถวายให้แก่ฝ่าบาท เมื่อเช่นนี้แล้วเหตุใดจึงไม่ใช้องค์หญิงจากสองแคว้นมอบให้องค์อุปราชแทนพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หนุ่มแสยะยิ้มเหยียดออกมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “แผนของเจ้าเข้าท่ามากเสี่ยวฉิงจื่อ! ฉลาด! ฉลาดมาก! แต่ก็ยังฉลาดน้อยกว่าข้าอยู่ดีเพราะเดิมทีก็คิดแผนนี้เอาไว้เหมือนกันเพียงแต่อยากรู้ว่าจะมีใครคิดตรงกันกับข้าหรือเปล่า” ฮ่องเต้โง่รับสั่งยกยอพระองค์เองได้อย่างหน้าตาเฉย เสี่ยวฉิงจื่อแบะปากออกมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็นและได้ยินเช่นนั้นก่อนจะได้ยินสุรเสียงรับสั่งถามกลับมา “แล้วเจ้าคิดว่า ข้าควรจะใช้เหตุผลกลใดที่จะอ้างกับเสด็จอาเพื่อให้ยินยอมรับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นกับองค์หญิงต้าซางและต้าเหลียงให้เป็นคนของตัวเองจึงจะแนบเนียนและสมเหตุสมผลที่สุด” อินอวิ๋นฉวี่ถามความเห็นขันทีข้างกาย “ก็ไม่เห็นยากตรงไหนเลยพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ทรงมีรับสั่งว่ารู้สึกเป็นห่วงที่องค์อุปราชเอาแต่ทำศึกสงครามไม่ยอมอภิเษกกับสตรีนางใดเป็นพระชายาข้างกาย และทรงเกรงว่าสายสกุลอินจะแผ่ลูกหลานไม่มากพอจึง...” เสี่ยวฉิงจื่อกล่าวยังไม่ทันจบ ปัง! พระหัตถ์ฟาดลงบนโต๊ะทรงงานดังกระหึ่ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD