“เมื่อคืนป๋าไม่ได้นอนเหรอคะ ทำไมตาเป็นแพนด้าเลย”
เมื่อเห็นรอบดวงตาคมกริบมีรอยคล้ำบวกกับท่าทางอิดโรยดูอ่อนล้าของชายหนุ่ม พลอยไพลินก็อดห่วงไม่ได้ หญิงสาวคิดว่าเมื่อคืนเขาอาจจะหนีไปทำงานต่อหลังจากที่เธอหลับไป เพราะมหาเศรษฐีระดับเขาคงไม่ค่อยมีเวลาได้พักสักเท่าไหร่
‘ถามได้ว่าไม่ได้นอนเหรอ…ก็ใครล่ะที่นอนยั่ว นอนเบียดทั้งคืนทำขนาดนี้ใครจะไปหลับลง!’
คลินท์ได้แต่แอบเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจโดยไม่ยอมพูดมันออกมา เพราะไม่อยากถูกมองว่าเป็นผู้ชายหื่นกามโรคจิตและไม่น่าไว้วางใจ
“อืม”
พยักหน้าตอบเพียงสั้นๆเพื่อเลี่ยงการสนทนาถึงเรื่องเมื่อคืน ตั้งแต่เกิดมาสาบานได้เลยว่าเขาไม่เคยต้องอดทนต่อเรือนร่างนุ่มนิ่มของผู้หญิงที่นอนอิงแอบตลอดคืนแบบนี้มาก่อน
“ทำงานหนัก หลับดึก ก็ต้องดูแลตัวเองหน่อยนะคะป๋า ถึงป๋าจะมีหน้าตาหล่อเป็นทุนเดิมแต่ถ้าไม่ดูแลเอาใจใส่จะแก่ไวนะคะ”
พลอยไพลินบอกด้วยความห่วงใยจากส่วนลึกของใจ หญิงสาวไม่อยากให้เขาโหมงานหนักจนลืมดูแลตัวเอง เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวและใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาในระยะยาวได้ แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าไม่สนใจความห่วงใยของเธอเลยสักนิด พลางคิดไปว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด!
“ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรไม่ได้ค่ะป๋า ถ้าป๋าหน้าเหี่ยวเสียดายความหล่อแย่เลย”
“กรุณาหยุดจับหน้าผมแล้วบี้เหมือนผมเป็นน้องหมาที่บ้านของคุณเสียที”
คลินท์เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีเมื่อจู่ๆหญิงสาวก็เดินมาประชิดตัวแล้วจับแก้มสากของเขาบี้แรงๆทำท่าหมั่นเขี้ยวพร้อมย่นจมูกใส่ราวกับคนที่กำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อคืนก็เตือนเธอไปรอบหนึ่งแล้วแต่เธอก็ยังทำแบบนี้กับเขาอีก คลินท์ไม่แน่ใจว่าที่เธอทำแบบนี้เพราะไม่สนใจฟังที่เขาพูดหรือเพราะต้องการยั่วโมโหเขากันแน่
“ก็ป๋าน่ารักนี่ เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหวทุกที”
“ถ้ายังไม่หยุดบี้หน้าผมลงโทษด้วยการจับปล้ำเลยดีไหมเนี่ย!”
น้ำเสียงห้วนสั้นหนักแน่นทำให้พลอยไพลินต้องหยุดการกระทำในทันที เธอไม่ได้กลัวคำขู่เขาหากแต่สะกิดใจกับประโยคที่เขาพูดกับเธอมากกว่า
‘นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย! ป๋าขู่จะปล้ำฉัน ถามจริง…คนที่นกเขาไม่ขันเขามีอารมณ์เล่นอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ สงสัยงานนี้เราต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเสียแล้ว’
“ตื่นแล้วก็กลับห้องไปได้แล้ว”
คลินท์เอ่ยปากไล่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังยืนนิ่งไม่มีท่าทีว่าจะเดินออกไปจากห้องของเขาสักที
“ทราบแล้วค่ะป๋า ถ้างั้นหลังจากป๋าทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมารอหนูที่โซฟาด้านนอกนะคะ”
“รอทำไม”
คิ้วดกเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามด้วยความสงสัย แล้วก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มสดใสพร้อมกับเสียงใสๆว่า
“หนูจะให้รางวัลค่ะ แทนคำขอบคุณที่ป๋านอนเป็นเพื่อนเมื่อคืนนี้”
“ผมไม่ต้องการรางวัล ดะ…เดี๋ยวก่อนนิลิน…โถ่เว้ย!”
คลินท์ต้องสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อเรียกเธอไว้ไม่ทัน เพราะเจ้าหล่อนรีบหมุนตัวก้าวยาวๆเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูตามหลังเสียงดังปัง!
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเป็นชุดนักศึกษาเสร็จ พลอยไพลินก็เดินออกมาจากห้องพร้อมอุปกรณ์มาร์คหน้าและครีมบำรุงผิวหน้าเซตใหญ่ หญิงสาวเดินมาหย่อนก้นลงบนโซฟาข้างชายหนุ่มพร้อมวางอุปกรณ์ลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า ก่อนจะหันมาทางเขาพร้อมกับลงมือกับใบหน้าหล่อเหลาทันที
“จะทำอะไรนิลิน เดี๋ยวสักพักผมมีประชุม”
คลินท์เอ่ยถามพร้อมบอกกับหญิงสาวแล้วทำหน้ายุ่ง เรื่องของเรื่องที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะสาวเจ้าบอกว่าเขาจำเป็นต้องดูแลใบหน้า และนี่ก็เป็นรางวัลที่เธอพูดถึงเมื่อเช้านั่นเอง
“อยู่เฉยๆน่าป๋า หนูจะทำให้ป๋าหน้าเด้งมีออร่าเอง”
เสียงหวานใสดุคนตัวใหญ่ที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่
“เชิญเข้ามาเลยค่ะ ประตูไม่ได้ล๊อก”
เสียงหวานตะโกนอนุญาตออกไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เช้าๆแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเบนลีเลขาคนสนิทของคลินท์หรือไม่ก็การ์ดของเธอ นี่ก็คงได้เวลาเริ่มงานสำหรับวันใหม่แล้ว
“อุ้ย!”
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก เบนลีก็ต้องอุทานกับภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
หญิงสาวกำลังตั้งอกตั้งใจชโลมครีมลงบนใบหน้าหล่อเหลา ในขณะที่เจ้านายหนุ่มนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาตัวใหญ่พร้อมเอาหัวหนุนขอบโซฟาไว้ในท่าเงยหน้าขึ้น จากนั้นมือเล็กก็ใช้แผ่นมาสก์หน้ารูปแมวเหมียวน่ารักน่าเอ็นดูทาบลงบนใบหน้าหล่อเหลาทั้งที่คนถูกกระทำดูไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
‘ตอนนี้ท่านแปลงร่างจากพญาราชสีห์ผู้น่าเกรงขาม กลายเป็นแมวน้อยได้มุ้งมิ้งมากครับ’
เบนลีเอ่ยแซวเจ้านายหนุ่มอยู่ในใจพร้อมลอบระบายยิ้มขบขัน หมดกันเจ้านายเรา ภาพพจน์ที่อุตส่าห์สั่งสมมาทั้งชีวิตมาจบลงก็วันนี้แหละ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกภาพหายากไว้เพื่อส่งให้กับคุณนายจันทร์วาด
“เสร็จแล้วค่ะป๋า ครึ่งชั่วโมงค่อยแกะออก ระหว่างนี้ให้อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องพูดหรือหัวเราะนะคะ เดี๋ยวแผ่นมาสก์หน้าจะยับ”
“วะ…ว่าไงนะ ครึ่งชั่วโมง!”
