ตอนที่ 6 ของขวัญปริศนา/5

3025 Words
วันรุ่งขึ้น รถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวน ครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย “โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้ หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง “พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับไปอย่างสงสัย “ก็เพราะหาไม่เจอนี่สิกำลังคิดอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำหาย ในเมื่อคืนก่อนพี่เป็นคนเอาม้วนภาพวาดนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าใบนี้ด้วยตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงหาไม่เจอแล้ว” หลี่ยู่บ่นพึมพำเป็นการใหญ่พลางยกมือเกาศีรษะตัวเองไปมา และนั่นทำให้หยางเฟยอี้ขมวดคิ้วสวยเข้าหากันด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินพี่สาวกล่าวออกมาเช่นนั้น “ภาพวาดอะไรเหรอพี่ใหญ่แล้วไปเอามาจากไหน หนูเพิ่งรู้นะว่าพี่ใหญ่มีเวลาไปเดินซื้อของด้วย” หญิงสาวถามกลับไป “ใครบอกเล่าว่าฉันมีเวลาไปเดินซื้อ แกก็เห็นว่าพี่ใหญ่อยู่ติดตัวแกตลอดไม่ได้ไปไหน ภาพวาดนั้นแฟนเพลงเขาให้เป็นของขวัญในวันแรกที่แกมาถึงสนามบิน พี่ใหญ่เพิ่งแกะออกดูเมื่อคืนก่อนก็เลยรู้ว่าเป็นภาพวาด และที่ค้นหาเพราะว่าเป็นภาพของจวนที่นี่แหละ มีเส้นทางบอกอย่างละเอียดว่าจะต้องไปจุดไหนของจวนคล้ายแผนที่เลย แตกต่างตรงที่เจ้าภาพนั้นเหมือนมีชีวิตเลยนะขนาดปลายังรู้สึกว่ามันกำลังว่ายน้ำเลย” หยางเฟยอี้ยืนฟังอ้าปากหวอเมื่อได้ยินพี่สาวอธิบายสรรพคุณของภาพวาดปริศนาให้เธอล่วงรู้ “แหม! เวอร์อะไรปานนี้พี่ใหญ่ พูดราวกับว่าภาพวาดนั้นมีชีวิตเป็นไปไม่ได้หรอก จริงอยู่ที่จิตรกรสมัยนี้เขามีพรสวรรค์และมีฝีมือมากแต่จะวาดอะไรก็ตามให้มันมีชีวิตขึ้นมาเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน อย่าไปสนใจเลยเลิกหาเถอะคงหลงลืมที่เก็บกระมังถ้าใส่เอาไว้ในกระเป๋าจริงๆ ป่านนี้ก็ต้องหาเจอแล้วสิกระเป๋าก็ใบแค่นั้นเอง ทางที่ดีไปติดต่อคนนำทางพาเราเที่ยวชมจวนโบราณดีกว่าจะมาเสียเวลาค้นหาแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมชี้มือไปทางหน้าประตูทางเข้าของจวน ซึ่งมีโต๊ะวางอยู่ด้านหน้าคอยให้บริการ หลี่ยู่หยุดค้นหาทันทีเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมาเช่นนั้น “เออใช่! ก็จริงอย่างที่พูดนะมัวมาเสียเวลาค้นหาอยู่ทำไม ใช่ว่าหาเจอจะเดินเที่ยวจวนได้ถูกเสียที่ไหน อย่างไงก็ต้องติดต่อคนนำเที่ยวพาเราเดินชมจวนอยู่ดี ลี่ลี่เอ๊ยลี่ลี่เธอนี่นะคงจะแก่แล้วจริงๆ” พี่สาวจอมเฮี้ยบบ่นให้กับตัวเองพลางรูดซิปปิดกระเป๋าเอาไว้ตามเดิมก่อนจะเดินนำหน้าไปบริเวนหน้าประตูเพื่อติดต่อเข้าเยี่ยมชมจวนโบราณ เพียงไม่นานหลังจากเสียค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชมสถานที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจ่ายค่าบริการจ้างเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่ที่จวนโบราณดังกล่าวนำทางสองคนพี่น้องเข้าเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งถูกสร้างเลียนแบบมาจากจวนของเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว แต่ละจุดที่เข้าเยี่ยมชมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่สองพี่น้องชาวฮ่องกงเป็นอันมาก สองพี่น้องเดินเที่ยวชมจวนโบราณอย่างเพลิดเพลินจนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพร้อมเสียงของนักร้องสาวดังแทรกขึ้น “พี่ใหญ่ถิงถิงหิวน้ำจังเลย!” หญิงสาวบอกพี่สาวพลางกวาดสายตามองหาคนเดินขายน้ำดื่มที่จะเห็นเป็นระยะๆ เพื่อคอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว หลี่ยู่พยักหน้าขึ้นลงเมื่อได้ยินน้องสาวบอกกลับมา พร้อมหันไปถามเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้นำทางพาเธอและน้องสาวเดินชมจวนมาหลายชั่วโมงแล้ว “ทานน้ำอะไรดีค่ะ เดี๋ยวจะได้ซื้อมาให้ด้วยเพราะคุณใช้เสียงอธิบายติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว เสียงได้แหบกันพอดี” หลี่ยู่ถามเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกลับไป “ไม่ต้องลำบากหรอกครับพอดีว่าผมดื่มชามากาหนึ่งแล้ว สามารถอธิบายให้พวกคุณฟังได้อีกนานไม่ต้องห่วงครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตอบกลับมา หลี่ยู่ส่งยิ้มกลับไปเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนั้นพร้อมหันกลับไปมองน้องสาว “เดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมา ยืนรอตรงนี้นะพอดีเห็นคนเดินขายน้ำอยู่ตรงประตูถัดไปแล้ว” หลี่ยู่บอกน้องสาวพร้อมหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่จากทางรัฐบาลที่ถูกส่งมาให้คอยดูและบริการนักท่องเที่ยว “ช่วยดูแลน้องสาวสักสิบนาทีนะคะ ไปแปบเดียวเดี๋ยวมาค่ะ” หลี่ยู่เอ่ยฝากฝังคนตรงหน้า “ไม่ต้องห่วงครับที่นี่ปลอดภัย มีกล้องวงจรปิดติดทุกมุมสบายใจได้เลย” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันกลับไป ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของหลี่ยู่ส่งกลับมาให้พร้อมเสียงของนักร้องดังชาวฮ่องกงเอ่ยขึ้นเมื่อเธอพบกับความแปลกใจ เมื่อหยางเฟยอี้รูดซิปดเปิดกระเป๋าที่พลัดกันสะพายกับพี่สาวอยู่เป็นระยะ ซึ่งตอนนี้กระเป๋าใบดังกล่าวอยู่ที่เธอ หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายในเพื่อควานหาเพาเวอร์แบงค์มาเสียบชาร์จเข้ากับมือถือของเธอ หลังจากใช้ถ่ายภาพของตัวเองและพี่สาวในขณะที่เดินชมจวนนับได้เป็นร้อยๆ ภาพเลยทีเดียว “อะไรกันนี่!” หญิงสาวพูดพลางหยิบกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดยาวซึ่งบรรจุม้วนภาพวาดอยู่ภายในนั้น ก่อนจะดึงออกมาจากกระเป๋าพลางพลิกไปมาด้วยความแปลกใจ “นี่กระมังคงจะภาพวาดที่พี่ใหญ่หาอยู่เมื่อสามชั่วโมงก่อน ก็ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อยยังอยู่เหมือนเดิมทำไมพี่ใหญ่หาไม่เห็นนะแปลกจังเลยสงสัยจะแก่ตัวแล้วจริงๆ” หญิงสาวพูดพลางเปิดฝากล่องด้านบนก่อนจะเทม้วนภาพออกมาพร้อมยื่นส่งให้เจ้าหน้าที่ตรงหน้าเธอ “พี่คะรบกวนช่วยหนูคลี่ภาพวาดนี่หน่อยค่ะ เห็นพี่สาวบอกว่าเป็นภาพวาดของจวนโบราณแห่งนี้ รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นภาพสามมิติด้วยนะเพราะวาดแม้กระทั่งปลายังเหมือนมีชีวิตเลยละคะ” หยางเฟยอี้บอกอีกฝ่ายกลับไปพร้อมยืนม้วนภาพวาดให้เขาช่วยจับเพื่อคลี่ออกมาดูว่าจะเป็นจริงตามที่หลี่ยู่บอกหรือไม่ “ภาพวาดของจวนนี้เหรอครับ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แต่จวนนี้ไม่เคยอนุญาตให้ใครวาดภาพเลยนะครับ” และประโยคดังกล่าวทำให้หยางเฟยอี้หยุดชะงักขึ้นมาทันทีพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่ประจำจวนโบราณ ก่อนจะก้มมองม้วนภาพวาดที่อยู่ในมือของเธอด้วยความแปลกใจ “แต่ว่าพี่สาวของถิงถิงบอกมาแบบนั้นจริงๆ นะคะ ยังบอกเลยว่าจวนนี้เป็นจวนอุปราช แต่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมตรงหน้าประตูจวนติดป้ายชื่อเป็นจวนสกุลอิน” หญิงสาวบอกอีกฝ่ายกลับไป ใบหน้าพยักขึ้นลงติดต่อกันเมื่อได้ยินนักร้องสาวชื่อดังบอกกลับมาเช่นนั้น “ออ! จวนนี้มีความเป็นมาค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอสมควร ข้อมูลบางอย่างก็เหมือนตำนาน บางอย่างก็มีบันทึกหลักฐานว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ถ้าจะพูดกันตามตรงจวนนี้สร้างลอกเลียนแบบมาจากจวนของชนชั้นเชื้อพระวงศ์ในยุคชุนชิว” “ยุคชุนชิวเหรอคะ!” หยางเฟยอี้สวนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินต้นตอย้อนไปไกลถึงยุคชุนชิวเลยทีเดียว พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่คนเดิมอธิบายกลับมา “ถูกต้องแล้วครับสร้างลอกเลียนแบบมาจากยุคชุนชิวก็น่าจะสองพันกว่าปีแล้ว ซึ่งว่ากันว่าเป็นจวนขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยในสมัยนั้น แต่ก็มีข้อมูลบอกมาว่าจวนอุปราชสร้างเลียนแบบมาจากจวนใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเทือกเขาสูง แต่ก็เป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมาครับ แต่ที่แน่ๆ จวนนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคหบดีใหญ่ของเมืองลั่วหยาง ซึ่งสกุลอินได้ลอกเลียนแบบนำมาสร้างในยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งในสมัยนั้นกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่าจวนนี้งดงามเสียยิ่งกว่าจวนอ๋องของเชื้อพระวงศ์ในยุคหมิงเสียอีก” นักร้องคนดังยืนฟังพลางพยักหน้าขึ้นลง มือของเธอก็พยายามคลี่ภาพวาดดังกล่าวออกมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งเห็นภาพวาดของจวนซึ่งทุกอย่าลงรายละเอียดราวกับว่าถ่ายภาพเอาไว้ไม่มีมีผิด พร้อมเสียงของเจ้าหน้าที่อธิบายอย่างต่อเนื่อง “แล้วคุณถิงถิงรู้ไหมครับว่าจวนนี้ยังมีชื่อเรียกที่คนทั่วไปพอได้ยินแล้วต่างพากันสงสัยไปตามๆ กันเลย ว่ากันว่าชื่อดังกล่าวเป็นชื่อของจวนที่เป็นต้นแบบซึ่งสร้างขึ้นกลางเทือกเขาสูง เห็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาบอกว่าจวนนั้นใช้เป็นสถานที่กักขังพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราช” คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทำให้หยางเฟยอี้เงยหน้าขึ้นมาจากภาพวาดตรงหน้าทันที เมื่อได้ยินคำว่าพระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชตามเรื่องเล่า “พระชายาหน้าผีเหรอคะ เขาขี้เหร่มากเลยเหรอจนถึงกับต้องเรียกกันแบบนั้น” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย “จะหน้าผีหรือขี้เหร่มากแค่ไหน เรื่องนี้ก็คือตำนานและเรื่องเล่าที่เขาพูดต่อๆ กันมาครับคุณถิงถิง แต่ก็คงจะเป็นความจริงอยู่บ้างเพราะมีบันทึกเอาไว้ว่า พระชายาหน้าผีขององค์ชายอุปราชจากแคว้นหยวนเป่ยสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คนที่ได้พบเห็นจนขวัญหนีดีฟ่อไปหมด บางคนพอได้เห็นหน้าหัวใจวายตายไปเลยก็มากครับ” “อะไรนะ! ถึงกับหัวใจวายตายเลยเหรอคะไม่จริงมั้งอะไรจะขนาดนั้น” หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “แต่เรื่องนี้ถูกบันทึกไว้ในตำราไม้ไผ่ของยุคนั้นเลยนะครับ มีหลักฐานยืนยันแบบนี้เรื่องที่เล่าขานกันมามีเค้าโครงว่าเป็นความจริง และก็เพราะเหตุนี้แหละครับทำให้ไม่มีใครอยู่ดูแลถวายการรับใช้พระชายาขององค์ชายอุปราชเลย จวนใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นพันไร่แต่ไม่มีใครกล้าอาศัยอยู่ จนผู้คนในยุคสมัยนั้นต่างพากันเรียกขานว่าจวนเดียวดาย! ซึ่งก็คือจวนนี้ที่ลอกเลียนแบบมาครับเพราะต้นสกุลอินคือองค์ชายอุปราช บางคนก็เลยเรียกจวนสกุลอินแห่งนี้ว่า จวนเดียวดาย” สิ้นเสียงคำอธิบายของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว “หา! จวนเดียวดายมีจริงๆ เหรอ!” หญิงสาวเอ่ยด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อล่วงรู้ว่า จวนเดียวดายที่เธอเคยได้ยินอยู่ในความฝันกลับมีจริงอย่างไม่คาดคิด ทันใดนั้นเอง “ข้ารอเจ้ามานานแสนนานแล้ว! มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่ที่จวนเดียวดาย! รอเจ้าที่จวนเดียวดาย” เสียงดังกล่าวกึกก้องออกมาจากภาพวาดที่อยู่ในมือของนักร้องสาวคนดังและเธอก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน “ไม่จริง! มันจะต้องไม่เป็นความจริง! ฉันต้องหูฝาดแน่ๆ ต้องไม่ใช่! ไม่ใช่!!!” ในขณะที่เสียงจากภาพวาดยังคงดังกึกก้องออกมาอย่างไม่ขาดสาย “มาหาข้า! ข้ารอเจ้าที่จวนเดียวดาย!” เสียงเรียกนั้นเริ่มดังขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหยางเฟยอี้ ตุบ! ภาพวาดที่กำลังถืออยู่มือร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องสาวมีอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยางเฟยอี้พยายามที่จะหายใจทางปากแต่กลับทำให้เจ็บแปลบเข้าที่หัวใจจนไม่สามารถทำให้เธอหายใจได้เป็นปกติ อะ...โอ๊ยยยยย!!! มือเรียวสวยยกขึ้นจับศีรษะของเธอทันทีเมื่อเสียงร้องเรียกดังกล่าวทำให้นักร้องดังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงพร้อมเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกอย่างเฉียบพลัน “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย...หะ...หายใจ...ไม่ออก!!!” สิ้นเสียงตะกุกตะกักที่เธอพยายามสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ตรงหน้าซี่งกำลังยืนมองเธอด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาการแปลกๆ เกิดขึ้น ร่างระหงทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว “คุณถิงถิง!!!” เสียงร้องเรียกของเจ้าหน้าที่ประจำจวนดังขึ้นมาทันทีพร้อมร่างสูงรีบตรงเข้าไปรับร่างของนักร้องดัง ท่ามกลางเสียงร้องเรียกอีกคนผู้หนึ่ง “ถิงถิง!!!!” หลี่ยู่ตะโกนเรียกน้องสาวจนสุดเสียง แก้วน้ำและขนมมากมายที่ซื้อติดมือทิ้งลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว “พะ...พี่...พี่ใหญ่!!!” หยางเฟยอี้เรียกพี่สาวได้เพียงแค่นั้น ความรู้สึกที่ว่าขาดอากาศหายใจเป็นอย่างไง เธอได้ลิ้มรสชาติก็วันนี้เองเมื่อหัวใจเจ้ากรรมเริ่มเจ็บเสียดปวดแปลบ อากาศหายใจคล้ายจะหมดลงพร้อมความรู้สึกของหญิงสาวดับวูบลงไปทันที นักร้องสาวคนดังคอพับลงไปทันใดท่ามกลางความตกใจของคนรอบข้างต่างเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยกันทั้งสิ้น ถิงถิง!!! เสียงร้องเรียกชื่อเล่นของเธอพยายามปลุกเร้าให้ฟื้นสติกลับมา ท่ามกลางความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันใด โรงพยาบาลเมืองลั่วหยาง ห้องฉุกเฉิน ร่างอวบอิ่มของหลี่ยู่เดินกลับไปกลับมาอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลชื่อดังของเมืองลั่วหยางโดยไม่เป็นอันทำอะไร สายตาเฝ้าคอยมองประตูห้องฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วงน้องสาว