1
“ช่วยด้วย...อย่า...กรี๊ดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องและเสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงคนหนึ่ง ดังมาจากป่ารกข้างทาง ที่อยู่ใกล้กับสวนอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง ทำให้พิมลวัลย์ต้องเดินตามเสียงนั้นไป เพราะเสียงนั้นบ่งบอกได้ว่าต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
ภาพที่เธอเห็นทำให้ร่างของพิมลวัลย์แข็งทื่อ เมื่อหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกชายวัยฉกรรจ์สามคนรุมข่มขืนอย่างเลือดเย็น โดยมีร่างของชายหนุ่มอายุน่าจะประมาณสิบสี่ปี นอนสลบอยู่ห่างจากร่างของหญิงสาวที่ถูกทำร้ายไม่มากนัก ร่างของสตรีนางนั้นมีร่างหนาของชายจิตใจทราม บรรเลงกามอยู่อย่างไม่สะทกสะท้านกับความผิดที่ตัวเองก่อไว้
“หยุดนะ!” เสียงใสตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธ ชายสองคนหันมาทางต้นเสียง โดยที่ชายอีกหนึ่งตั้งหน้าตั้งตากระทำเรื่องชั่วช้าต่อไป โดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของพิมลวัลย์เลย
“เรียกทำไมจ๊ะน้องสาว หรือว่าอยากจะร่วมวงกับพี่...แม่เจ้าโว้ย!!...น้องนี่สวยกว่าแม่คนนี้อีก มามะ มาเป็นเมียพี่เสียดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนแม่คนนี้” ชายร่างท้วมพูดอย่างสนุกปากและมีสีหน้าหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลยว่ากำลังชะตาขาดในไม่กี่นาทีนี้
“ฉันบอกให้หยุดไง...หยุดเดี๋ยวนี้นะ” พิมลวัลย์ร้องตะโกนบอกชายที่กำลังเคลื่อนไหวบนร่างของสตรีที่หมดสติอยู่ หากแต่มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธอจึงดึงบางอย่างที่อยู่หลังเอวออกมา ก่อนจะเล็งไปที่ร่างของชายคนนั้น ท่ามกลางสายตาที่ตื่นกลัวของชายอีกสองคน ที่เห็นปืนสีเงินอยู่ในมือของพิมลวัลย์
ปัง...เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ก่อนที่ร่างของชายใจทรามที่เธอร้องห้ามปรามจะนอนหงายลงไปชักดิ้นอยู่ที่พื้นเมื่อสิ้นเสียงปืน โดยที่ร่างกายท่อนล่างของมันเปลือยเปล่า ก่อนจะหมดลมหายใจในวินาทีต่อมา ชายสองคนที่เหลือต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นร่างของเพื่อนนอนหมดลมหายใจอยู่ ชายทั้งสองต่างร้องขอชีวิตจากพิมลวัลย์เมื่อเธอเล็งปืนมาที่เขาทั้งสอง
“อย่าทำอะไรผมเลยครับ...ผมกลัวแล้ว” ชายร่างท้วมร้องขอความเมตตาจากพิมลวัลย์
“กลัวเป็นด้วยเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นคงร้องขอชีวิตจากพวกแกเหมือนกัน อ้อนวอนไม่ให้แกทำเรื่องเลวทรามนี่ พวกแกฟังเธอบ้างหรือเปล่า?...คำตอบของพวกแกก็คือไม่ มันก็เหมือนกับคำตอบของฉันเหมือนกัน” เสียงที่บ่งบอกถึงความจริงจัง ทำให้ชายทั้งสองลนลานและหวาดกลัวกับความตายที่รออยู่เบื้องหน้า
เสียงปืนของพิมลวัลย์ที่ดังขึ้น ทำให้สกลรับรู้ได้ว่าต้องเกิดเรื่องกับพิมลวัลย์เจ้านายสาวเป็นแน่ จึงนำลูกน้องคู่ใจอีกสองคนออกไปตามหาพิมลวัลย์ ทั้งสามเดินออกมาจากร้านอาหารเรือนผกา ห้องอาหารริมชายทะเลหาดหัวหินที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติของอาหารและความสวยงามของเจ้าของร้าน เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเขาทั้งสามก็ได้ยินเสียงปืนอีกหนึ่งนัด และทิศทางเสียงที่พวกเขาได้ยินมาจากป่าที่รกครึ้มข้างทาง
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นครับ?” สกลเอ่ยถามเจ้านายสาวของเขาอย่างร้อนรน เมื่อเห็นร่างของชายคนหนึ่งนอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กับหญิงสาวที่นอนหมดสติ ส่วนเด็กหนุ่มวัยประมาณสิบสี่ปีนอนสลบไม่ห่างกันมากนัก ส่วนชายอีกคนถูกยิงที่ขา และอีกคนนั่งพนมมือไหว้ร่างกายสั่นด้วยความหวาดกลัว
“พวกมันสามคนข่มขืนผู้หญิงคนนั้นแล้วทำร้ายเด็กหนุ่มคนนี้จนสลบ พี่สกลจัดการที เอาให้ตายตามเพื่อนมันไปเลยนะ แล้วจัดการกับศพด้วย ส่วนพี่เชิดกับพี่ชิดพาผู้หญิงและเด็กคนนั้นไปที่บ้านพักของมลด้วย” พิมลวัลย์สั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านพักของเธอที่อยู่ด้านหลังของร้านอาหาร