คลินท์ร้องถามเสียงหลงด้วยความตกใจ แต่พอจะขยับลุกขึ้นนั่งก็ถูกเสียงหวานดุปรามเสียก่อน
“หนูบอกว่าให้อยู่นิ่งๆไม่ให้พูดไงคะป๋า แค่ครึ่งชั่วโมงเอง”
“แต่เดี๋ยวผมมีประชุม”
“ประชุมก็เลื่อนไปสิคะ ป๋าเป็นผู้บริหารนะ แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง”
พลอยไพลินเอ่ยแนะนำอย่าไม่ต้องเสียเวลาคิด
“เลื่อนประชุมกับคนเป็นสิบ เพราะต้องมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ ผมไม่ได้มีเวลาว่างมาก ถึงจะมาเล่นเป็นเด็กๆแบบคุณหรอกนะนิลิน”
“ก็ลองดูสิ ถ้าป๋าแกะออกอย่าหาว่าหนูไม่เตือนก็แล้วกัน”
พูดพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดบันทึกภาพใบหน้าของชายหนุ่มไว้ แล้วโชว์ภาพมุ้งมิ้งให้เขาดู คลินท์ขบฟันแน่นที่เสียรู้เด็ก เขาอยากจะกัดลิ้นตายไปเป็นสิบๆรอบเมื่อเห็นหน้าตาของตัวเองตอนนี้ที่ปรากฎชัดบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ขืนภาพนี้หลุดไปบนโลกโซเชียลเมื่อไหร่มีหวังถูกหัวเราะเยาะทั้งวงการธุรกิจแน่
“นี่คุณขู่ผมเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริง ป๋าแกะเมื่อไหร่ภาพพวกนี้แพร่ลงโซเชียลแน่”
พลอยไพลินเชิดหน้าท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว เพราะตอนนี้เธอถือไพ่เหนือกว่า
“นิลิน!”
คลินท์คำรามด้วยความเดือดดาล แต่กระนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน
“หนูขอตัวก่อนนะคะป๋า หนูต้องไปเรียนแล้ว”
พลอยไพลินเอ่ยพลางลุกขึ้นยืนพร้อมหมุนตัวก่อนจะหันมาทางเบนลีที่ยืนอยู่มุมห้อง
“รบกวนคุณเบนลีช่วยจับเวลาให้ป๋าด้วยนะคะ ถ้าป๋าดื้อแล้วแกะแผ่นมาสก์หน้าออกก่อนเวลาช่วยโทรบอกนิลินด้วยนะคะ เดี๋ยวนิลินจะกดโพสต์รูปป๋าลงโซเชียลเอง”
“ครับคุณนิลิน”
เบนลีตอบรับคำหญิงสาวก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาพลิกดูเริ่มจับเวลา แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเรียบเย็นของผู้เป็นนายถามเสียงลอดไรฟัน
“นายรับเงินเดือนจากใครมิทราบเบนลี”
“จากท่านครับ”
“ฉันก็นึกว่านิลินเป็นคนจ้างนายเสียอีก”
คลินท์เอ่ยกับเลขาหนุ่ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชัน เมื่ออีกฝ่ายทำตามคำสั่งของคนตัวเล็กโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดใด
“ท่านจะเอายังไงต่อดีครับ”
เบนลีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเก็บซ่อนความรู้สึกร้อนๆหนาวๆไว้ข้างใน เพราะไม่อยากทำให้เจ้านายหนุ่มหงุดหงิด ไม่เช่นนั้นวันนี้จะกลายเป็นวันที่แสนจะโหดร้ายไปอีกวัน
“เอายังไงถามได้ จัดการเลื่อนประชุมสิวะ”
คำสั่งขุ่นๆนั้นทำให้เบนลีต้องลอบยิ้มเมื่อสิ่งที่คาดไว้กับความเป็นจริงสวนทางกัน เพราะทีแรกเขานึกว่าเจ้านายหนุ่มจะแน่ แต่พอเอาเข้าจริงก็กลัวคำขู่เด็กซะงั้น สงสัยงานนี้การประชุมต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจะครบเวลาตามที่หญิงสาวกำชับไว้ก่อนไป
“ครับท่าน”