ดารินทร์ท่องเที่ยวไปรอบๆ เกาะด้วยความเพลิดเพลิน หญิงสาวชอบทะเลและชื่นชมความงามของทิวทัศน์ของเกาะ ไกด์พานักท่องเที่ยวจากเรือสำราญ ซึ่งได้ซื้อแพคเกจท่องเที่ยวแบบเหมาจ่าย โดยมีไกด์จากเกาะร้อยดาวรับช่วงต่อ มายังจุดชมวิวบริเวณด้านบนสุดของภูเขา ที่นี่มองลงไปจะเห็นหาดทรายขาวตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล มองเห็นท่าเรือและเรือสำราญลำใหญ่รวมถึงเรือยอร์ชที่กำลังเทียบท่าอยู่
“บริเวณนี้คือจุดชมวิว เรียกว่าเนินร้อยดาว เป็นจุดชมวิวสูงสุดของที่นี่ เราจะแวะให้ทุกท่านได้ชมวิวสวยๆ และถ่ายรูปกันหนึ่งชั่วโมงนะครับ”
ไกด์ผู้นำเที่ยวใช้โทรโข่งประกาศให้นักท่องเที่ยวทราบ ก่อนที่จะนำน้ำเย็นมาแจกให้ทุกคน
“คุณไกด์คะ หลังจากที่เราจะแวะไปที่ไหนกันต่อคะ”
ดารินทร์เอ่ยถามไกด์หนุ่ม เธออยากรู้โปรแกรมล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวถูก
“เสร็จจากจุดนี้ เราจะไปแวะฟาร์มหอยมุกด้านหลังเกาะครับ ที่นี่เลี้ยงหอยมุกและนำมาทำเครื่องประดับส่งออก มีศูนย์แสดงสินค้าให้เลือกซื้อไปฝากคนทางบ้านด้วยนะครับ”
สิ่งที่ไกด์บอกทำให้ดารินทร์นึกในใจว่า มากับเรือสำราญก็ไม่ต่างจากทัวร์ทั่วไป พาเที่ยวแล้วก็พาแวะไปซื้อของ ยอดจำหน่ายคงมีส่วนแบ่งให้ไกด์ด้วย ยิ่งคณะทัวร์นี้มีแต่เศรษฐี คอมมิชชั่นคงได้เยอะ แต่ก็นั่นแหละทางทำมาหากินของใครก็ของมัน เธอได้แค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
“จะให้ผมช่วยถ่ายรูปให้ไหมครับ”
ไกด์หนุ่มถามลูกทัวร์สาว เขาสังเกตเห็นว่าเธอมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ ดูเหมือนจะมีคนอยากให้ช่วยถ่ายรูปให้ ทางนั้นค่ะ”
ดารินทร์ปฏิเสธไป พลางชี้มือบอกให้ไกด์หนุ่มไปช่วยสองสามีภรรยาวัยกลางคนถ่ายรูปแทน ก่อนจะเดินเลี่ยงไปสำรวจรอบๆ บริเวณ เธอไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย มีแค่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด มีฟังชั่งถ่ายรูปได้สวยไม่แพ้กล้องถ่ายรูปของมืออาชีพ ดังนั้นจะพกกล้องให้หนักทำไม
จุดชมวิวเนินร้อยดาวค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณ ดารินทร์ใช้กล้องมือถือของตัวเอง ถ่ายวิวทิวทัศน์ด้วยความเพลิดเพลิน จนมาถึงตรงราวกั้นเธออยากได้รูปวิวด้านหลังที่มีภาพตัวเธอเองด้วย จึงใช้ไม้เซลฟี่ในการถ่ายรูป กดถ่ายได้หลายรูปจนพอใจ กำลังจะเก็บก็มีนักท่องเที่ยวสองคน เดินเข้ามาชนเสียก่อน ไม้เซลฟี่พร้อมมือถือกระเด็นหลุดจากมือร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง ที่มีต้นไม้หนาทึบ ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าของ
“ว้าย ! มือถือของฉัน”
ดารินทร์เกือบผวาตาม โชคดีที่ไกด์หนุ่มมาเห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปคว้าแขนของเธอไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“มือถือของฉันค่ะ มันกระเด็นตกไปแล้ว”
ดารินทร์ชี้มือไปยังจุดตกด้วยท่าทางร้อนใจ นึกเสียดายมือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วก็นึกโมโหคนที่มาชนเธอ ทำให้ต้องเสียของรักไป
“พวกเราขอโทษด้วยนะครับ เรารีบร้อนไปหน่อย พอดีภรรยาของผมเวียนศีรษะเหมือนจะหน้ามืดเป็นลม ผมเลยรีบพาเธอไปหาที่พัก เลยไม่ระวังชนคุณเข้า”
ผู้ชายคนที่ชนเธอรีบขอโทษ ข้างกายเขามีภรรยาสาวที่กำลังหน้าซีดยืนอยู่ด้วย ท่าทางของเธอคล้ายกับคนเป็นลมจริงๆ ดารินทร์จึงคลายความโมโหลง
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ผมจะชดใช้ให้นะครับ เดี๋ยวกลับไปที่พักผมจะโอนเงินคืนให้ทันที”
คนชนรับผิดชอบการกระทำของตน เขามากับคณะของเรือสำราญย่อมมีฐานะระดับเศรษฐี มือถือเครื่องเดียวไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ คุณไกด์คะ ฉันต้องการมือถือเครื่องใหม่โดยเร็วที่สุด”
ดารินทร์พยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกไกด์หนุ่มให้ช่วยจัดการหามือถือเครื่องใหม่ให้เธอ
“ได้ครับ แต่อาจจะต้องขอเวลาสักสามสี่วันนะครับ มือถือรุ่นที่คุณใช้อยู่ ต้องสั่งมาจากร้านบนฝั่ง” ไกด์หนุ่มรีบรับคำ
“ยังไง ถ้าได้เร็วหน่อยก็ดีนะคะ ฉันจำเป็นต้องใช้”
ดารินทร์บอก ก่อนจะเดินกลับไปยังรถตู้ สิ้นสุดการสนทนาเพียงแค่นั้น เธอไม่มีอารมณ์ชมวิวต่อแล้ว
การเจรจาระหว่างนทีกับอัคคีประสบความสำเร็จด้วยดี นทีตกลงการร่วมทุนและเสนอการเข้าร่วมเชนโรงแรมในเครือเมดิสันให้อัคคี ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจในข้อเสนอของกันและกัน หลังจากจบงานอัคคีก็พานทีไปเลี้ยงรับรองที่ร้านอาหารของทางรีสอร์ต กว่าจะเลิกราก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
นทีแวะไปหาดารินทร์ที่ห้องพักของเธอ ทางรีสอร์ตจัดให้พักเป็นกระท่อมที่เรียกว่าวิลล่า เขาเคาะประตูเรียกอยู่สองสามครั้ง เจ้าของห้องถึงมาเปิดประตูให้ ใบหน้างามมีร่องรอยหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด
“โกรธพี่หรือเปล่า ที่ไม่ได้มากินข้าวเย็นด้วย”
นทีเอ่ยขึ้น ด้วยเข้าใจว่าคู่หมั้นสาวอาจไม่พอใจ ที่เขาไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
“ไม่เกี่ยวกับพี่น้ำหรอกค่ะ แค่ดาทำมือถือตกเขา”
ดารินทร์ถอนหายใจแรงๆ สีหน้าไม่คลายความหงุดหงิด ขาดมือถือก็เหมือนขาดปัจจัยหลักในชีวิต ติดต่อพูดคุยกับบิดามารดาก็ลำบาก อยากจะวิดีโอคอลหาก็ไม่ได้ ที่สำคัญไกด์ที่รับปากว่าจะหามือถือเครื่องใหม่ให้เธอ บอกว่ามือถือรุ่นที่เธอใช้งานอยู่ยังไม่วางจำหน่ายในประเทศนี้ หากไม่ถือสาเขาจะซื้อรุ่นอื่นมาให้แทน แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
“เอาของพี่ไปใช้ก่อนไหมครับ พี่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่”
นทีเสนอ พลางหยิบโทรศัพท์ของเขาส่งให้ ดารินทร์ส่ายหน้าไม่ยอมรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวรอเครื่องใหม่ดีกว่า ระหว่างนี้จะได้งดโซเชียลไปพลางๆ คงไม่ลงแดงตายหรอกค่ะ” ดารินทร์บอก
“พรุ่งนี้พี่ว่างเดี๋ยวพี่พาน้องดาวขึ้นฝั่ง ไปหาซื้อเครื่องใหม่ดีไหมครับ” นทีพยายามเอาใจ
“แล้วงานของพี่น้ำล่ะคะ”
“งานพี่เสร็จแล้ว เหลือแค่รอทางเมดิสันส่งสัญญามาให้ทางฝ่ายนี้เซ็นก็เรียบร้อย ส่วนเรื่องร่วมทุนพี่ต้องเสนอเรื่องให้ที่ประชุมบริษัทอีกที”
งานของนทีเสร็จแล้ว เขาจึงมีเวลามาดูแลคู่หมั้นสาว
“ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่น้ำจนเกินไป”
ดารินทร์เอ่ยอย่างเกรงใจ รู้สึกดีกับคู่หมั้นหนุ่มที่ใส่ใจเธอ บางทีเธออาจจะลองเปิดใจให้เขาดูบ้าง การหมั้นหมายจะได้ไม่อึดอัดใจจนเกินไป
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ พี่จะมารับตอนเก้าโมงนะครับ พี่ขอตัวไปพักผ่อนก่อน น้องดาวหลับฝันดีนะครับ”
นทีนัดหมายแล้วเอ่ยลา ดารินทร์เดินมาส่งเขาที่หน้าห้อง ก่อนจะปิดประตูแล้วกลับเข้าห้องของตัวเองไป หญิงสาวนอนเล่นอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลานอน จึงแต่งตัวลงมาเดินเล่นชายหาด คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดแสงดาวพราวระยับเต็มท้องฟ้า บรรยากาศเงียบสงบและงดงามสมกับชื่อเกาะร้อยดาว
ดารินทร์เดินไปบนชายหาดหน้ารีสอร์ตจนสุดแนว แล้วเดินย้อนกลับมายังห้องพักของตัวเอง ระหว่างทางผ่านสวนมีป้ายเขียนว่าห้ามเข้า ทางเดินนั้นตรงไปยังกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าที่พักของเธอมาก การตกแต่งก็พิเศษกว่าห้องพักอื่นๆ ทำให้ดารินทร์รู้สึกสนใจ เธอมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นว่ามีใครผ่านมาทางนี้ ก็ถือโอกาสเดินสำรวจไปจนถึงหน้ากระท่อมนั้น