สกลจัดการกับชายทั้งสองที่เหลือได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงแค่ไม่กี่อึดใจร่างของชายทั้งสองที่เหลือต่างหมดลมหายใจนอนเคียงคู่กัน ก่อนจะเอาศพของชายทั้งสามเข้าไปในป่าลึก
หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายนอนสลบไม่ได้สติมาหนึ่งวันหนึ่งคืนหลังจากที่เกิดเหตุ ส่วนเด็กหนุ่มได้ฟื้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น แต่ที่ทำให้พิมลวัลย์สงสารผู้หญิงคนนี้จับใจก็คือ ในขณะที่พวกมันรุมข่มขืนเธออย่างทารุณ เธอตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนเศษ เป็นที่เวทนาของเธอและบุคคลที่นี่เป็นอย่างยิ่ง
จากคำบอกเล่าของไกรวิทย์ผู้เป็นน้องชายของศิริมาหญิงสาวผู้น่าสงสาร จับใจความได้ว่าศิริมาเป็นผู้หญิงของนายปกรณ์ รัตนะบดินทร์ นักธุรกิจชื่อดังและเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจ ที่ใช้ผู้หญิงเปลืองมากที่สุดของเมืองไทย เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็นดารา นางแบบ หรือไฮโซที่หมายจะจับจองสี่ห้องหัวใจของคาสโนว่าผู้นี้ ศิริมาเองเป็นหนึ่งในนั้น ศิริมาเป็นพนักงานในบริษัทของปกรณ์ มีความสัมพันธ์กันบ่อยครั้งตามแต่ที่เขาจะเรียกหา
จนกระทั่งปกรณ์เกิดความเบื่อหน่ายจึงตัดความสัมพันธ์กับเธอทันที และมอบเงินให้จำนวนหนึ่งเป็นการตั้งตัว สองพี่น้องเดินทางมาที่หัวหินเพื่อตามหาญาติเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ หากแต่เมื่อมาถึงก็พบว่าบ้านที่ญาติเคยอาศัยอยู่กลับกลายเป็นที่อยู่ของโรงแรมหรูริมชายหาดไปเสียแล้ว สองพี่น้องจึงเดินหาที่พักราคาถูกที่พอจะอาศัยนอนได้ แต่ระหว่างทางมาเจอกับชายชั่วทั้งสามคนนี้เสียก่อน และเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรพี่สาวได้เลย และที่สำคัญเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่สาวตั้งครรภ์
“ถ้าไม่มีที่ไปก็อยู่ที่นี่แหละ...ไม่ต้องระเหเร่ร่อนไปที่ไหนอีก” พิมลวัลย์พูดเสียงนุ่มแฝงไว้ด้วยความเมตตา ไกรวิทย์พนมมือไหว้สตรีที่ใบหน้าพริ้มเพรา สวยสง่าตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ ในความโชคร้ายของสองพี่น้องยังมีความโชคดีอยู่บ้าง
“ช่วยด้วย...ไม่นะ...อย่า” ทันทีที่ศิริมาลืมตาตื่นขึ้นมา เธอมีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด กรีดร้องเป็นบางครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว หากมีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ เสียงกรีดร้องและคำพูดร้องขอความเห็นใจจะพรั่งพรูไม่ขาดปาก ทำให้บุคคลที่พบเห็นเวทนาสงสารยิ่งนัก เพราะสติที่เคยสมบูรณ์ของเธอได้เตลิดไปไกลเสียจนไม่อาจเรียกกลับคืนได้แล้ว พิมลวัลย์จึงพาศิริมาไปอยู่ที่บ้านพักในจังหวัดลำปาง เพื่อที่จะให้เธอลืมเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ เนื่องจากศิริมามักกรีดร้องออกมาเมื่อมองไปที่ป่ารกข้างทาง มันคือภาพในนิมิตที่ศิริมาไม่มีทางลืม
พิมลวัลย์วัยยี่สิบสองปี ลูกสาวของตำรวจนอกราชการ ที่เสียชีวิตจากการโดนลอบทำร้ายระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง พิมลวัลย์ได้เลือดของบิดามาอย่างเข้มข้น เธอรักความยุติธรรม กล้าหาญ เข้มแข็งและมีความอดทนเป็นเลิศ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ พูดจริงและทำจริงเสมอ นักเลงหัวไม้หรือว่านักการเมืองท้องถิ่น ต่างไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะรู้กิตติศัพท์ของเธอดีว่าห้าวเกินหญิงขนาดไหน และไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลอะไรทั้งสิ้น ชนิดที่ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน
พิมลวัลย์ดูแลเอาใจใส่ศิริมาเป็นอย่างดีจนเธอไว้ใจพิมลวัลย์มาก กว่าใคร แต่เหตุสลดใจก็เกิดขึ้น เมื่อศิริมาคลอดบุตรสาวหน้าตาน่ารักน่าชังคนหนึ่ง พอคลอดได้สามวันเธอได้เสียชีวิตลง อาจเป็นเพราะเธอเสียเลือดมากจนช็อก ซึ่งคณะแพทย์พยายามช่วยชีวิตเธออย่างเต็มที่ พิมลวัลย์จึงรับบุตรสาวของศิริมาเป็นลูกบุญธรรมของตัวเอง และเลี้ยงดูเด็กน้อยคนนี้เป็นอย่างดี ประหนึ่งลูกที่ก่อกำเนิดมาจากครรภ์ของตน