ในขณะที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลฝูงนักข่าวมายืนรอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น ทันทีที่ล่วงรู้ข่าวของนักร้องสาวชาวฮ่องกง เบื้องต้นทีมแพทย์ฉุกเฉินสรุปอาการของหยางเฟยอี้ เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลันรวมไปถึงมีอาการเส้นเลือดฝอยในสมองแตกเกิดขึ้นด้วย โอกาสรอดชีวิตศูนย์เปอร์เซ็นต์ ครืดดดด!!! ประตูทางเข้าออกของห้องฉุกเฉินเลื่อนเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมทีมแพทย์ผู้ช่วยชีวิตเดินออกมาจากห้องดังกล่าวซึ่งเป็นระดับอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาล สีหน้าของทีมแพทย์แต่ละคนบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่ามีข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีและทันทีที่เห็นทีมแพทย์เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หลี่ยู่ถลาเข้าไปถามไถ่อาการของน้องสาวอย่างรวดเร็ว “คุณหมออาการน้องสาวดิฉันเป็นอย่างไงบ้างคะ เธอดีขึ้นบ้างไหม” หลี่ยู่ละล่ำละลักถามอาการน้องสาวเฝ้ารอคำตอบจากปากหมออย่างใจจดใจจ่อด้วยความหวังเต็มเปี่ยม ในขณะที่แพทย์ใหญ่เจ้าของไข้ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมเอ่ยตอบหลี่ยู่ “ทางเราพยายามเต็มที่แล้วครับ แต่น้องสาวของคุณหมดลมหายใจก่อนจะมาถึงโรงพยาบาลนานแล้วด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเส้นเลือดฝอยในสมองแตก ทีมแพทย์ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ” คำตอบของแพทย์ใหญ่ตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้แก่หลี่ยู่จนยืนนิ่งอยู่กับที่ดั่งคนถูกสาปให้กลายเป็นหิน ร่างอวบอิ่มยืนโงนเงนไปมาก่อนจะเป็นลมหมดสติเป็นล้มพับไปทันที เมื่อล่วงรู้ข่าวการจากไปของหยางเฟยอี้อย่างไม่มีวันหวนกลับ ท่ามกลางความวุ่นวายบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินเมื่อต้องเข้าปฐมพยาบาลหลี่ยู่ที่หมดสติไปโดยไม่รู้ตัวทันทีที่ได้ยินข่าวเสียชีวิตของน้องสาวจนทั่วบริเวณเกิดความวุ่นวาย ข่าวการเสียชีวิตกะทันหันของนักร้องสาวคนดังชาวฮ่องกงเริ่มแพร่สะพัดออกมาจากโรงพยาบาล จนต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อยืนยันการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการของหยางเฟยอี้ ซึ่งมาจบชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันและเส้นโลหิตในสมองแตก ด้วยอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น หญิงสาววัยดรุณีได้จากไปอย่างน่าเสียดายและไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเธอจะจากโลกนี้ไปอย่างรวดเร็วและกะทันหันเช่นนี้ ในขณะที่วงการบันเทิงจีนและฮ่องกงต้องสูญเสียดาวที่กำลังเจิดจรัสและพรสวรรค์จากพลังเสียงมหัศจรรย์ของหยางเฟยอี้ ไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ซึ่งเธอถูกกล่าวขานว่าเป็นนักร้องมหัศจรรย์ นอกจากจะมีเส้นเสียงที่ทรงพลังแล้วยังอัจฉริยะทางด้านดนตรี สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิดรวมไปถึงเครื่องดนตรีโบราณซึ่งเธอเชี่ยวชาญทุกแขนง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วงการบันเทิงสูญเสียบุคคลอัจฉริยะได้ดับแสงลาลับไปจากวงการบันเทิงจีนและฮ่องกงไปอย่างน่าเสียดาย ฉายาบุบผางามพันปีก็สิ้นสุดลงด้วยเช่นกันนับตั้งแต่นั้นมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD