บทที่สิบเก้า

1810 Words
แพรววารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าเรื่องเล่าของเธอกับจิตติพัฒน์ เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายลมพัดมาและพัดไป แม้เธอไม่เคยคิดจะป้าวประกาศในเรื่องนี้ ทว่าเด็กสาวก็ไม่ปฏิเสธว่าหลังจากที่ได้พูดออกไปมันเหมือนยกก้อนหินลูกใหญ่ออกจากอกได้ ที่สำคัญเสมอแมนก็เลิกยุ่งกับเธอแล้วหลังจากเหตุการณ์ในโรงอาหาร และมันรวมไปถึงการที่เสมอแมนลาออกจากชมรมนักวิ่งด้วยเช่นกัน แพรววาไม่ได้ต้องการอยากให้เสมอแมนลาออกจึงตั้งใจว่าจะไปคุยด้วย เพราะเธอมองเห็นว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ด้านนี้จึงไม่อยากให้ทิ้งเปล่า ระหว่างที่เธอกำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเสียงข้อความบนโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เมื่อแพรววาได้อ่านข้อความก็ถึงกับถอนหายใจเพราะอาทิตย์หน้าที่จะมาถึง พศพัชร์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้านแล้ว มันทำให้เธอคิดไม่ตกเลยว่าจะนัดเจอกับจิตติพัฒน์อย่างไรดีไม่ให้ถูกพ่อจับได้ ทันใดนั้นเองยุวดีก็วิ่งกลับมาที่ห้องเรียนประจำด้วยสีหน้าตื่นตระหนก สร้างความสงสัยให้กับกลุ่มแพรววามาก ๆ "เกิดอะไรขึ้นเหรอ ใยบัว" หยาดรุ้งถาม "ทำไมทำหน้าตาตื่นแบบนั้น" "นั้นสิ เห็นผีมาหรือไงย่ะ" คติยาพูดขณะกำลังสะพายกระเป๋าเรียน ยุวดีพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย "ยิ่งกว่าเห็นผีอีก เมื่อกี้ฉันพึ่งออกจากห้องน้ำมาและกำลังจะเดินขึ้นอาคารเรียน" ยุวดีเดินมาจัดการ ข้าวของของตัวเองบ้างเหมือนกัน "ฉันเห็นพี่เสมอแมนมาขอยัยเบลล่าคบเป็นแฟนนะสิ" "อะไรนะ !" นับว่าเป็นเรื่องที่ทั้งน่าตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกันโดยเฉพาะกับแพรววา เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน ๆ ยุวดีจึงอธิบายว่าเสมอแมนเป็นคนเดินไปหาเบลล่าที่กำลังนั่งอยู่กับเพื่อนสองคน ซึ่งก็คือชอนอูจินกับโซอี้และทั้งคู่กลายเป็นพยานในการขอเป็นแฟนของรุ่นพี่ ผู้ที่เบลล่าแอบชอบมานานจนยอมเป็นศัตรูกับแพรววา และเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนในโรงเรียน ยุวดียังเล่าต่ออีกว่าสีหน้าของเบลล่าที่เมื่อรู้ว่าตนเองได้กลายเป็นแฟนกับคนที่แอบปลื้มแอบชอบมานาน แก้มของเบลล่ากลายเป็นสีชมพูเหมือนลูกดอกท้อพร้อมรอยยิ้มกุมชัยชนะ แพรรวาพยักหน้าเป็นการรับรู้เพราะเป็นเรื่องที่เธอไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ทว่ายุวดีก็ยังมีท่าทีติดใจบางอย่างอยู่เพราะในช่วงที่เสมอแมนขอเบลล่าเป็นแฟน จังหวะหนึ่งยุวดีได้ยินเสียงของใครบางคนพูดว่า "จอมลวงโลกเอ้ย" ซึ่งพอเธอหันไปตามต้นเสียงจึงรู้ว่าเป็นเสียงของคริสติน่า หนึ่งในกลุ่มเพื่อนของเบลล่าและยังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วย สิ่งที่ยุวดีสงสัยคือทำไมคริสติน่าถึงไม่อยู่กับเบลล่าและทำไมถึงพูดแบบนั้น ฝั่งนาถชญาแสดงความเห็นว่าระยะหลัง ๆ มานี้คริสติน่าแทบจะไม่อยู่กับเบลล่าเลย ราวกับว่าทั้งสองคนยุติมิตรภาพต่อกันแล้ว คติยาสั่นศีรษะเล็กน้อยและคิดว่าเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่มีประโยชน์ที่พวกเธอจะต้องอยากรู้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งกลุ่มพากันเดินออกมาจากห้องเรียนและตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน แพรววาเล่าเรื่องที่อาทิตย์หน้าพศพัชร์จะเดินทางกลับบ้านแล้ว สิ่งที่รบกวนจิตใจของเด็กสาวในตอนนี้คือจะหาเวลาไหนนัดเจอกับจิตติพัฒน์ดี โดยที่ไม่โดนพ่อจอมหวงจับได้เพราะมันอาจเป็นเรื่องใหญ่ (สำหรับพศพัชร์คนเดียว) มณีอรที่มองความเห็นว่าลองใช้ช่วงเวลานี้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายไปก่อน ส่วนเรื่องต่อจากนี้ค่อยว่ากันก็ยังไม่สายและที่สำคัญพวกเธอจะช่วยด้วย แพรววาที่ได้ยินหัวใจก็พองโตไม่น้อย พวกเธอเดินคุยกันจนพากันลงจากอาคารเรียนและตรงมายังรถจอดรออยู่ โดยแพรววาบอกกับโทบี้ให้พาไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก โทบี้พยักหน้ารับคำสั่งและขับรถแล่นออกจากรั้วโรงเรียน ในเสี้ยววินาทีนั้นเองที่เด็กสาวหันไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนมองไปที่สนามกีฬาซึ่งเสมอแมนอยู่ที่นั้น แม้จะแค่แวบเดียวแต่แพรววาสัมผัสได้ว่ามันคือแววตาของคนที่กำลังโกรธปนมาด้วยความเสียใจ ❤️❤️❤️❤️❤️ จิตติพัฒน์ตัดสินใจส่งข้อความนัดเจอกับแพรววาอีกรอบ เนื่องจากว่าอีกสองถึงสามวันพวกเขาต้องกลับเมืองหลวง เพื่อไปรายงานตัวกับทางศูนย์บัญชา ฯ ก่อนจะเดินทางไปกับทีมของร้อยเอกจันฮุน เด็กหนุ่มจึงอยากนัดเจอกับแพรววาเพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาที่นี่อีกไหม สามนาทีต่อมาแพรววาส่งข้อความตอบกลับในการนัดเจอของเขา โดยแพรววายังส่งข้อความมาบอกด้วยว่าตอนนี้เธออยู่ร้านอาหารไม่ไกลจากบ้าน พร้อมกับส่งพิกัดที่อยู่มาให้กับเขาและข้อความใหม่ที่ระบุว่า หลังจากที่เพื่อน ๆ กลับกันหมดแล้วเธออาจเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะออกมาเจอกับเขาที่สวนสาธารณะในหมู่บ้านโดยหวังว่าจะเจอเด็กหนุ่มรออยู่ที่นั้น เมื่อจิตติพัฒน์อ่านข้อความเสร็จแล้วเขาก็เรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปที่นั้น เนื่องจากบริเวณที่เขาอยู่ไม่มีป้ายรถประจำทางนั้นเอง ฝั่งแพรววาหลังจากที่กลุ่มมณีอรพากันกลับบ้านกันหมดแล้ว เธอก็รีบแต่งตัวใหม่และเดินออกจากบ้านโดยอ้างกับป้าเอมว่า จะไปเดินเล่นรับลมเพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย โชคดีที่ป้าเอมไม่ได้สงสัยอะไรทำให้แพรววาผ่านด่านมาได้อย่างไม่ยากเย็น สวนสาธารณะในหมู่บ้านของแพรววาจะติดอยู่กับท่าเรือสำหรับไว้เช่าตกปลาโดยเฉพาะ เธอเดินมาตรงที่จะมองเห็นวิวของแม่น้ำได้ชัดเจน เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่นัดเจอกับจิตติพัฒน์และทันทีที่เดินมาถึง แพรววาก็เห็นจิตติพัฒน์กำลังยืนมองแม่น้ำตรงริมระเบียงของสะพาน ที่ส่วนใหญ่นักตกปลาจะใช้ในการนำคันเบ็ดพิงเอาไว้ แล้วรอให้ปลากินเหยื่อของพวกเขา ทว่าด้วยเวลาใกล้ค่ำแล้วจึงไร้วี่แววของนักตกปลา เหลือแค่เพียงสองหนุ่มสาวที่เดินมายืนเคียงคู่กัน แพรววาเอามือเล่นผมแก้เขินเล็กน้อยก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนา "เธอมารอนานไหม เจต" แพรววาถามแม้จะเคยเดตกับอีกฝ่ายมาแล้ว แต่เธอก็ยังใจเต้นอยู่ดี จิตติพัฒน์หันมามองแพรววาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ "ฉันพึ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง" สักพักเขาก็เงียบไปจนแพรววาต้องหันมามอง "แพรว... ฉันมีเรื่องจะต้องบอกกับเธอน่ะ" "มีเรื่องอะไรหรอ" แพรววาถาม รู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อเห็นสีหน้าของจิตติพัฒน์แล้ว "อีกสองวันข้างหน้า.... ฉันต้องกลับเมืองหลวงกันแล้ว" แพรววาชะงักไปครู่หนึ่งและนาทีต่อมาเธอก็เหมือนจะตั้งสติกลับมาได้ "บ้านเธออยู่ที่เมืองหลวงเหรอ" แพรววาถามต่อ "ใช่ และค่ายที่ฉันกับเพื่อน ๆ สังกัดอยู่ในเมืองหลวง ฉันต้องไปรายงานตัวน่ะ" จิตติพัฒน์อธิบาย "มันเป็นขั้นตอนของการทำภารกิจปฏิบัติหน้าที่ของทหารกับยุวชนทหาร" "แล้วเธอไปนานแค่ไหน" "คำถามนั้น... ฉันให้คำตอบแน่นอนไม่ได้หรอก อาจเป็นเดือนหรือสามเดือนเลย" แพรววาเข้าใจแล้วว่าทำไมจิตติพัฒน์ถึงอยากมาเจอเธอ มันเป็นเพราะเขาต้องกลับเมืองหลวงแล้วแถมไม่รู้ว่า จะได้กลับมาที่นี่อีกไหมแปลได้อีกอย่างว่าเธออาจต้องรอเขาอย่างไร้จุดหมาย แค่คิดว่าจะไม่ได้พบกับเด็กหนุ่มอีกแล้วหัวใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ราวกับมีใครเอาเข็มมาทิ่มแทงหัวใจมันเป็นอาการที่แพรววาไม่เคยเป็นมาก่อน นาทีนั้นทำให้เด็กสาวนึกถึงพิมพ์พรรณขึ้นมาทันที หากจิตติพัฒน์ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงมันย่อมหมายความว่า โชลเมทของพิมพ์พรรณต้องกลับเมืองหลวงด้วยเพราะอยู่กลุ่มเดียวกับจิตติพัฒน์ แพรววานึกเสียดายแทนพี่สาวของเธอที่ไม่มีโอกาสทำความรู้จักกับอีกฝ่ายเลย ระหว่างที่แพรววาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จิตติพัฒน์สังเกตเห็นว่าเด็กสาวดูเงียบผิดปกติไป ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาทำให้แพรววาลำบากใจอยู่หรือเปล่า ทว่ายังไม่ทันที่จิตติพัฒน์จะเปิดปากพูดอะไรออกมา แพรววาก็หันมาชิงพูดก่อนเขาว่า "เจต ฉันมีเรื่องอยากขอร้องอะไรเธอหน่อย" เด็กหนุ่มมองหน้าแพรววาด้วยความฉงนใจ "เธออยากให้ฉันทำอะไรหรือ" เด็กสาวคิดว่าควรให้พิมพ์พรรณได้เจอกับโชลเมทด้วยคงดีไม่น้อย "เพื่อนของเธอคนที่ใส่แว่นน่ะ เขามีชื่อว่าอะไรเหรอ" จิตติพัฒน์ยอมรับว่าไม่เคยรู้สึกแปลกใจแบบนี้มาก่อน แพรววาถามหามงคลพัสทำไมหรือมันมีอะไรบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทของเขาหรือเปล่า ฉับพลันภาพของเด็กสาวอีกคนที่มีใบหน้าละหม้ายคล้ายกับแพรววา ซึ่งดูเหมือนว่าเธอน่าจะกลายเป็นคู่ผูกวิญญาณของมงคลพัสในอนาคต แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่จิตติพัฒน์คิดเท่านั้นสืบเนื่องจากว่ามงคลพัสกับเด็กสาว ก็แทบไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้และเขาเชื่อว่าแพรววาคงต้องการให้พี่สาวของเธอเจอกับมงคลพัสอย่างแน่นอน "พี่สาวของเธอ... มีความเกี่ยวข้องกับเพื่อนของฉันยังไงเหรอ" แพรววาลืมไปเสียสนิทเลยว่าเธอไม่เคยเล่าเรื่องที่พิมพ์พรรณคือโชลเมทของเพื่อนจิตติพัฒน์ แพรววาครุ่นคิดอยู่สี่นาทีก่อนจะเงยหน้ามองจิตติพัฒน์ที่กำลังรอคำตอบจากเธอ "เจต ฉันอยากให้พี่สาวของฉันได้เจอกับโชลเมทของเขาสักครั้ง เธอจะพาเพื่อนคนนั่นมาพบพี่สาวฉันในวันพรุ่งนี้ได้ไหม" ❤️❤️❤️❤️
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD