เมื่อจุดอ่อนไหวของเขาถูกควบคุมอยู่ในมือของนางมันก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะยืนไม่อยู่
เขามีชีวิตอยู่นับหมื่นปี ในกาลก่อนเขาลงมือสังหารปีศาจ สร้างสงครามนองเลือดไปทั้งสามภพ แต่ตอนนี้เขาพ่ายแพ้ให้กับปีศาจงูตัวน้อย
เพราะหางของนางพันรอบเอวของเขาไว้แน่น มือเล็กๆ ของนางก็ควบคุมแท่งเนื้อของเขาไว้ ภายใต้การลูบคลำของนาง แท่งเนื้อของเขาสั่นระริกจนแทบควบคุมไม่ได้...
ที่น่าแปลกใจคือมังกรผู้สูงส่งเช่นเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกลียดเรื่องแบบนี้มากนัก อีกทั้งยังรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการเคลื่อนไหวของนางด้วย
ปีศาจงูตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนจะชอบในเรื่องนี้เช่นกัน นางร้องครางไม่หยุด เขาทำได้เพียงสอดนิ้วเข้าใส่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งยังลูบไล้ติ่งเนื้อน้อยสร้างความกระสันให้กลับมา
"อ๊ะ…อือ!" ในที่สุดภายใต้ความมืดของผ้า ม่อเทียนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเสี่ยวชิง ตามมาด้วยร่องรักที่ขมิบถี่รัว บีบนิ้วของเขาแน่น ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ที่เกิดขึ้นตรงริมแม่น้ำ
น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาไม่ได้สติ เวลานั้นเขาคิดเพียงว่าต้องการระบายความรู้สึกร้อนรุ่ม ออกมาเท่านั้น จึงจำไม่ได้ถึงความรู้สึกที่แก่นกายถูกความอ่อนนุ่มของนางโอบรัดไว้
กรุ๊งกริ๊ง~~
เสียงระฆังตรงข้อมือดังขึ้นช่วยเรียกสติของ
ม่อเทียนกลับคืนมา น้ำหวานจากส่วนนั้นหยดลงสู่ระฆังสีทอง จากนั้นมันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น
ในเวลานี้เสี่ยวชิงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยหลังจากจุดสุดยอด นางรู้สึกได้สบายไปทั่วร่างกาย
ม่อเทียนรีบลุกขึ้นจากเตียง เขาถอดผ้าปิดตาสีดำออกและกลับห้องของตนไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลังจากเข้ามาในห้อง ม่อเทียนร่ายคาถาอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างเกราะป้องกัน จากนั้นดึงกริชขึ้นมาเพื่อกรีดเลือดที่ข้อมือ เลือดมังกรสีทองจากข้อมือตกลงบนระฆังทอง มันถูกซึมซับเข้าไปโดยทันที
ระฆังทองชิ้นนี้รวบรวมหยินและหยางของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน แสงสีทองพุ่งออกมาจากระฆังไหลเข้าสู่ร่างกายของชายหนุ่ม ช่วยรักษาบาดแผลจากรอยกรีดเลือดที่ยังไม่หายดีได้อย่างรวดเร็ว
แสงสีทองให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ แต่จากนั้นมันก็ค่อยๆ หยุดลง แล้วเบนแสงออกไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่ปีศาจน้อยนางนั้นอาศัยอยู่ ดูเหมือนว่าการสกัดหยินหยางครั้งนี้จะได้ผล แต่ว่ามันยังไม่มากพอ
ม่อเทียนจัดการกับแก่นกายที่ยังคงแข็งตึง ให้สงบลง ก่อนจะเดินกลับไปหาหญิงสาวที่ห้อง
เมื่อเห็นเสี่ยวชิงเห็นเขากลับมา นางก็รีบเดินมาคว้าชายเสื้อคลุมของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วถามด้วยดวงตาเป็นประกาย "ท่านได้วิญญาณของข้าคืนมาหรือไม่"
"ไม่" ม่อเทียนตอบกลับอย่างไม่ลังเล
เมื่อได้ยินเช่นนี้เสี่ยวชิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ท่าทางดูเศร้าซึมลงไปเล็กน้อย นางพึมพำกับตัวเอง "ทำไมถึงเอากลับมาไม่ได้ล่ะ ข้าสิ้นหวังแล้วหรือ"
เมื่อเห็นความคับข้องใจอันน่าสงสารของนาง ม่อเทียนก็รู้สึกสงสารขึ้นมา "พื้นฐานการบำเพ็ญของเจ้ามีน้อยเกินไป การดึงวิญญาณกลับคืนมาจึงค่อนข้างช้า แต่ถ้าเราแลกเปลี่ยนหยินหยางกันหนึ่งครั้ง เจ้าจะสามารถยืดอายุต่อไปได้เจ็ดวัน และถ้าหากในอนาคตพื้นฐานการบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้น จิตวิญญาณก็จะถูกดึงกลับคืนมาได้เร็วขึ้น"
"จริงเหรอ" เสี่ยวชิงร่าเริงขึ้นทันที และมอง ม่อเทียนด้วยสายตามีความหวัง
“เป็นความจริง… ต่อไปในอนาคตเจ้าต้องเร่งบำเพ็ญเพื่อให้ตบะสูงมากขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็ถือว่าข้ายังรอด ข้าขอออกไปข้างนอกได้ไหม” นางถามม่อเทียนขณะที่นางเดินไปพื้นเย็นด้วยเท้าเปล่า
ม่อเทียนสะบัดมือร่ายคาถา ตรงบริเวณที่นางยืนปรากฏรองเท้าผ้านุ่มๆ ขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นหันไปพูดปฏิเสธกับหญิงสาว "ไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ "
"เพราะเจ้ายังไม่ได้วิญญาณของเจ้ากลับมา การออกไปคนเดียวมันอันตรายมาก" "
เสี่ยวชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มือของนางบิดเสื้อคลุมบนร่างไปมาด้วยความกระวนกระวายใจ ทำท่าทางเหมือนกับกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง
ม่อเทียนผงะกับอารมณ์กะทันหันของนางและถามด้วยความสงสัย "ทำไมเจ้าถึงอยากออกไปข้างนอก"
"ข้าจะไปพบพี่เสี่ยวซู่ของข้า"
"พี่เสี่ยวซู่…คือใคร"
"เมื่อวานข้าออกมาข้างนอกคนเดียวและหายไปนานขนาดนี้ พี่เสี่ยวซู่ต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ "
เสี่ยวชิงแล้วก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ม่อเทียน เกือบจะสงสัยว่านาง ปีศาจงูหรือปีศาจแมงกะพรุนกันแน่ทำไมมันถึงมีน้ำตามากมายขนาดนี้
น้ำ...
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ม่อเทียนก็ลูบมือขวาของเขาด้วยท่าทางที่ผิดปกติ
เสี่ยวชิงร้องไห้ไปพลางจ้องมองเขาไปด้วย เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาเขม่ง ม่อเทียนก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เจ้ามองอะไรน่ะ”
“ท่านเป็นปีศาจตัวใหญ่ ต้องมีของวิเศษที่ทรงพลังมากมายไม่ใช่หรือ ท่านต้องมีของวิเศษที่ช่วยป้องกันภัยอันตรายให้ข้าได้แน่!"
"ใครคือปีศาจตัวใหญ่!" ม่อเทียนโกรธจนแทบกระอักเลือด "ข้าคือเทพมังกร!"
"แล้วท่านมีของวิเศษบ้างไหมล่ะ"
เจ้างูน้อยตัวนี้ไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร นางแค่ต้องการของวิเศษเท่านั้น
ม่อเทียนมุมปากกระตุก เขาหยิบระฆังสีทองออกจากแขนเสื้อ จากนั้นก็สวมมันไว้ที่ข้อมือของนาง "นี่สำหรับเจ้า มันบรรจุจิตสำนึกของข้าและเลือดมังกร มันปกป้องเจ้าได้ และสามารถทำให้ข้าหาเจ้าเจอ”
ดวงตาของเสี่ยวชิงสว่างขึ้น นางชูกำไรที่มีระฆังทองขึ้นมาอย่างมีความสุข ยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหู
“ถ้าเช่นนั้นข้าไปหาพี่เสี่ยวซู่ก่อนนะ” นางก้มหน้าลงสอดเท้าเล็ก ๆ เข้าไปในรองเท้าผ้านุ่ม ๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
"นี่!" ม่อเทียนตะโกนตามหลัง "เจ้าต้องกลับมาภายในสองวัน ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นน้ำแกงเนื้องูแน่!"
"อ้อ" เสี่ยวชิงพยักหน้าโดยไม่หันกลับมามอง
“เจ้าได้ยินหรือไม่!” ม่อเทียนกัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว
"เข้าใจแล้ว!"
เมื่อเห็นร่างสีขาวเล็กๆ หายไปที่ปลายบันไดยาว ม่อเทียนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